ตอนที่ 688 ช่วยเหลือ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 688 ช่วยเหลือ

“ลำบากทั้งสองท่านมารอต้อนรับข้าที่นี่แล้ว แค่ก แค่ก…” ไป๋ชิงเหยียนกุมหน้าอกพลางไอออกมาอีกสองครั้ง แสร้งทำตัวเหมือนคนไม่มีแรง

ใจของนายอำเภอโจวกระตุกวูบ ครั้งนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วสร้างความดีความชอบในการคุ้มครองฮ่องเต้และองค์รัชทายาท ทว่า นางจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานอย่างที่ผู้คนลือกันจริงๆ หรือ

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วโปรดรักษาสุขภาพด้วยพ่ะย่ะค่ะ” นายอำเภอโจวกล่าวอย่างเป็นห่วง

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของนายอำเภอโจวมีน้ำตาคลอขึ้นมา ราวกับว่าอีกไม่นานน้ำตาของเขาคงไหลอาบแก้ม เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี กล่าวเสียงสะอื้นเล็กน้อย

“ชาวบ้านเมืองซั่วหยางยังรอให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วฝึกฝนพวกเราปราบปรามโจรป่าอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ ขอให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงหายดีในเร็ววันพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบใจนายอำเภอโจวมาก ไป๋ชิงผิงจะเป็นคนดูแลเรื่องการปราบโจรป่าจนกว่าข้าจะหายดี หวังว่านายอำเภอโจวจะให้ความช่วยเหลือเขาด้วย” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองไป๋ชิงผิง

ไป๋ชิงผิงทำความเคารพนายอำเภอโจวอย่างนอบน้อม นายอำเภอโจวรีบโบกมือ “เกรงใจเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงคุณชายไป๋เอ่ยปากสั่ง กระหม่อมพร้อมทำตามคำสั่งของคุณชายเสมอพ่ะย่ะค่ะ มีคุณชายของท่านเจ้าเมืองเสิ่นคอยช่วยเหลือคุณชายไป๋อยู่ กระหม่อมคงไม่มีประโยชน์อันใดนักพ่ะย่ะค่ะ”

นายอำเภอโจวหันไปโค้งกายให้เจ้าเมือง

ไป๋ชิงเหยียนได้แต่ยิ้มน้อยๆ สายตาหยุดอยู่ที่ร่างของเจ้าเมืองเสิ่น “หากช่วงนี้ท่านเจ้าเมืองเสิ่นพอมีเวลา ข้าอยากเชิญท่านมานั่งเล่นที่จวนไป๋สักหน่อย”

เจ้าเมืองเสิ่นรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนหมายถึงสิ่งใด เขารีบกล่าวอย่างนอบน้อม “องค์หญิงเจิ้นกั๋วมิต้องทรงเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปพบองค์หญิงภายในสามวันนี้พ่ะย่ะค่ะ”

นายอำเภอโจวไม่รู้ว่าเจ้าเมืองเสิ่นและองค์หญิงเจิ้นกั๋วมีลับลมคมนัยอันใดกัน ทว่า เขาไม่อยากพลาดโอกาสประจบองค์หญิงเจิ้นกั๋วเช่นเดียวกันจึงรีบกล่าวขึ้น “กระหม่อมก็จะไปเยี่ยมองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่จวนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนกุมหน้าอกอย่างไร้เรี่ยวแรง ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากพลางหอบหายใจอยู่ครู่ใหญ่ หญิงสาวส่งสัญญาณให้ชุนเถาลดม่านลง เสียงไออย่างรุนแรงดังออกมาจากรถม้า

“ท่านใต้เท้าทั้งสอง พี่หญิงใหญ่ได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่สะดวกหยุดอยู่ที่นอกเมืองนานนัก พวกข้าต้องเดินทางกลับจวนแล้ว ต้องขออภัยด้วย!” ไป๋จื้นจื้อนั่งกุมบังเหียนอยู่บนหลังม้า ยกมือคารวะเจ้าเมืองเสิ่นและนายอำเภอโจว

เจ้าเมืองเสิ่นรีบหลีกทางให้ “น้อมส่งองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เกาอี้จวิ่นจู่พ่ะย่ะค่ะ!”

นายอำเภอโจวหลีทางให้แล้วโค้งกายคำนับเช่นเดียวกัน “น้อมส่งองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เกาอี้จวิ่นจู่พ่ะย่ะค่ะ!”

