บทที่ 699 ชวนหลี่ฝานกินหม้อไฟ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 699 ชวนหลี่ฝานกินหม้อไฟ

บทที่ 699 ชวนหลี่ฝานกินหม้อไฟ

จากนั้น กู้เสี่ยวหวานก็ได้ยินคนงานพูดว่า “เจ้านายคนนี้ใจกว้างจริง ๆ พวกเขากินบะหมี่หมูเส้นและหมั่นโถวในตอนเช้า พวกเราไม่เคยกินอาหารเช้าที่ดีถึงเพียงนี้ในบ้านของเรามาก่อน!”

“ไม่ใช่งั้นหรือ?” คนข้าง ๆ เขาสะท้อนใจ “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เจอเจ้านายที่ดีเช่นนี้ พวกเราต้องตั้งใจทำงาน ทำให้มันเสร็จเร็ว ๆ และให้เจ้านายอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่เราสร้างขึ้น!”

“ใช่ ๆ กินเร็ว ๆ กินเสร็จพวกเราก็ไปทำงานได้!”

คนชนบท เวลาทำอะไรก็ซื่อตรง เห็นเจ้านายไม่ยอมให้พวกเขาลำบาก จึงย่อมไม่คิดให้ปล่อยให้เจ้านายต้องลำบากเช่นกัน!

เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนี้มีความจริงใจ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

จากนั้นนางก็มองไปที่ผู้ช่วยทั้งสองคน

พวกนางต้องจ่ายค่าอาหารให้คนงานที่ถูกจ้างให้มาสร้างบ้านเอง ซึ่งมันเกือบเป็นอาหารของคน ยี่สิบคน หลี่ฝานกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะเป็นกังวล ดังนั้นเขาจึงย้ายพ่อครัวสองคนที่เรียนรู้การทำอาหารจากร้านอาหารมาช่วย โดยเพิ่มพิเศษให้สิบห้าเหรียญทองแดงต่อวัน พวกเขาไม่ต้องไปที่ร้านจิ่นฝู แต่ยังคงได้รับค่าจ้าง พวกเขาแค่ต้องเตรียมอาหารสามมื้อต่อวันที่นี่

นี่เป็นงาน แต่พวกเขาได้เงินเดือนสองต่อ ดีมาก พ่อครัวสองคนมีความสุข จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะทำงานหนักยิ่งกว่าอะไร

“นี่คือพ่อครัวฝึกหัดสองคนจากร้านจิ่นฝู ให้พวกเขามาทำอาหารให้คนงานเหล่านี้!” หลี่ฝานอธิบาย

“แล้วร้านจิ่นฝูล่ะ?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าหลี่ฝานถึงกับย้ายพ่อครัวจากร้านจิ่นฝู

“ไม่เป็นไร ในครัวมีพ่อครัวสามคน ในวันธรรมดาทั้งสองคนเองก็ทำงานในครัวเพื่อเรียนรู้ด้วย!”หลี่ฝานอธิบาย

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและส่งเสียงรับคำ

หลังจากพิธีสิ้นสุดลง กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือก็เดินไปรอบ ๆ บริเวณที่สร้างบ้าน พื้นถูกปูด้วยไม้ หิน ทรายและวัสดุอื่น ๆ เช่นเดียวกับเครื่องมือ เช่น พลั่ว ที่วัดระยะ และอื่น ๆ แต่มันก็เหมือนถูกจัดเป็นระเบียบอย่างดี

หลินต้าเฟิงสั่งให้ทุกคนทำงานส่วนของตนเองอย่างเป็นระเบียบ

เนื่องจากยังไม่ได้วางฐาน ยกเว้นบางคนที่อยู่ที่นี่เพื่อขุดรากฐาน คนอื่น ๆ ต่างตามหลินต้าเฟิงไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อขุดหิน

หลังจากเดินไปรอบ ๆ แม้ว่านางจะมองไม่เห็นอะไรเลย แต่กู้เสี่ยวหวานก็รู้ว่าเมื่อพวกนางกลับมาในอีกไม่กี่วัน ที่นี่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นสูง ในขณะนี้ฉินเย่จือก็พลันเอ่ย “อากาศเริ่มร้อนแล้ว เหตุใดพวกเราไม่กลับไปกันก่อนล่ะ!”

