ตอนที่ 767 สรรหาอาสาสมัคร

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 767 สรรหา​อาสาสมัคร​

เป็น​อย่าง​ที่​หลิน​ม่าย​คาด​ไว้​ สิ่งที่​ประเทศ​จีน​ไม่เคย​ขาดแคลน​คือ​เยาวชน​เลือดร้อน​

สายด่วน​สำหรับ​เปิดรับ​อาสาสมัคร​ของ​ตลาดสด​ฝูตัว​ตัว​แทบ​ระเบิด​ตั้งแต่​ก่อนเวลา​เจ็ด​โมงเช้า

เยาวชน​ผู้​กระตือรือร้น​เหล่านี้​ซื้อ​หนังสือพิมพ์​ตั้งแต่​เช้าตรู่​ เมื่อ​เห็น​ประกาศ​เปิดรับ​อาสาสมัคร​ของ​หลิน​ม่าย​ที่​ตีพิมพ์​ใน​ข่าว​ค่ำ​ปักกิ่ง​เมื่อวาน​นี้​ พวกเขา​ก็​ต่อสาย​หา​อย่าง​ตื่นเต้น​ทันที​

ในเวลาเดียวกัน​ สายด่วน​อื่นๆ​ ของ​ตลาดสด​ฝูตัว​ตัว​ที่​เปิดรับ​การ​ลงทะเบียน​เพื่อ​รับ​เงินสนับสนุน​อาหาร​และ​จัดส่ง​ถึงบ้าน​ฟรี​ก็​ร้อนแรง​จน​สาย​แทบ​ไหม้​เช่นกัน​

อาสาสมัคร​ต่าง​ก็​เป็น​นักศึกษา​วิทยาลัย​ที่​ไม่ได้​กลับ​บ้านเกิด​ใน​ช่วง​ปิด​ภาคเรียน​ฤดูหนาว​ และ​ต้อง​ติด​อยู่​ที่​โรงเรียน​

นอกจากนี้​ยังมี​นักศึกษา​ระดับ​ปริญญาโท​และ​ปริญญาเอก​ นักเรียน​มัธยมปลาย​และ​มัธยมต้น​อยู่​เพียง​ไม่กี่​คน​

ไม่ใช่ว่า​เด็ก​มัธยม​หรือ​คนหนุ่มสาว​ใน​สังคม​ไม่มีจิตใจ​เอื้อเฟื้อ​

แต่​คน​ยุค​สมัยนี้​ยัง​ไม่เข้าใจ​ว่า​จิต​อาสา​คือ​อะไร​

นักศึกษา​ คนหนุ่มสาว​ และ​นักเรียน​มัธยม​ได้​มีโอกาส​สัมผัส​กับ​สิ่งแปลกใหม่​มากกว่า​คน​ทั่วไป​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงโทร​มาลงทะเบียน​เพราะ​อยากรู้​ว่าการ​เป็น​อาสาสมัคร​คือ​อะไร​

หลิน​ม่าย​ต้องการ​อาสาสมัคร​จำนวนมาก​ คน​คน​นั้น​ต้อง​มีสุขภาพ​ร่างกาย​แข็งแรง​ อดทน​ต่อ​ความยากลำบาก​ มีการศึกษา​อย่าง​น้อย​ระดับ​ประถม​ และ​มีความ​กระตือรือร้น​

ตราบใดที่​มีคุณสมบัติ​ตามเงื่อนไข​ข้างต้น​ ย่อม​ไม่มีใคร​ถูก​ปฏิเสธ​

เป็นผล​ให้​เธอ​รวบ​รวมกลุ่ม​อาสาสมัคร​ได้​มากกว่า​ห้า​ร้อย​คน​ภายใน​เวลา​เพียง​เก้า​โมงเช้า ซึ่งทำให้​หลิน​ม่าย​ตกใจ​และ​ประกาศ​หยุด​รับ​อาสาสมัคร​ทันที​

