ตอนที่ 1403 ฮองเฮาเหล็ก (1) / ตอนที่ 1404 ฮองเฮาเหล็ก (2)
ตอนที่ 1403 ฮองเฮาเหล็ก (1)
เมื่อรถม้าของพวกจวินอู๋เสียเข้ามาในเมืองหลวงของรัฐเหยียน ทหารที่เฝ้าประตูเมืองก็ถามคำถามตามหน้าที่ แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ในรถม้าคือจวินอู๋เสียที่ปลอมใบหน้าแล้ว พวกเขาก็ตกตะลึงทันที พอได้สติ พวกเขาก็รีบคุกเข่าลงถวายความเคารพอย่างรวดเร็ว และแม้ว่ารถม้าจะผ่านเข้าเมืองไปแล้ว พวกเขาก็ยังตกใจไม่หาย
ฮ่องเต้ของพวกเขากลับมาแล้ว!
ฝ่าบาทกลับมาแล้ว!
การกลับมาของจวินอู๋เสียทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นทั่วเมืองหลวงรัฐเหยียนทันที ทุกคนไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ครองรัฐของพวกเขากลับมาแล้ว!
แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่ได้อยู่ในรัฐเหยียนเป็นเวลานาน แต่ทุกภารกิจที่นางทำนั้น สร้างความตื่นตะลึงให้กับประชาชนของรัฐเหยียนเป็นอย่างมาก ทุกคนในรัฐรู้ว่าพวกเขามีผู้ครองรัฐที่ทรงพลังและอายุน้อย
ในวังหลวงของรัฐเหยียน เทียนในห้องทรงพระอักษรวูบไหว หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าอ่านเอกสารขมวดคิ้วเล็กน้อย บนโต๊ะตรงหน้านางมีม้วนกระดาษที่เป็นคำขอความช่วยเหลือจากคนที่กำลังหวาดกลัวกองอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
หญิงสาวมีใบหน้าที่งดงามน่ารัก แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดสวยจนตะลึง ภายใต้แสงไฟที่นุ่มนวลอบอุ่น ใบหน้าด้านข้างของนางดูจะขาดความอ่อนโยนไปบ้าง และแฝงไปด้วยความแข็งกระด้างแทน
“รัฐยางส่งสาส์นขอความช่วยเหลือมาให้เราสิบสองฉบับติดต่อกันแล้ว พระนางดูสิเพคะ…เราควรจะ…” นางกำนัลคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ หยิบสาส์นที่ตกลงบนพื้นขึ้นมา และพูดด้วยความกังวล
หญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แววตายังคงสงบนิ่ง
“รัฐยางมีภูมิประเทศได้เปรียบ ง่ายต่อการป้องกันและยากที่จะบุกโจมตี ตั้งแต่ถูกพวกคนพิษโจมตีครั้งแรก พวกเขาก็ส่งสาส์นมาขอความช่วยเหลือจากเราแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของรัฐยาง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีความสามารถในการต่อสู้กับกองทัพคนพิษ พวกเขาแค่อยากลดความเสียหายของตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา” ชวีหลิงเย่ว์พูดพลางขมวดคิ้ว
“แล้วรัฐหลิงเล่าเพคะ” นางกำนัลมองชวีหลิงเย่ว์ที่กลายมาเป็นฮองเฮาของรัฐเหยียน ดวงตาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
“ข้าส่งกองทัพไปแล้ว” ชวีหลิงเย่ว์พึมพำ จากนั้นก็ก้มหน้ามองม้วนกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ
ทุกอันล้วนเร่งด่วน เนื้อหาก็เหมือนๆ กันหมด
ขอความช่วยเหลือ!
ขอความช่วยเหลือ!
ถึงกองทัพของรัฐเหยียนจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่เพียงพอที่จะแบ่งให้ครบทุกรัฐ ดังนั้นชวีหลิงเย่ว์จึงต้องเลือกอันที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ออกมาจากสาส์นขอความช่วยเหลือทั้งหมด
นางกำนัลยืนเงียบ ไม่กล้าเปิดปากพูดอะไรมั่วๆ อีก
ฮองเฮาแห่งรัฐเหยียน เป็นหญิงสาวที่มีข้อพิพาทขัดแย้งมากที่สุดในโลก
เดิมทีนางเป็นคุณหนูใหญ่ของเมืองพันอสูร แต่โชคร้ายที่ต้องทนทุกข์กับฝันร้ายที่รับไม่ได้มากที่สุดของหญิงสาว ขณะที่ทุกคนคิดว่านางจะถูกคนทั้งโลกดูหมิ่นและทอดทิ้ง ฮ่องเต้หนุ่มแห่งรัฐเหยียนก็แต่งงานกับนางและแต่งตั้งให้นางเป็นฮองเฮา!