“เข้าเมือง!” ไป๋จิ่นจื้อตะโกนบอก

รถม้าค่อยๆ เคลื่อนขบวนอีกครั้ง เมื่อรถม้าขององค์หญิงเจิ้นกั๋วหายลับเข้าไปในเมืองซั่วหยาง นายอำเภอโจวจึงหยัดกายตรงตามเดิม เมื่อหันกลับไปเห็นเจ้าเมืองเสิ่นกำลังจะขึ้นไปบนเกี้ยวของตัวเอง นายอำเภอโจวรีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าเมืองเสิ่นทันที

“ใต้เท้าเสิ่น ใต้เท้าเสิ่นรอข้าด้วยขอรับ!”

เจ้าเมืองเสิ่นหันกลับไปมองนายอำเภอโจวที่กำลังวิ่งมาทางตน เขาชะงักฝีเท้าที่จะก้าวขึ้นไปบนเกี้ยว แล้วยืดกายตรง

“ใต้เท้าโจวมีเรื่องอันใดหรือ”

“ใต้เท้าเสิ่นจะไปเยี่ยมจวนไป๋ภายในสามวันนี้ใช่หรือไม่ ท่านตั้งใจจะไปวันใดขอรับ” นายอำเภอโจวแสะยิ้มมองไปทางเจ้าเมืองเสิ่น จากนั้นกล่าวอย่างเป็นกันเอง “ข้าจะไปพร้อมท่าน ท่านจะได้มีเพื่อนเช่นไรเล่าขอรับ”

เขาจะปล่อยให้เจ้าเมืองเสิ่นทำหน้าที่ดีๆ อย่างการไปเยี่ยมองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่จวนไป๋ผู้เดียวได้อย่างไรกัน

หากไปเร็วเกินไปแล้วรบกวนเวลาพักผ่อนขององค์หญิงเจิ้นกั๋วคงไม่เหมาะสมสักเท่าใดนัก ทว่า หากปล่อยให้เจ้าเมืองเสิ่นไปประจบองค์หญิงเจิ้นกั๋วก่อนหน้าเขา องค์หญิงอาจคิดว่าเขาไม่มีความจริงใจได้

ที่สำคัญองค์หญิงเจิ้นกั๋วเชิญเจ้าเมืองเสิ่นไปที่จวนไป๋ ทว่า ไม่ได้ชวนเขา เจ้าเมืองเสิ่นไปเยี่ยมไม่ถือเป็นการรบกวน หากเขาไปจะถือเป็นการรบกวนทันที

คิดไปคิดมา นายอำเภอโจวรู้สึกว่าเขาควรจะไปพร้อมกับเจ้าเมืองเสิ่นดีที่สุด

เจ้าเมืองเสิ่นมองสำรวจนายอำเภอโจว จากนั้นกล่าวขึ้นนิ่งๆ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดองค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงเรียกข้าไปหาที่จวน หากเจ้าอยากไปประจบนาง ข้าขอแนะนำให้เจ้าไปวันหลังจะดีกว่า มิเช่นนั้นเจ้าอาจพลอยเดือดร้อนไปกับข้าด้วย!”

กล่าวจบ เจ้าเมืองโน้มกายเข้าไปในเกี้ยวแล้วจากไปทันที

นายอำเภอโจวมองไปยังเกี้ยวของเจ้าเมืองเสิ่นที่จากไปไกลอย่างตกตะลึง คิดอยู่ในใจว่าเจ้าเมืองเสิ่นคงไปล่วงเกินอันใดองค์หญิงเจิ้นกั๋วเข้าให้แล้ว

นายอำเภอโจวไม่สงสัยสักนิดว่าเจ้าเมืองเสิ่นจะโกหกเขาแล้วแอบไปประจบองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่จวนไป๋คนเดียว เจ้านายของเขาคนนี้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองมานานหลายปี ทว่า ไม่เคยสร้างปัญหาหรือจงใจแกล้งเขาเลยสักครั้ง

นายอำเภอโจวลูบเคราของตัวเองอย่างใช้ความคิด เขาควรรอให้เจ้าเมืองเสิ่นไปหาองค์หญิงเจิ้นกั๋วก่อนสักสองสามวันแล้วเขาค่อยไปเยี่ยมนางต่อ มิเช่นนั้นเขาอาจพลอยเดือดร้อนไปกับเจ้าเมืองเสิ่นด้วย ช่วงนี้เขาควรคิดหาวิธีเข้าพบท่านผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงให้ได้ก่อนดีกว่า หากเขาได้ตัวอักษรมงคลซึ่งเขียนด้วยลายพู่กันของท่านผู้เฒ่ามาสักตัวคงจะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูลได้เลย