หลิน​ม่าย​ได้​เตรียมการ​สำหรับ​อาสาสมัคร​เหล่านั้น​แล้ว​

อาสาสมัคร​บางคน​ได้รับ​เลือก​ให้​ดำเนิน​การสำรวจ​ ณ พื้นที่​ที่​มีครอบครัว​ยากจน​ เพื่อให้​พวกเขา​ลงทะเบียน​หาก​ต้องการ​รับ​การ​สนับสนุน​

อาสาสมัคร​คนอื่น​ ๆ ทำหน้าที่​เป็น​คน​ส่งของ​ จัด​ส่งสินค้า​แบบ​ถึงหน้า​ประตู​บ้าน​ให้​กับ​กลุ่ม​พิเศษ​ที่​ไม่สะดวก​ออกมา​ซื้อ​ของ​ใน​ตลาดสด​ฝูตัว​ตัว​ด้วยตัวเอง​

ท้ายที่สุด​แล้ว​พวกเขา​เป็น​นักศึกษา​ที่​ได้รับ​การ​สั่งสอน​มาอย่าง​ดี​ เมื่อ​หลิน​ม่าย​อธิบาย​ออก​ไป​ พวกเขา​เข้าใจ​ได้​ทันที​ว่า​ต้อง​ทำ​อะไร​ และ​ยัง​ปฏิบัติ​ตามอย่าง​เป็นระเบียบ​

แม้ว่า​ไม่จำเป็นต้อง​จ่าย​ค่าจ้าง​อาสาสมัคร​ แต่​หลิน​ม่าย​ก็​เตรียม​อาหาร​ให้​พวกเขา​ระหว่าง​การทำงาน​

เธอ​ขอให้​อาสาสมัคร​เหล่านั้น​รับประทาน​อาหารกลางวัน​ที่​ร้าน​ห่า​ว​ไจ้หลาย​ที่อยู่​ตรงข้าม​กับ​ตลาดสด​ฝูตัว​ตัว​ใน​ช่วง​พักเที่ยง​

หลิน​ม่าย​มีงาน​ยุ่ง​วุ่นวาย​ตั้ง​แต่เช้า​ ขณะที่​ซูอวี้อิ๋ง​ยังคง​นอน​อยู่​บน​เตียง​ หล่อน​มัวแต่​ครุ่นคิด​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้​จน​แทบ​ไม่ได้​หลับ​ตลอดคืน​

หล่อน​ต้อง​แสร้ง​ทำเป็น​หลับ​ เพราะ​ไม่ต้องการ​หย่าร้าง​กับ​ฉางเจีย​เหว่​ย​

ทว่า​ฉางเจีย​เหว่​ย​เข้ามา​ปลุก​หล่อน​อย่าง​แรง​ จน​หล่อน​แกล้ง​ทำเป็น​หลับ​ต่อ​ไม่ได้​

เมื่อ​เห็น​สีหน้า​ของ​ฉางเจีย​เหว่​ย​ที่​มืด​หม่น​ราวกับ​ก้น​หม้อ​ ซูอวี้อิ๋ง​ก็​เข้าใจ​ได้​ว่า​เขา​คง​โกรธ​ที่​หล่อน​แกล้ง​ทำเป็น​หลับ​

หล่อน​รีบ​ลุกขึ้น​จาก​เตียง​พลาง​แสร้ง​ทำเป็น​สับสน​และ​ถามว่า​ “นี่​เพิ่งจะ​เป็นเวลา​เช้าตรู่​เอง​ ใคร​ทำคุณ​หงุดหงิด​กัน​คะ​?”

