บทที่ 571 หลงอีหวนคืน (1)
กู้เจียวเห็นเสื้อคลุมขององค์หญิงหนิงอันแล้ว อดนึกถึงจิ้งไท่เฟยที่มีชุดคลุมแบบเดียวกันทุกกระเบียดนิ้วขึ้นมาไม่ได้ สมกับเป็นแม่ลูกกันจริงๆ
นี่เป็นบ่อนพนันที่มีคนดีชั่วปะปนกันไป ด้านในมีผู้คนสารพัดแบบ
แต่เหมือนองค์หญิงหนิงอันจะคุ้นชินที่ทางของที่นี่ดี เพียงไม่นานก็เข้าไปในห้องปีกตรงหัวมุมชั้นล่างที่มีคนเฝ้าไว้โดยเฉพาะ
กู้เจียวลองเข้าไปดู กลับถูกแจ้งว่าตรงนั้นไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดามีสิทธิ์เข้าไป
เช่นนั้นก็คงต้องจับตาดูจากที่อื่นแทน
“ตรงนี้ ตรงนี้!”
กู้เฉิงเฟิงกวักมือเรียกกู้เจียวจากข้างในเรือนเก่าๆ เล็กๆ ข้างบ่อนพนัน
กู้เจียวเดินไปหา
นี่เป็นเรือนที่ไม่มีใครอยู่มานานแล้ว มีกำแพงชั้นเดียวเท่านั้นที่กั้นเรือนท้ายกับห้องปีกห้องนั้นของบ่อนพนันไว้
ทั้งคู่เอาหูแนบกำแพง ได้ยินเสียงสนทนาจากในห้องปีกได้รางๆ
“…ข้าล่อคนออกมาแล้วมิใช่หรือไร คนของพวกเจ้าทำหลุดมือเอง ยังจะมาโทษข้าอีกรึ”
เป็นเสียงขององค์หญิงหนิงอัน
กู้เฉิงเฟิงถามกู้เจียวโดยไร้เสียง “หมายความว่าอย่างไร”
น่าจะเป็นตอนที่เซียวเหิงถูกคดีผู้ช่วยหลี่ล่อให้ออกจากเมืองหลวงไปครานั้น เจ้ากรมยุติธรรมก็อยู่ด้วย ทั้งสองเกือบถูกทำร้ายโดยชายชุดดำ เพราะมีลูกระเบิดจึงทำให้พวกเขาตีฝ่าวงล้อมออกมาได้
บทสนทนานี้แทบจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นกลุ่มอำนาจนั่นที่มาจากแคว้นเยี่ยน
ด้านในมีมวลกลิ่นอายอันตรายน่าหวาดกลัวที่ทำให้กู้เจียวสัมผัสได้สายหนึ่ง
กู้เจียวหรี่ตาลง นึกสนใจขึ้นมาเล็กๆ
องค์หญิงหนิงอันตรัสขึ้นอีกหน “จะว่าไปแล้ว เขาเป็นใครกันแน่ เหตุใดพวกเจ้าจึงอยากจะฆ่าเขานัก”
“นี่หาใช่เรื่องที่เจ้าควรถามไม่”
เป็นเสียงผู้ชาย
ดูท่าแล้วหนิงอันจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเซียวลิ่วหลัง นางอาจจะไม่รู้แม้กระทั่งว่าเซียวลิ่วหลังคือเซียวเหิง มิฉะนั้นนางไม่มีทางวิ่งไปยุแยงตะแคงรั่วต่อหน้าเซียวฮองเฮา สุดท้ายตัวเองหาเรื่องใส่ตัวหรอก
เรื่องยุแยงตะแคงรั่วนี้ หูตาในตำหนักคุนหนิงของฉินกงกงเป็นคนนำข่าวออกมา แล้วฉินกงกงเขียนบอกกู้เจียวไว้ในจดหมาย
องค์หญิงหนิงอันไม่รู้เรื่องก็ไม่แปลก ประการแรกนางไม่เคยเจอเซียวเหิง ยากที่จะเชื่อมโยงทั้งสองคนเข้าด้วยกันจากรูปลักษณ์ ประการที่สอง คนพวกนี้อาจไม่ได้อยากให้หอเซียนเล่อสืบหาตัวตนของเซียวเหิงด้วย