เมื่อได้ยินว่ารถม้าขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเลี้ยวเข้ามาในซอยแล้ว ต่งซื่อ ฮูหยินสามหลี่ซื่อ ฮูหยินสี่หวังซื่อ ฮูหยินห้าฉีซื่อ คุณหนูห้าไป๋จิ่นเจา คุณหนูหกไป๋จิ่นหวา คุณหนูแปดไป๋หวั่นชิงที่อยู่ในอ้อมกอดของฉีซื่อและต่งถิงเจินที่มาพักอาศัยอยู่ที่ตระกูลไป๋ต่างออกมารอต้อนรับขบวนของไป๋ชิงเหยียนอยู่หน้าประตูจวนสีแดงเคลือบน้ำมันของตระกูลไป๋อย่างพร้อมเพรียงกัน

ทุกคนในตระกูลไป๋รับรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนได้รับบาดเจ็บ ทว่า ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหญิงสาวได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด

ต่งซื่อยืนเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา โชคดีที่มีต่งถิงเจินคอยปลอบโยนอยู่ข้างๆ

เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อลงมาจากหลังม้า ต่งซื่อรีบเอ่ยเรียก “เสี่ยวซื่อ พี่หญิงใหญ่ของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง”

ไป๋จิ่นจื้อทำความเคารพญาติผู้ใหญ่ทุกคน จากนั้นกล่าวขึ้น “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่เตรียมเกี้ยวไว้ให้พี่หญิงใหญ่หรือไม่เจ้าคะ”

เมื่อได้ยินว่าต้องแบกไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในจวน ต่งซื่อแทบเซล้ม ใบหน้าของนางซีดเผือด “พี่หญิงใหญ่ของเจ้า…”

“ท่านป้าเจ้าคะ” ต่งถิงเจินรีบประคองต่งซื่อ ใบหน้าของหญิงสาวส่อแววกังวลขึ้นเช่นเดียวกัน พี่หญิงได้รับบาดเจ็บหนักอย่างนั้นหรือ!

ไป๋จิ่นจื้อกลัวว่าท่านป้าสะใภ้จะเป็นกังวลจึงขยิบตาส่งสัญญาณให้นาง จากนั้นแสร้งกล่าวออกมาเสียงดังลั่น “พี่หญิงใหญ่ได้รับบาดเจ็บหนักจากการช่วยชีวิตองค์รัชทายาทเอาไว้ เกรงว่าคงไม่อาจเดินกลับเข้าไปในเรือนปัวอวิ๋นได้ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่รีบสั่งให้คนนำเกี้ยวมาแบกร่างของพี่หญิงใหญ่เข้าไปด้านในเถิดเจ้าค่ะ”

หลี่ซื่อเห็นท่าทีขยิบตาของไป๋จิ่นจื้อก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมนัยแฝงอยู่ นางหันกลับไปมองฮูหยินสี่และฮูหยินห้า

ฮูหยินห้าฉีซื่อได้สติเร็วกว่าทุกคน นางรีบกล่าวกับต่งซื่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ให้คนเตรียมเกี้ยวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ว่าอาเป่าจะบาดเจ็บมากเพียงใดก็ไม่ควรยืนคุยกันอยู่ที่หน้าจวนเช่นนี้นะเจ้าคะ แบกอาเป่ากลับเรือนปัวอวิ๋นก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

ต่งซื่อเป็นกังวลมาก นางพยักหน้าแล้วสั่งให้ฉินหมัวมัวไปเตรียมเกี้ยว เมื่อเห็นรถม้าจอดลงที่หน้าประตู ต่งซื่อถลกชายกระโปรงสีม่วงของตัวเองขึ้น ประคองมือของสาวใช้ทิงจู๋เดินลงจากบันไดไปอย่างรวดเร็ว

ชุนเถาเดินออกมาจากรถม้าเป็นคนแรก นางทำความเคารพต่งซื่อด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ฮูหยิน!”

เกี้ยวยังมาไม่ถึง ต่งซื่อจึงรีบก้าวขึ้นไปบนรถม้าอย่างทนไม่ไหวพลางเอ่ยถามชุนเถา “คุณหนูใหญ่เป็นเช่นไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บตรงที่ใด”

น้ำเสียงในตอนท้ายของต่งซื่อสั่นระริก ส่อแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด

แม้ต่งถิงเจินจะเป็นห่วงไป๋ชิงเหยียนมากเช่นเดียวกัน ทว่า นางไม่อาจขึ้นไปเบียดบนรถม้าด้วยได้

ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงหมอน เมื่อเห็นต่งซื่อขึ้นมาบนรถม้า หญิงสาวรีบหยัดกายตรงทันที นางไม่กล้าแสดงท่าทีอ่อนแอให้มารดาเป็นกังวลมากกว่าเดิม หญิงสาวเอ่ยเรียกยิ้มๆ “ท่านแม่…”