กู้เสี่ยวหวานมองขึ้นไปบนท้องฟ้า รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิร้อนขึ้น นางจึงพยักหน้า

หลี่ฝานเองก็แนะนำให้พวกเขากลับไปก่อน “ใช่ เสี่ยวหวาน พวกเจ้ากลับกันไปก่อน คนรับใช้จากร้านจิ่นฝูของข้าจะเฝ้าอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงไป!”

จากนั้น เด็กหนุ่มจึงก้าวออกมาคำนับกู้เสี่ยวหวานและเรียกอย่างไพเราะว่า “สวัสดีแม่นางกู้…”

เด็กหนุ่มสวมหมวกฟาง ยามกู้เสี่ยวหวานเห็นครั้งแรก นางก็รู้สึกว่าคน ๆ นี้ดูคุ้นเคย แต่เมื่อครู่นางไม่มีโอกาสได้มองใกล้ ๆ เมื่อนางเห็นเขาในครั้งนี้ นางก็รู้สึกว่าคน ๆ นี้คุ้นเคยมากราวกับว่านางเคยเห็นเขามาก่อน!

“เจ้าไม่ใช่…” กู้เสี่ยวหวานพลันจำได้ว่าคน ๆ นี้เคยได้ช่วยเหลือนางไว้หลายครั้ง!

ตอนที่นางไปส่งหน่อไม้ด้วยตัวเอง และต่อมา เป็นเด็กหนุ่มคนนี้ที่แนะนำให้นางไปที่ร้านจิ่นฝูในเมืองรุ่นเสียนเพื่อตามหาหลี่ฝาน

มันกลายเป็นเจ้าหนูคนนี้!

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานจำตนได้ คนรับใช้หนุ่มก็ยิ้มอย่างเปิดเผย “แม่นางกู้มีความจำดีนัก ผู้น้อยแซ่ตู้… ทุกคนเรียกข้าว่าเสี่ยวตู้จื่อ!”

เสี่ยวตู้จื่อ (พุงน้อย)?

กู้เสี่ยวหวานหัวเราะออกมา เสี่ยวตู้จื่อก็รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานหัวเราะอะไร และยิ้มอย่างเหยเก “แม่นางกู้ เสี่ยวตู้จื่อ (หยุดเล็กน้อย) นี้ไม่ใช่เสี่ยวตู้จื่อ (พุงน้อย) นั้น! แต่ถ้าแม่นางต้องการเรียกข้าว่าเสี่ยวตู้จื่อ (พุงน้อย) ล่ะก็ เสี่ยวตู้จื่อ (หยุดเล็กน้อย) คือเสี่ยวตู้จื่อ (พุงน้อย)!”

เสี่ยวตู้จื่อผู้นี้รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนดี ดังนั้นเขาจึงย่อมต้องการเป็นสหายกับนาง

เมื่อได้ยินเสี่ยวตู้จื่อพูด กู้เสี่ยวอี้ก็สับสน “ท่านพี่ เสี่ยวตู้จื่อ (พุงน้อย) นี้เสี่ยวตู้จื่อ (พุงน้อย) นั้นคือพุงอะไร? พุงก็แค่พุงไม่ใช่หรือ?”

หลังจากพูดจบ นางก็สัมผัสท้องตนอย่างอยากรู้อยากเห็น

เขาบอกเสี่ยวตู้จื่อ (พุงน้อย) นี้ เสี่ยวตู้จื่อ (พุงน้อย) นั้น ทำอะไรกันก็ไม่รู้!