ในตอนแรกที่ชวีหลิงเย่ว์เพิ่งได้เป็นฮองเฮา นางต้องแบกรับคำสาปแช่งดูถูกเหยียดยามมากมายแค่ไหน ไม่ใช่แค่คนบนโลกที่ดูหมิ่นนาง ว่านางไม่บริสุทธิ์ กระทั่งประชาชนของรัฐเหยียนเองก็อับอายที่มีนางเป็นฮองเฮา ถ้าไม่ใช่เพราะการตัดสินใจที่แน่วแน่ของจวินอู๋เสียในตอนนั้น และการสนับสนุนชี้แนะอย่างอดทนของราชครูเวินอวี่ หลังจากชวีหลิงเย่ว์ขึ้นเป็นฮองเฮา นางอาจจะจมน้ำลายของประชาชนรัฐเหยียนตายไปแล้ว
ขณะที่ทุกคนบนโลกนี้คิดว่าฮองเฮาที่น่าอับอายเช่นนี้จะขังตัวเองอยู่แต่ในตำหนัก ไม่ก้าวออกมาข้างนอก ชวีหลิงเย่ว์กลับเดินตรงไปที่ท้องพระโรงหลังจากที่จวินอู๋เสียจากไป ทำหน้าที่เป็นฮองเฮาผู้สำเร็จราชการ จัดการกับเรื่องต่างๆ ของราชสำนักรัฐเหยียนแทนจวินอู๋เสีย
ความทรงจำพวกนั้นยังคงสดใหม่อยู่ในใจของนางกำนัลผู้นี้ ตอนนั้นชวีหลิงเย่ว์โดนตำหนิและต่อว่าอย่างไร้ความปรานีมากขนาดไหน คำด่าว่าสาปแช่งที่ร้ายกาจจนทนฟังไม่ได้ ขนาดเป็นแค่คนดู นางยังรับไม่ได้จนน้ำตาไหลลงมา แล้วตัวชวีหลิงเย่ว์เองเล่า
แต่ชวีหลิงเย่ว์ไม่ได้ร้องไห้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนที่ 1404 ฮองเฮาเหล็ก (2)
ไม่มีใครคิดว่าฮองเฮาที่เคยถูกคนนับพันชี้นิ้วสาปส่งหาว่านางไม่บริสุทธิ์ ตอนนี้จะกลายเป็นฮองเฮาเหล็กที่ทำหน้าที่อย่างเด็ดขาด ออกคำสั่งได้ในพริบตา
หลังจากพวกคนพิษบุกโจมตี นางก็เป็นคนที่ตัดสินใจได้เร็วที่สุดในการเสริมการป้องกันบุรุษแดน จำกัดการใช้จ่ายของประเทศ ใช้เงินและกำลังทหารไปในสงคราม กำหนดแผนการรบร่วมกับรัฐชีและรัฐเฉียวเพื่อควบคุมสถานการณ์
คนที่เคยด่าทอสาปแช่งชวีหลิงเย่ว์ ตอนนี้ต่างพากันปิดปากเงียบ
ทั่วรัฐเหยียนตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดดูถูกชวีหลิงเย่ว์อีกต่อไป
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของนางกำนัล นางเดินไปเปิดประตูห้องทรงพระอักษร ทหารคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ข้างนอกพร้อมกับมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างมาก
“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ! ฮ่องเต้…เสด็จกลับวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เสียงของหล่นกระแทกดังขึ้น ชวีหลิงเย่ว์มือสั่นจนทำที่ฝนหมึกหล่นลงบนโต๊ะ นางเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความแปลกใจ ในดวงตาที่น่าหลงใหลคู่นั้นเผยให้เห็นแววตาประหม่าและตกใจที่เคยเป็นของเด็กสาวที่ไร้เดียงสาเช่นเมื่อก่อน
“เจ้าว่าอะไรนะ…” ชวีหลิงเย่ว์รู้สึกว่าเสียงของตัวเองเริ่มสั่น
“ฮ่องเต้เสด็จกลับวังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังรอพระองค์อยู่ที่ท้องพระโรง” ทหารคนนั้นตอบ
ชวีหลิงเย่ว์ลุกพรวดขึ้นทันที ใบหน้าที่สงบนิ่งอยู่เสมอนั้น แสดงให้เห็นถึงความประหม่าและเขินอายอย่างเด็กสาวทั่วไป
