ตอนที่ 577 ชื่อของเจ้าคือ ต้นไม้สมบัติ

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 577 ชื่อของเจ้าคือ ต้นไม้สมบัติเจ็ดมหัศจรรย์! (2)

“สหายเต๋า เจ้าอย่าได้พูดพล่ามเหลวไหลถึงเรื่องใบหน้าของท่านจอมปราชญ์”

นักพรตเต๋าตั๋วเป่ากล่าวอย่างสงบว่า “ทั้งเจ้าและข้าต่างก็เป็นศิษย์ของปรมาจารย์จอมปราชญ์ และพวกเราในฐานะศิษย์ ก็ควรปกปักรักษาใบหน้าของอาจารย์ของพวกเรา แทนที่จะแอบทำสิ่งสกปรกอยู่เบื้องหลังลับๆ และทำลายรากฐาน

ตอนนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้ว เจ้าเพียงกล่าวถึงใบหน้าของท่านจอมปราชญ์และใช้มันเป็นสมบัติคุ้มกันร่างของตัวเอง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเป็นพวกเราที่กำลังพยายามจะทำให้ท่านจอมปราชญ์ต้องเสียหน้า หรือเป็นพวกเจ้าเองที่กำลังฉีกใบหน้าของท่านจอมปราชญ์ของพวกเจ้าเอง แล้วโยนมันไปทิ้งต่อหน้าพวกเรากันแน่?”

ใบหน้าของนักพรตเต๋าชราเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในขณะที่เขาตวาดออกมาว่า “สหายเต๋า คำพูดแกร่งกร้าวไร้เหตุผลและระดับฐานพลังของสหายนักพรตเต๋าช่างบิดเบี้ยวได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ!”

Guangchengzi กล่าวว่า: “เพื่อนนักพรตเต๋า ถ้าคุณทำตามที่คุณพูด ตะวันตกกำลังแพร่ข่าวลือและใส่ร้ายลัทธิเต๋า ทงเทียนก็อายเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

กวงเฉิงจื่อกล่าวว่า “สหายเต๋า หากเป็นตามที่เจ้าว่า สำนักบำเพ็ญประจิมจะไม่ทำให้ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ อาจารย์ลุงทงเทียน ต้องอับอายขายหน้าด้วยการแพร่กระจายข่าวลือและใส่ร้ายสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าในครั้งนี้หรอกหรือ?”

“มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ แล้วจะเกี่ยวอะไรกับใบหน้าของท่านจอมปราชญ์?”

นักพรตเต๋าชราอีกคนหนึ่งจากภูเขาวิญญาณ “ออกหน้า” มาและแย้มยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ความจริงแล้ว เป็นเพียงความเคืองแค้นส่วนตัวระหว่างคนสองคน สำนักบำเพ็ญเต๋าและ สำนักบำเพ็ญประจิมก่อตั้งขึ้นจากจอมปราชญ์ แล้วไฉนทุกคนถึงเข้มงวดเช่นนี้? บางที ปล่อยให้สหายเต๋าจ้าวกงหมิงตัดสินใจเรื่องนี้เองจะไม่เป็นการดีกว่าหรือเล่า?”

“โว้ว โว้ว โว้ว” ไท่อี่เจินเหรินกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “สำนักบำเพ็ญประจิมนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ พวก เราพูดถึงเหตุผล แต่พวกเจ้าแค่กำลังพูดผิวหนังหนา พวกเราพูดถึงผิวหนังและพวกเจ้าก็กำลังเริ่มพูดถึงความรู้สึกและความสัมพันธ์อีกครั้ง

พวกเจ้าสำนักบำเพ็ญประจิมพูดแต่เรื่องดีๆ ไปหมดแล้ว เช่นนั้น หรือจะหมายความว่าในวันนี้ สำนักบำเพ็ญเต๋าของข้ากำลังรังแกผู้อ่อนแอกว่าใช่หรือไม่? ”

นักพรตเต๋าชรายิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้หมายความเยี่ยงนั้น แต่ในเมื่อเจ้าบอกว่า…”

“ถูกต้อง” ไท่อี่เจินเหรินพยักหน้าช้าๆ และกล่าวขัดจังหวะนักพรตเต๋าชรา เขากล่าวต่ออย่างสงบอีกว่า “พวกเรามาที่นี่ในวันนี้ เพื่อรังแกลูกพลับอ่อน[1]ๆ อย่างพวกเจ้า หากพวกเจ้าไม่ยอมรับ พวกเราก็จะเอาทุบตีมัน และจะหยุดหากพวกเจ้ายอมรับมัน”