ท่าทีที่น่าเอ็นดูของกู้เสี่ยวอี้ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา

เมื่อเห็นว่าแดดร้อนมาก กู้เสี่ยวหวานก็ไม่กล้าอยู่นาน นางจึงขอให้เสี่ยวตู้จื่อระวังตัวมากขึ้น และบอกพวกเขาว่าถ้าร้อนเกินไป พวกเขาต้องให้คนงานพักผ่อนมากขึ้น ไม่เป็นไรหากเริ่มงานช้า แต่อย่าให้ทุกคนเป็นลมแดด

ครั้นเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเห็นอกเห็นใจคนงานมากเพียงใด เสี่ยวตู้จื่อก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา และตบหน้าอกอย่างรวดเร็ว โดยบอกว่าเขาทราบแล้ว

จากนั้นทุกคนก็ลงจากภูเขาอีกครั้ง

ที่ดินหนึ่งร้อยห้าสิบหมู่บนภูเขานี้ทั้งหมดเป็นของกู้เสี่ยวหวาน

ตอนนี้มันเป็นสีเขียวแล้ว และในอีกไม่กี่เดือนทุกอย่างที่นี่จะกลายเป็นสีเหลืองทอง สีทองหมายถึงอีกปีที่ผ่านไป

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกถึงอารมณ์เล็กน้อย บางทีครั้งต่อไปที่นางมาอาศัยอยู่ที่นี่ หิมะสีขาวจะเข้าปกคลุม

ทางหลี่ฝานและฉินเย่จือกำลังพูดคุยกันอย่างระมัดระวัง ซึ่งฟังดูเหมือนการพูดคุยทั่วไป

“ในช่วงเวลานี้ กำไรของร้านจิ่นฝูดีมาก อาหารเย็นที่เตรียมโดยเสี่ยวหวานเมื่อคราวที่แล้วเป็นอาหารทานเล่นที่ดีมาก และราคาก็สมเหตุสมผล ใคร ๆ ก็ชอบสั่ง!” หลี่ฝานกล่าว

ฉินเย่จือพยักหน้าแสดงว่าเขารับรู้

กู้เสี่ยวหวานที่อยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ความหมายของสิ่งที่พวกเขาพูด และคิดว่าพวกเขาแค่คุยกันแบบสบาย ๆ แต่มันเตือนนางให้นึกถึงเรื่องที่จะเชิญหลี่ฝานไปกินหม้อไฟ

“ท่านลุงหลี่ คืนนี้ท่านว่างหรือไม่?”

“ว่างสิ มีอะไรหรือ?” หลี่ฝานถาม

“พี่ใหญ่ฉินและข้าขอเชิญท่านมาที่สวนหลี่เพื่อทานอาหารมื้อเบา ๆ คืนนี้!” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยเชิญอย่างเคร่งขรึม

เมื่อหลี่ฝานได้ยิน เขาคิดว่าเป็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ที่ต้องการขอบคุณเขา ดังนั้นเขาจึงรีบโบกมือและพูดว่า “ไม่ ๆ ร่างกายของเจ้ายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ไว้ค่อยคุยกันหลังขึ้นตัวบ้านและวางคานแล้ว!”

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าหลี่ฝานกลัวพวกนางมีปัญหา แต่นางต้องเชิญเขามาทานอาหารมื้อนี้จริง ๆ

ฉินเย่จือมองหลี่ฝานอย่างเจ้าเล่ห์พลางยิ้มขึ้น หลี่ฝานผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นได้ยินฉินเย่จือพูดว่า “เถ้าแก่หลี่ ครั้งนี้ท่านต้องมาให้ได้”

“อ่า ๆ ได้ มาแน่นอน มาแน่นอน!” เมื่อหลี่ฝานได้ยินว่าฉินเย่จือต้องการให้เขามา หลี่ฝานก็ตกลงทันทีโดยไม่คิด