“ข้า…”
ชวีหลิงเย่ว์เห็นว่านางไม่มีเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า และชุดของนางก็เลอะหมึกสีดำ ทันใดนั้นนางก็ตระหนักว่าหลังจากทำงานโต้รุ่งติดต่อกันหลายคืน ใบหน้าของนางก็ซูบซีด ผมเผ้ายุ่งเหยิง
นางกลับมาแล้ว แต่…ดูสภาพของตัวเองสิ จะไปเจอนางแบบนี้ได้อย่างไร
“พระนางเพคะ…” นางกำนัลอดพูดออกมาไม่ได้ นางเพิ่งมารับใช้ข้างกายชวีหลิงเย่ว์ประมาณครึ่งปีที่แล้ว และไม่เคยเห็นชวีหลิงเย่ว์แสดงท่าทางของหญิงสาวแบบนี้เลยสักครั้ง ปัจจุบันคนทั้งโลกรู้แล้วว่ารัฐเหยียนของพวกเขามีฮองเฮาเหล็ก แต่ใครจะคิดว่าฮองเฮาเหล็กคนนี้ พอได้ยินว่าสามีของนางกลับมา ก็แสดงความประหม่าและโง่เขลาอย่างเด็กสาวได้น่ารักขนาดนี้
เสียงเรียกของนางกำนัลทำให้ชวีหลิงเย่ว์สะดุ้งเล็กน้อย นางมองไปที่ชุดหงส์บนตัวก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ส่งคนออกไปบอกข่าวเรื่องฮ่องเต้เสด็จกลับวังแล้วกับท่านราชครูและเหลยเชิน ให้พวกเขารีบเข้าวังทันที ข้า…จะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อน!” ชวีหลิงเย่ว์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พยายามระงับความตื่นเต้นก่อนจะก้าวออกจากห้องทรงพระอักษร
ภายในท้องพระโรงของรัฐเหยียน จวินอู๋เสียนั่งอยู่บนบัลลังก์พร้อมกับพลิกดูรายงานการรบเกี่ยวกับสถานการณ์ที่แนวหน้าของรัฐเหยียนในช่วงนี้ เมื่อเสียงประกาศดังขึ้น นางก็เงยหน้าขึ้นและเห็นร่างที่สง่างามเดินเข้ามา
บนใบหน้าที่เคยมีแต่ความเขินอายของเด็กสาว ตอนนี้ได้สูญเสียความร่าเริงมีชีวิตชีวาไปบ้างแล้ว แต่กลับมีความสง่างามมั่นคงเข้ามาแทน เหมือนดักแด้ที่ลอกคราบกลายเป็นผีเสื้อ กิริยาท่าทางของนางแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
หลังจากแยกจากกันมานานกว่าหนึ่งปี ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าของนางยังเหมือนเดิมแล้วละก็ จวินอู๋เสียก็คงจำหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกับคนที่ทั้งหูทั้งหน้ากลายเป็นสีแดงหลังจากพูดกับนางแทบไม่ถึงสองคำ
ชวีหลิงเย่ว์เดินเข้ามาคุกเข่าอย่างสง่างามในท้องพระโรง
“หม่อมฉันขอถวายการต้อนรับฝ่าบาทกลับวังเพคะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” นางก้มคำนับอย่างจริงใจให้กับเทพในใจนาง
จวินอู๋เสียหันกลับมาสนใจและพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ชวีหลิงเย่ว์พยายามนิ่ง แต่ก็ไม่สามารถหยุดมือที่สั่นอยู่ใต้แขนเสื้อได้ นางมองจวินอู๋เสียที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ฮ่องเต้ หลังจากไม่ได้เห็นนางมากว่าหนึ่งปี จวินอู๋เสียสูงขึ้นและรูปร่างก็เพรียวบาง แม้ว่านางจะรู้อยู่แก่ใจว่าจวินอู๋เสียเป็นสตรี แต่พอได้เห็นจวินอู๋เสีย ในใจของชวีหลิงเย่ว์ก็เต้นแรงทันทีอย่างควบคุมไม่ได้