ฉางเจีย​เว่ย​โยน​หนังสือพิมพ์​ใน​มือ​ใส่หน้า​หล่อน​อย่าง​รุนแรง​ “เมื่อคืน​คุณ​พูด​ไว้​ว่า​ ตราบใดที่​คุณ​บริจาค​เงิน​ทั้งหมด​ที่​ได้​จาก​ตลาด​ คุณ​จะไม่เป็นไร​ แต่​คุณ​ยัง​ไม่ได้​ดำเนินการ​เลย​ ขณะที่​ตลาดสด​ฝูตัว​ตัว​กำลัง​ให้​เงินสนับสนุน​ฟรี​แก่​ 3,000 ครัวเรือน​ที่​ยากไร้​ แล้ว​ยัง​เปิดรับ​อาสาสมัคร​เพื่อ​ให้บริการ​จัด​ส่งสินค้า​ถึงบ้าน​ฟรี​สำหรับ​กลุ่ม​พิเศษ​ที่​ไม่สะดวก​ใน​การ​มาซื้อ​ของ​ที่​ตลาดสด​ฝูตัว​ตัว​ด้วยตัวเอง​ คุณ​บอ​กว่า​คุณ​เป็น​เถ้าแก่เนี้ย​ตลาดสด​ที่​ขึ้นราคา​อย่าง​ไม่เป็นธรรม​ แล้ว​การ​บริจาค​หลังจาก​ฉกฉวย​ผลประโยชน์​จาก​คนอื่น​ไป​แล้ว​จะมีความหมาย​อะไร​อีก​? รีบ​ลุกขึ้น​และ​ไป​แต่งตัว​ เรา​จะได้​ไป​สำนักงานเขต​เพื่อ​ทำ​เรื่อง​หย่าร้าง​ทันที​ ไม่อย่างนั้น​มัน​อาจ​สาย​เกินไป​ เกรง​ว่า​ทั้ง​ผม​และ​ตระกูล​ฉางอาจ​ถูก​คุณ​ดึง​เข้าไป​พัวพัน​เรื่อง​โสมมพวก​นี้​ด้วย​”

ซูอวี้อิ๋ง​ตัว​แข็ง​ค้าง​อยู่​บน​เตียง​ราวกับ​ถูก​สายฟ้า​ฟาด​ผ่า​กลาง​ศีรษะ​

เมื่อ​กลับมา​รู้สึกตัว​อีกครั้ง​ หล่อน​ก็​ร้องไห้​ฟูมฟาย​และ​ขอร้อง​เขา​ไม่ให้​หย่า​

แต่​ฉางเจีย​เหว่​ย​ได้​ตัดสินใจ​แล้ว​ ต่อให้​ซูอวี้อิ๋ง​ร้องไห้​เป็นบ้าเป็นหลัง​ เขา​ก็​ไม่หวั่นไหว​และ​ต้อง​การหย่า​กับ​หล่อน​เหมือนเดิม​

ซูอวี้อิ๋ง​เห็น​ว่า​ไม่มีประโยชน์​ที่จะ​แสร้ง​ทำตัว​น่าสงสาร​ ดังนั้น​หล่อน​จึงหยุด​ร้องไห้​ แต่​ยังคง​ยืนกราน​ไม่ยอม​หย่าร้าง​

ใบหน้า​ของ​ฉางเจีย​เหว่​ย​ซีดเซียว​ เขา​เก็บ​เสื้อผ้า​และ​เดิน​จากไป​โดย​ไม่ลังเล​ เหลือ​เพียง​ซูอวี้อิ๋ง​ที่นั่ง​อยู่​บน​เตียง​พลาง​ร้องไห้​เสียงดัง​

ไม่นาน​ก็​เป็นเวลา​เที่ยงวัน​ อาสาสมัคร​ที่​ออก​ไป​ตั้ง​แต่เช้า​เริ่ม​ทยอย​กลับ​เข้ามา​ทีละ​คน​เพื่อ​รับประทาน​อาหารกลางวัน​

ใน​บรรดา​นักศึกษา​วิทยาลัย​อาสาสมัคร​เหล่านี้​ ครึ่งหนึ่ง​มาจาก​ทางใต้​และ​อีก​ครึ่งหนึ่ง​มาจาก​ทางเหนือ​

ดังนั้น​หลิน​ม่าย​จึงขอให้​เถ้าแก่​ร้าน​เตรียม​ข้าว​และ​หมั่นโถว​

อาหารกลางวัน​มีเพียง​เต้าหู้​ต้ม​กับ​ผักกาด​ขาว​ ผัก​ดอง​ ซุป​กระดูก​พร้อม​หัวไชเท้า​