หลี่ฉางโซ่วเกือบจะหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น

ไท่อี่เจินเหรินก็เป็นคนที่น่าสนใจเช่นกัน

ขณะที่ทั้งสองมีวิวาทะกัน สำนักบำเพ็ญประจิมก็ไม่อาจยืนหยัดได้อีกต่อไป และนั่นก็ทำให้หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจ

โดยปกติแล้ว บรรดาเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋า มักจะดูค่อนข้างเรียบง่ายและบริสุทธิ์ นั่นเป็นเพราะสำนักบำเพ็ญเต๋าสงบสุขมานานเกินไป พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลกับการวางอุบายและใช้เวลาวางแผนทำร้ายกันเอง

วันนี้เขาได้เผยทักษะคารมที่เฉียบแหลมเล็กน้อยเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของเหล่าเซียนของทั้งสามสำนัก

ในขณะนี้ จ้าวกงหมิงไม่สนใจใบหน้าที่บูดบึ้งของนักพรตเต๋าชราจากสำนักบำเพ็ญประจิม เขาก้มหน้าลงมองคนอยู่แทบเท้าของเขา และวางไข่มุกเทพทะเลสองเม็ดออกมาเพื่อให้คนผู้นั้นสามารถพูดได้

“พูดมา เจ้าแพร่กระจายข่าวลือออกไปได้อย่างไร?”

นักพรตเต๋าวัยกลางคนดูมีโทสะ แต่เขาก็รีบเก็บซ่อนมันเอาไว้อย่างรวดเร็ว และในขณะที่เขากำลังจะพูดออกไป จ้าวกงหมิงก็หยิบม้วนกระดาษเก่าๆ ออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้วโยนมันไปที่หน้าอกของนักพรตเต๋าวัยกลางคนผู้นั้น

จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “หลังจากที่เจ้าชี้แจงเสร็จแล้ว เจ้ายังต้องให้สัตย์สาบาน”

คนผู้นั้นมีสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ในขณะนั้น เขาถูกปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าควบคุมเอาไว้จนไม่มีโอกาสแม้แต่จะพลิกร่างกลับมา แล้วเขาจะทำการสาบานได้อย่างไร?

ทันทีที่เขายืนขึ้น เขาก็จะถูกเปิดเผย แล้วชื่อเสียงของสำนักบำเพ็ญประจิมก็จะถูกทำลายพร้อมกับที่ใบหน้าของจอมปราชญ์จะดำดิ่งลงอย่างมาก และสำนักบำเพ็ญประจิมก็อาจจะกลายเป็นตัวตลกในโลกบรรพกาล

หากจะบอกว่าเขาและสำนักบำเพ็ญประจิมมีวาสนาชะตาลิขิตต่อกัน เขาย่อมจะต้องอาศัยเวทอาคมเพื่อควบคุมจิตใจของผู้คนเท่านั้น!

ในยามนั้น นักพรตเต๋าชราบนภูเขาวิญญาณครุ่นคิดร่วมกันในขณะที่บรรดาเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าต่างก็กดดันทุกย่างก้าว

จู่ๆ จ้าวกงหมิงได้ยินข้อความเสียงเข้ามาในหูของเขาอีกครั้ง หลี่ฉางโซ่วกำลังเตือนเขาอย่างระมัดระวัง …

“พี่ชาย โปรดระวังตัวให้ดีด้วย จอมปราชญ์กำลังจะปรากฏตัวแล้ว”

ทันทีที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวจบ ก็มีลำแสงส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าเหนือภูเขาวิญญาณ แล้วเสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นจากทั่วทุกทิศทางในขณะที่บรรดาเซียนหลายคนจากสามสำนักต่างก็พากันเผยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

พวกเขาบีบบังคับให้จอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมปรากฏตัวในวันนี้ได้หรือ?

หากจอมปราชญ์ของอีกฝ่ายปรากฏตัวก่อน เช่นนั้นก็ถือว่าวันนี้พวกเขาบรรลุเป้าหมายสมบูรณ์แบบแล้ว ในตอนนี้ โลกบรรพกาลเป็นยุคของจอมปราชญ์ทั้งหก มันย่อมจะเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่หากพวกเขาสามารถบีบบังคับให้จอมปราชญ์ปรากฏตัวออกมาได้สักครั้ง!