องค์หญิงหนิงอันตรัส “ก็ได้ เรื่องของพวกเจ้าข้าไม่สนใจ แต่เรื่องที่ข้ารับปากพวกเจ้าไว้ได้ทำเสร็จสิ้นแล้ว แต่เรื่องที่พวกเจ้ารับปากข้ากลับไม่เคยสำเร็จเลยสักครา”
ชายคนนั้นเอ่ย “เจ้าล่อเขาออกมาอีกรอบสิ”
องค์หญิงหนิงอันตรัส “เหตุใดต้องล่อออกไปด้วย หาสักที่ในเมืองหลวงลงมือไม่ได้หรือไร เขาไปทำงานที่สำนักฮั่นหลินและกรมยุติธรรมทุกวัน เส้นทางไปกลับต้องมีจังหวะให้ลงมือได้อยู่แล้วกระมัง”
ชายคนนั้นเอ่ย “มีพยานมากเกินไปที่เราจะเสี่ยง”
องค์หญิงหนิงอันตรัส “เช่นนั้นยามวิกาลก็คงได้กระมัง หรือไม่พวกเจ้าก็ลอบเข้าบ้านเขาไปเลย มันทำไม่ได้เลยรึ”
ชายคนนั้นเอ่ย “เช่นนั้นก็คงต้องฆ่าทั้งตรอกให้เกลี้ยง จะให้เหลือพยานสักคนไม่ได้”
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ยังคงมีร่องรอยของคดีอยู่ดี
หากไม่ถึงคราวสุดวิสัยจำใจจริงๆ พวกเขาไม่มีทางคิดลงมือในเมืองหลวงแน่นอน
องค์หญิงหนิงอันเหน็บแนม “ดูท่าระหว่างเราจะไม่มีอะไรให้คุยแล้วล่ะ”
ชายคนนั้นเอ่ย “เจ้าอยากเอาของของเจ้ากลับคืนไป ก็ทำตามที่พวกเราบอกจะดีที่สุด”
องค์หญิงหนิงอันยิ้มเย็น “เหตุใดต้องยุ่งยากเช่นนี้ด้วย ไม่สู้ข้าช่วยพวกเจ้าฆ่าเขาเองดีกว่า”
ชายคนนั้นเอ่ย “หากเจ้าฆ่าเขาได้จริงๆ ก็ได้ เอาหัวเขามา แล้วพวกเราจะมอบของให้เจ้า”
จากนั้นในห้องก็เกิดความเงียบอันแปลกประหลาดขึ้น
ไม่มีใครรู้ว่าในใจองค์หญิงหนิงอันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่จากเสียงตบโต๊ะและโยนแก้วจากด้านในแล้ว เดาไม่ยากว่าองค์หญิงหนิงอันโมโหมาก
สุดท้ายชายคนนั้นเหมือนจะมอบของขวัญให้องค์หญิงหนิงอัน ปลอบอารมณ์องค์หญิงหนิงอันไว้ได้ชั่วคราว
กู้เฉิงเฟิงกระซิบ “คนพวกนั้นเป็นพวกทรงอิทธิพลจากแคว้นเยี่ยนแน่ๆ พวกเขามีของบางสิ่งขององค์หญิงหนิงอันอยู่ นึกไม่ถึงว่าจะบีบจนองค์หญิงหนิงอันขายวิญญาณให้พวกเขาได้ จะเกี่ยวข้องกับกุญแจดอกนั้นหรือไม่”
“นางไปแล้ว” กู้เจียวบอก
กู้เฉิงเฟิงเอ่ย “เช่นนั้นพวกเราจะตามนางไป หรือจะตามคนพวกนั้นไปดีล่ะ”
กู้เจียวบอก “คนพวกนั้น”
พวกเขาปล่อยเบ็ดยาวเพียงนี้ กว่าจะตกปลามาได้ ย่อมต้องตามปลาที่งับเบ็ดสิ
เพียงแต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือ กู้เฉิงเฟิงจู่ๆ ก็คันยุบยิบที่จมูกขึ้นมา ทนไม่ไหว จามออกมาอย่างแรง!