หลิน​ม่าย​ขอโทษ​อาสาสมัคร​ทุกคน​ ใน​ยามยาก​แบบนี้​ เธอ​จัด​หาอาหาร​ให้​พวกเขา​ได้​เพียงเท่านี้​

อาสาสมัคร​เยาวชน​ต่าง​บอ​กว่า​อาหาร​ดังกล่าว​ดีมาก​แล้ว​

พวกเขา​ไม่ได้​พูด​แบบนี้​เพื่อ​ปลอบ​หลิน​ม่าย​

บางคน​มีพื้นเพ​มาจาก​ชนบท​ห่างไกล​และ​ยากจน​ อาหาร​ที่​บ้าน​พวกเขา​แย่​ยิ่งกว่า​อาหาร​ที่​หลิน​ม่าย​เตรียม​ไว้​ให้​เสีย​อีก​

แต่​วันนี้​อาสาสมัคร​จำนวนมาก​ออก​เยี่ยมเยียน​ครัวเรือน​ใน​พื้นที่​ต่างๆ​ เพื่อ​สำรวจ​ครัวเรือน​ที่​ยากไร้​และ​ให้​พวกเขา​ลงทะเบียน​รับ​การ​สนับสนุน​สิ่งของ​และ​อาหาร​แก่​ผู้​พิการ​และ​ผู้สูงอายุ​

อาสาสมัคร​เยาวชน​ต่าง​ได้​เห็น​ว่า​ แม้แต่​ใน​เมืองหลวง​ที่​เจริญรุ่งเรือง​ก็​ยังคง​มีกลุ่มคน​ที่​ยากลำบาก​แบบนี้​อยู่​

ใน​ยุค​ของ​การปฏิรูป​และ​เปิด​ประเทศ​มาหลาย​ปี​ ผู้คน​ยัง​กิน​ธัญพืช​เบ็ดเตล็ด​ แต่​ปัญหา​คือ​พวกเขา​ไม่เคย​อิ่ม​ท้อง​

เมื่อ​อาสาสมัคร​เหล่านี้​ได้รับ​การจัดเตรียม​ข้าว​ขาว​และ​หมั่นโถว​ พวกเขา​จะจู้จี้จุกจิก​อะไร​ได้​อีก​?

เมื่อ​หลิน​ม่าย​กำลังจะ​เดิน​จากไป​ เธอ​ก็ได้​พบ​กับ​คนคุ้นเคย​สอง​คน​

สอง​คน​นี้​ไม่ใช่ใคร​อื่น​ นอกจาก​เพื่อน​ร่วม​หอ​อย่าง​เถียน​เฟิน​และ​หวัง​หมิง​ฮวา​

ทั้งสอง​พูด​ติดตลก​ด้วย​ความประหลาดใจ​ “เป็นเกียรติ​อย่างยิ่ง​ที่​ได้​พบ​ประธาน​หลิน​หลัง​มื้อ​อาหาร​ค่ะ​!”

หลิน​ม่าย​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ “พวก​เธอ​มาเป็น​อาสาสมัคร​ด้วย​เหรอ​? ไม่ใช่ว่า​ต้อง​ทำงาน​หารายได้​หรือ​ยังไง​?”

เธอ​พูด​อย่าง​เถรตรง​กับ​คน​ทั้งสอง​ เพราะ​รู้​ว่า​เถียน​เฟิน​และ​หวัง​หมิง​ฮวา​จะไม่โกรธ​

ไม่ใช่ทุกคน​จะเป็น​เหมือนกับ​สวี​ชิงห​ยา​ที่​อ่อนไหว​ ประหม่า​ และ​คิด​ว่า​ตัวเอง​เป็น​เหยื่อ​เสมอ​

คน​ประเภท​นั้น​แทบ​เป็นหนึ่ง​ใน​ล้าน​

สอง​สาว​แสร้ง​ทำเป็น​โกรธ​ “ทำ​เหมือน​เรา​เป็น​คน​ตาถั่ว​ รู้จัก​แค่​การ​หาเงิน​ แต่​ไม่รู้จัก​ตอบแทน​สังคม​ไป​ได้​ ตราบใดที่​มีโอกาส​ทำ​ความดี​ เรา​ย่อม​ไม่ปฏิเสธ​อยู่แล้ว​”

“เรา​ทุกคน​ล้วน​เป็น​ผู้​กล้า​ใน​คราบ​คนธรรมดา​” หลิน​ม่าย​เปลี่ยน​เรื่อง​ “แล้ว​พวก​เธอ​ทน​ทำงาน​พาร์ทไทม์​ใน​ร้าน​ได้​ไหม​?”