ท่ามกลางแสงสว่าง เมฆหมอกได้ก่อตัวขึ้นจากอากาศบางๆ และปะติดปะต่อกันเป็นภาพร่างเวทของจอมปราชญ์ที่สูงนับพันจั้ง

ร่างเวทนั้นค่อยๆ ยกมือขึ้นช้าๆ ลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากก้อนเมฆและค่อยๆ พุ่งตรงเข้าหาจ้าวกงหมิงอย่างช้าๆ

จ้าวกงหมิงกำลังจะต่อสู้กลับทันที แต่ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้าเขา เป็นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู เขาเคลื่อนไหวแวบวาบอย่างรวดเร็วและเข้ามาขวางกั้นจ้าวกงหมิงและเหล่าศิษย์น้องคนอื่นๆ จากสำนักบำเพ็ญเต๋าที่อยู่ข้างหลังเขา

แผนภาพไท่จี๋ปรากฏขึ้นพร้อมกับเจดีย์เสวียนหวงก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน!

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูไม่ได้เอ่ยวาจาใดสักคำ ดวงตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ และมีอักขระเต๋าหมุนรอบตัวเขา

ในขณะนั้น เจดีย์เสวียนหวงเหนือศีรษะของเขาแผ่พลังลมปราณเสวียนหวงออกมาในขณะที่แผนภาพไท่จี๋บนฝ่ามือของเขาแผ่ขยายออกไปในสายลม

แล้วลำแสงสีทองก็พุ่งเข้ากระแทกใส่ต้นไม้สมบัติต้นหนึ่ง

ต้นไม้สมบัตินั้นสูงหลายสิบฉื่อ มันมีกิ่งก้านสาขาแตกง่ามออกไปไม่มากนัก แต่กิ่งก้านและใบของมันล้วนเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ มันเปล่งประกายวิบวับด้วยแสงวิญญาณของสมบัติทั้งเจ็ดและมีเต๋าใหญ่เซียนเทียน นอกจากนี้มันยังได้รับพรเพิ่มจากอักขระเต๋าพิเศษเฉพาะของจอมปราชญ์!

ต้นไม้นี้เรียกว่าต้นไม้เจ็ดสมบัติมหัศจรรย์ และสมบัติชิ้นนี้เคยได้เห็นเต๋าฮุ่นหยวน

ในชั่วพริบตา ต้นไม้เจ็ดสมบัติมหัศจรรย์ ก็กวาดข้ามมา และเป้าหมายของมันก็คือ นักพรตเต๋าวัยกลางคนที่อยู่ต่อหน้าจ้าวกงหมิง

แผนภาพไท่จี๋หยุดกลางคัน และขยายกลายเป็นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสามจั้งในชั่วพริบตา เดียว มันปิดกั้นต้นไม้สมบัติที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ

ฝ่ายหนึ่งโจมตีในขณะที่อีกฝ่ายปัดป้อง

ในช่วงเวลาที่สมบัติเซียนเทียนทั้งสองสัมผัสกัน เต๋าใหญ่ก็สั่นสะเทือนและกระเพื่อมทันที และเกิดคลื่นกระแทกแนวตั้งกวาดพัดขึ้นลง ทำให้พลังวิญญาณทั้งหมดในรัศมีแสนลี้ก็ปั่นป่วนปรวนแปร

ท่ามกลางเสียงอึกทึกดังครืนๆ ทะเลเมฆก็พังทลายลง และพื้นดินก็แตกแยกออก ทิ้งรอยสีขาวบางๆ เอาไว้บนแผ่นฟ้า แล้วแผ่ขยายกระจายออกไปหลายหมื่นลี้…

ในยามนั้น เขามองไปที่สมบัติทั้งสองที่ต่างชะงักงันกันอยู่พักหนึ่ง!

พลังหยินหยางในแผนภาพไท่จี๋ค่อยๆ หมุนไปอย่างนุ่มนวล และความจริงแล้ว ต้นไม้สมบัติเจ็ดมหัศจรรย์ก็กำลังจะร่วงลงไปกระแทกพื้นในทันที!

………………………………………………………………..

[1] พวกอ่อนแอแพ้ง่าย พวกนุ่มนิ่ม