“ใครน่ะ”
ชายคนนั้นถามเสียงเย็น
กู้เฉิงเฟิงเกลียดจมูกตัวเองชะมัด จามก่อนหน้าที่สักหน่อยก็ไม่ได้ รอสักเดี๋ยวค่อยจามก็ไม่ได้ ดันมาจามเอาเวลานี้!
ยามนี้ดีนัก!
แผนแตกแล้ว!
กู้เจียวผิวปากขึ้นฟ้า ก่อนคว้าตัวกู้เฉิงเฟิงออกจากเรือนอย่างรวดเร็ว
องครักษ์ขององค์หนิงอันใช้วิชาตัวเบาไล่ตามมา
กู้เฉิงเฟิงเลิกผ้าคลุมหน้าออก สองมือคว้าชายกระโปรงหนาเตอะไว้ เบะขาวิ่งไปข้างหน้าตึงตัง!
กระโปรงสตรีส่งผลต่อความเร็วจริงๆ
ไม่ทันระวังทั้งคู่ก็ถูกองครักษ์สี่นายไล่ตามมาทัน
สองฝ่ายประมือกันอย่างดุเดือด
กู้เจียวไม่ได้เอาอาวุธมาด้วย จึงต่อสู้ด้วยมือเปล่า
นางรั้งองครักษ์สามคนไว้ตัวคนเดียว ทว่าก็ยังมีคนหนึ่งวิ่งไปหากู้เฉิงเฟิงอยู่ดี
ชุดเต็มยศหนาเตอะของกู้เฉิงเฟิงทำเอาวิ่งไม่ไปจริงๆ สู้ก็สู้ไม่ได้
อีกฝ่ายฟันกระบี่ยาวเย็นเยียบมา กู้เฉิงเฟิงก็เร้นกายหลบ “ข้าหลบ!”
อีกฝ่ายฟันอากาศ แล้วง้างกระบี่ขึ้นอีกครั้ง
“ข้าหลบอีก!”
อีกฝ่ายฟันสองสามหนไม่โดนเลย จึงโมโหขึ้นมา จู่ๆ เขาก็ทิ้งกระบี่ เปลี่ยนเป็นชักกริชจากบั้นเอว ใช้ความเร็วดุจสายฟ้าแทงไปที่หน้าอกกู้เฉิงเฟิง!
กระบวนนี้ทั้งดุดันและรวดเร็ว กู้เฉิงเฟิงหลบเลี่ยงไม่ทันแม้แต่น้อย
ได้ยินเสียงกัมปนาทดังบึ้ม หน้าอกกู้เฉิงเฟิงระเบิดทันที!
องครักษ์มึนงงทันใด
เกิดอะไรขึ้น
เขาเล่นกับผู้หญิงคนหนึ่งจนระเบิดเลยรึ
เวลากู้เฉิงเฟิงปลอมตัวเป็นหญิง รูปลักษณ์ต้องเหมือนจริง พวกสิ่งของเสริมในเสื้อผ้าอาภรณ์สิ่งแรกที่พวกเขาเลือกก็คือหมั่นโถว แต่จนใจที่หมั่นโถวลูกที่เบาๆ มันก็เล็กเกินไป หมั่นโถวลูกใหญ่ก็หนักเกิน สุดท้ายกู้เจียวจึงหยิบถุงยางในกล่องยาใบน้อยออกมาสองอัน ให้กู้เฉิงเฟิงเป่าเอง
อยากให้ใหญ่เท่าไหนก็เป่าเอา บางเบาไม่หล่นง่าย ช่างเหมาะเจาะยิ่งนัก
กู้เฉิงเฟิงรู้สึกสนุกไม่น้อย ถามกู้เจียวว่ามีอีกหรือไม่ เขาจะมอบให้พี่ใหญ่กับกู้เฉิงหลินด้วย ให้พวกเขาว่างๆ ก็เป่าเล่น
สุดท้ายกู้เจียวบอกว่าไม่มีแล้ว
เหลือแค่สองอัน ไอ้คนผู้นี้ยังจะมาแทงของเขาแตกอีก!