ทั้งสอง​ส่าย​หัว​และ​พูด​อย่าง​จริงใจ​ “พวกเรา​แทบ​ทน​ไม่ได้​เลย​ งาน​นั้น​เข้มงวด​มากเกินไป​! ไม่แปลกใจ​เลย​ที่​เงินเดือน​และ​โบนัส​ของ​พนักงานเสิร์ฟ​ใน​ร้าน​จะสูงลิ่ว​! ถ้าไม่ใช่เพราะ​ค่าจ้าง​สูง เรา​คง​ไม่ยอม​ทน​มานาน​ขนาด​นี้​”

หลิน​ม่าย​ยิ้ม​ “ขอบคุณ​เธอ​ทั้งสอง​ที่​ทำงานหนัก​นะ​ ฉัน​ยังมี​สิ่งที่​ต้อง​จัดการ​ ขอตัว​ก่อน​”

สิ่งที่​เธอ​ต้อง​ทำ​คือ​กลับ​ไป​บ้าน​และ​เตรียม​อาหารเย็น​

ใน​สายตา​ของ​เธอ​ การ​ทำอาหาร​เป็น​เรื่องใหญ่​

เว้นแต่​จะมีงาน​จำนวนมาก​และ​งาน​ด่วน​ที่​ต้อง​จัดการ​ทันที​ เธอ​ถึงจะยอม​เลื่อน​เวลาอาหาร​ออก​ไป​

ท้ายที่สุด​แล้ว​การ​ทำเงิน​สำคัญ​กว่า​การ​ทำอาหาร​กิน​

สายลม​ยังคง​หอบ​หิมะ​โปรยปราย​อย่าง​หนัก​ ทำให้​ถนน​ลื่น​มาก​

หิมะ​ที่​ตก​ทาง​ตอนเหนือ​และ​หิมะ​ทาง​ตอน​ใต้​มีความแตกต่าง​กัน​มาก​

หิมะ​ทางใต้​จะละลาย​เมื่อ​สัมผัส​ร่างกาย​ และ​ทำให้​เสื้อผ้า​เปียก​ ดังนั้น​เมื่อ​หิมะ​ตก​ ทุกคน​ต้อง​สวม​เสื้อกันฝน​หรือ​กางร่ม​

อย่างไรก็ตาม​มัน​กลับ​ต้อง​ใช้เวลา​อย่าง​น้อย​ 10 นาที​กว่า​ที่​หิมะ​ทาง​ตอนเหนือ​จะละลาย​เมื่อ​ตกลง​บน​ร่างกาย​ คุณ​จึงไม่จำเป็นต้อง​มีร่ม​หรือ​เสื้อกันฝน​สำหรับ​การ​เดินทาง​ระยะทาง​สั้น​ๆ

หลิน​ม่าย​ดึง​ฮู้ดแจ็ก​เก​ตขน​เป็ด​ขึ้น​มาคลุม​ศีรษะ​ พัน​ผ้าพันคอ​ และ​เดิน​กลับบ้าน​ทีละ​ก้าว​

เธอ​เกือบ​ถูก​หญิงสาว​ที่​ขี่​จักรยาน​บน​ถนน​ชน​ ซึ่งทำให้​ทั้งสอง​ต่าง​ก็​ตื่นตกใจ​

หญิงสาว​คน​นั้น​ขอโทษ​เธอ​หลายครั้ง​ไม่ยอม​หยุด​

หลิน​ม่าย​โบกมือ​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ไม่เป็นไร​ค่ะ​ ฉัน​ยัง​ไม่ถูก​ชน​”

