War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2065
ตอนที่ 2,065 : ออกจากลัทธิบูชาไฟ!

กวนซิ่วนั้น สำหรับลัทธิบูชาไฟแล้วก็เป็นแค่ศิษย์ชั้นยอดธรรมดาๆที่ไม่สลักสำคัญอะไร

ถึงแม้จะเคยพบปะต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง แต่มันย่อมไม่ตกเป็นเป้าของศัตรูที่จ้องจะเล่นงานต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงคิดให้กวนซิ่วช่วยเหลือ

และไม่ว่าจะเมื่อวานหรือวันนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ระมัดระวัง ทั้งระแวงขณะเดินทางมายังบ้านพักของกวนซิ่วอย่างถึงที่สุด

เขาให้ผู้เฒ่าหั่วที่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติตรวจสอบอย่างละเอียดแทบจะทุกย่างก้าวว่ามีใครจับตาดูเขาจากที่ลับบ้าง เพื่อที่เขาจะใช้เส้นทางเลี่ยงหลบสายตาของผู้ที่ซุ่มจับตาดูเขา จนมาถึงเขตที่พักของเหล่าศิษย์กระทั่งบรรลุถึงต้นไม้ในเขตบ้านพักของกวนซิ่วได้อย่างไร้ผู้ใดล่วงรู้

‘หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี’

สูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ว่างกล่องเล็กๆดังกล่าวไว้บนกิ่งไม้ที่ฝานเป็นร่องอย่างดี แน่นอนว่าในกล่องไม้ก็มีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติที่ย่นย่อขนาดแล้วตั้งอยู่

หลังจากนั้นเมื่อตรวจสอบอีกครั้งว่าไม่มีใครเห็น ต้วนหลิงเทียนก็วูบร่างเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปในห้วงคิดเดียว

หลังจากนั้นเขาก็แค่รอให้กวนซิ่วมาพบกล่องไม้เล็กๆ

ขณะเดียวกันเหล่าคนที่ถูกส่งให้มาจับตาดูต้วนหลิงเทียนที่บ้านพัก ก็พบว่าในคฤหาสน์กลับไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ เสมือนต้วนหลิงเทียนได้หายตัวไป!และไม่ว่าจะพยายามแผ่สำนึกเทวะไปค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบคน!!

พวกมันจึงเร่งกระจายข่าวให้หน่วยอื่นทันที

เพียงเวลาแค่ชั่วพริบตา ก็มีกลุ่มยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์มากมายเหินร่างว่อนไปทั่วน่านฟ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สุดท้ายทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปยังเขตแทน่บูชาจตุรลักษณ์

ตอนนี้พวกมันมีวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

จับตาดูผู้ที่เข้าออกลัทธิบูชาไฟทุกคน ว่ามีต้วนหลิงเทียนปะปนออกไปด้วยหรือไม่

หากต้วนหลิงเทียนออกเดินทางจากลัทธิบูชาไฟจริง พวกมันจะแบ่งกำลังคนส่วนหนึ่งสะกดรอยตามต้วนหลิงเทียนไป ส่วนอีกส่วนหนึ่งก็เร่งรุดกลับไปแจ้งผู้สั่งการทันที

ต้องกล่าวเลยว่ากว่าต้วนหลิงเทียนโชคดีนักที่ไม่คิดออกจากลัทธิบูชาไฟตรงๆ

หาไม่แล้วต่อให้มีความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าหั่ว จนออกจากคฤหาสน์ได้อย่างไม่มีใครล่วงรู้ แต่เขาก็ไม่อาจหาทางหลบออกจากลัทธิบูชาไฟเงียบๆได้ ภายใต้สายตาเฝ้ามองของคนจำนวนมากขนาดนี้อยู่ดี…

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนสามารถปลอมแปลงรูปโฉมได้

ทว่าเขาสามารถปลอมได้แค่รูปโฉมเท่านั้น แต่รูปร่างของเขาไม่อาจปลอมได้!

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่กล้าเสี่ยง

เพราะหากเป็นคนที่จับตาดูเขานานพอ ย่อมจดจำรูปร่างเขาได้แม้จะแปลงโฉม!

ในขณะเดียวกัน เขตที่พักของศิษย์ชั้นยอดบนเกาะศักดิ์สิทธ์

ต่างจากพื้นที่โดยรอบของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟที่มีผู้คนเข้าออกพุ่งพล่าน สถานที่แห่งนี้นับว่าสงบสุขนัก

ในขณะที่คนของหอคุมกฏถูกต่งหยวนจิ้นสั่งให้ไปเฝ้าทางเข้าออกรอบแท่นบูชาจตุรลักษณ์ จับตาดูทุกคนที่เดินทางออกจากลัทธิบูชาไฟ ก็มีร่างหนึ่งเปิดประตูออกมาจากบ้านศิลาของเหล่าศิษย์ยอด

ในเมื่อคนผู้นี้ออกมาจากบ้านพักของศิษย์ชั้นยอดได้ หมายความว่ามันเป็นศิษย์ชั้นยอดคนหนึ่งของดินแดนศักดิสิทธิ์

“ถึงเวลาทำตามที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนบอกแล้ว…”

ศิษย์ชั้นยอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือกวนซิ่วที่ต้วนหลิงเทียนมาหาเมื่อวาน และเป็นตัวแปรสำคัญที่จะตัดสินว่าต้วนหลิงเทียนจะออกจากลัทธิบูชาไฟได้อย่างปลอดภัยหรือไม่!