แต่​หญิงสาว​คน​นั้น​ยังคง​ขอโทษ​เธอ​

หลิน​ม่าย​ไม่ต้องการ​เสียเวลา​คุย​กับ​เธอ​อีก​ จึงขอตัว​จากไป​

หญิงสาว​คน​นั้น​มอง​ตามหลัง​หลิน​ม่าย​เป็นเวลา​นาน​

ใน​ใจได้​แต่​ครุ่นคิด​ว่า​อีก​ฝ่าย​อาจ​ยังคง​ขุ่น​เคืองใจ​

อย่างไรก็ตาม​หล่อน​พยายาม​ขอโทษ​อย่าง​ดี​ที่สุด​แล้ว​ มัน​คง​ทำ​อะไร​ไม่ได้​อีก​หาก​อีก​ฝ่าย​จะขุ่นเคือง​

จากนั้น​หญิงสาว​ขึ้น​รถจักรยาน​และ​พยายาม​ปั่น​ไป​ข้างหน้า​ แต่​ท้ายที่สุด​ถนน​ก็​ลื่น​เกินไป​

หลังจาก​ขี่​ไป​ได้​ไม่ไกล​ หล่อน​ก็​ล้ม​ลง​กับ​พื้น​ หลังจากที่​ประคอง​ตัวเอง​ลุกขึ้น​ได้​จึงไม่กล้า​ปั่น​ต่อ​และ​ทำ​เพียง​จูงจักรยาน​เดิน​ออก​ไป​

หลิน​ม่าย​ไม่เจอ​ฟางจั๋ว​หรา​น​เมื่อ​กลับ​มาถึงบ้าน​

วันนี้​วันอาทิตย์​ เขา​ควรจะ​อยู่​ที่​บ้าน​ เว้นแต่​เขา​จะทำงาน​ล่วงเวลา​ชั่วคราว​

เธอ​วิ่ง​ไป​ยัง​ห้องครัว​และ​ถามคุณย่า​ฟางซึ่งกำลัง​ทำอาหาร​อยู่​ว่า​ ฟางจั๋ว​หรา​น​ไป​ทำงาน​ที่​โรงพยาบาล​หรือเปล่า​

โต้​ว​โต้​ว​นั่งเล่น​อยู่​ด้าน​ข้าง​รีบ​ตอบกลับ​ “คุณพ่อ​ไม่ได้​ไป​โรงพยาบาล​ค่ะ​ หนู​เห็น​พ่อ​เดิน​ไป​ทาง​หลังบ้าน​”

หลิน​ม่าย​เดิน​ไป​ทาง​หลังบ้าน​เพื่อ​มองหา​ชายหนุ่ม​ แต่​ก็​ยัง​ไม่พบ​ฟางจั๋ว​หรา​น​ ก่อน​พบ​ว่า​ประตู​ลานบ้าน​ด้านหลัง​เปิด​แง้มอยู่​

เธอ​เดิน​ไป​เปิด​ประตู​หลัง​และ​มองออก​ไป​เพื่อ​ดู​ว่า​ฟางจั๋ว​หรา​นอ​ยู่​ข้างนอก​หรือไม่​

แน่นอน​ว่า​เขา​อยู่​ข้างนอก​ แต่​ไม่ใช่ตัว​คนเดียว​ ตอนนี้​เขา​อยู่​กับ​ซูอวี้อิ๋ง​

สีหน้า​หลิน​ม่าย​หมองหม่น​ลง​ทันใด​ ทำไม​ซูอวี้อิ๋ง​ถึงเข้ามา​พัวพัน​กับ​ผู้ชาย​ของ​เธอ​อีกแล้ว​?

…………………………………………………………………………………………………………………………

สาร​จาก​ผู้แปล​

มาหา​พี่​หมอ​ทำไม​ยัย​อวี้อิ๋ง​ ให้​พี่​หมอ​ช่วย​อะไร​งั้น​เหรอ​

ไหหม่า​(海馬)