ตราบใดที่กวนซิ่วไม่กระทำผิดพลาดอะไร ต้วนหลิงเทียนก็สามารถออกจากลัทธิบูชาไฟได้อย่างง่ายดาย

ไม่นานกวนซิ่วก็เดินออกมาจากบ้านจนมาถึงต้นไม้ที่ต้วนหลิงเทียนชี้ไว้ และได้พบกับกล่องใบเล็กที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกไว้บนกิ่งไม้ที่ถูกฝานออกเป็นร่องจริงๆ…

ถึงแม้กวนซิ่วจะอยากรู้อยากเห็นนักว่าที่แท้ในกล่องใบเล็กนี้มีสิ่งใดเก็บไว้กันแน่

แต่มันก็เชื่อฟังคำของต้วนหลิงเทียนเป็นที่สุด ไม่กล้าแม้แต่จะใช้มือจับกล่องเล็กๆดังกล่าวด้วยกลัวว่าจะสร้างความกระทบกระเทือน…ยิ่งไม่กล้าคิดเปิดกล่องออกมาชมดูว่ามีอะไรเก็บไว้

“ศิษย์พี่หลิงเทียนอย่าได้กังวล…งานที่ท่านมอบหมายให้ข้าทำ ข้าจักทำให้ดีที่สุด!”

กวนซิ่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะผนึกพลังหอบหิ้วกล่องเล็กๆขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ไม่ให้มันสั่นไหวแม้แต่น้อย ก่อนที่จะเหินร่างออกจากเขตที่พักทันที

และเมื่อเหินร่างออกจากดินเกาะหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว กวนซิ่วก็มุ่งหน้าลงใต้

ไม่นานมันก็มาถึงอาณาเขตแท่นบูชาเต่าทมิฬ 1 ใน 4 แท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้

ถึงแม้จะมีกฏของลัทธิบูชาไฟห้ามไว้ ว่าศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในแท่นบูชาจตุรลักษณ์เด็ดขาด แต่ศิษย์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สามารถเหินร่างโดยใช้ทางเบี่ยงข้างๆแท่นบูชาเต่าทมิฬเพื่อออกจากลัทธิบูชาไฟได้อย่างสะดวก

ตลอดการเดินทางนอกจากจ่ายพลังประคองทั้งคุมกันกล่องเล็กๆในมืออย่างระมัดระวังถึงที่สุดแล้ว กวนซิ่วก็ไม่สนใจสิ่งใดอื่นเลย

กระทั่งไม่ทราบด้วยซ้ำว่าระหว่างเดินทาง ไม่รู้มีอาวุโสเพลิงเงินกี่คนต่อกี่คนที่มองมาที่มันเพื่อตรวจสอบรูปร่างหน้าตา

แน่นอนว่ามันย่อมไม่อาจรู้ตัวว่ามีอาวุโสเพลิงเงินตรวจสอบมันมากมายหลายคน เพราะเมื่อทั้งหมดพบว่ามันไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีใครคิดจะมาสนใจอะไรมัน

“หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น…”

ตลอดการเดินทางต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็ได้แต่ลุ้นระทึก และภาวนาให้ทุกเรื่องราวผ่านพ้นไปได้ด้วยดี อย่าได้เกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น…

เขาไม่ได้ห่วงเรื่องที่กวนซิ่วจะตกเป็นเป้าหมายสักเท่าไร

ถึงแม้อาวุโสเพลิงเงินที่ซุ่มจับตาดูอยู่จะพบว่ากวนซิ่วมีพฤติกรรมประหลาดๆ อย่างถือกล่องเล็กใบหนึ่งเอาไว้ด้วยความระมัดระวังผิดปกติก็ตามที

เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่าอาวุโสเพลิงเงินทั้งหลายที่ซุ่มจับตาดูในที่ลับ…จะล่วงรู้ว่าเขา ต้วนหลิงเทียน ได้ซ่อนตัวอยู่ภายในกล่องใบเล็กๆที่กวนซิ่วใช้พลังถือไว้อย่างระวังถึงที่สุดนั่น!

ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไม่ห่วงเรื่องใดอื่น เพียงห่วงเรื่องที่กวนซิ่วจะเผลอทำให้กล่องใบเล็กสั่นไหว จนทำให้มิติภายในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้รับผลกระทบจนขับร่างเขาออกไปต่างหาก!

เพราะหากเขาถูกขับออกมาจากเจดีย์ตอนนี้ล่ะก็ อาวุโสเพลิงเงินที่ซ่อนตัวอยู่คงพบตัวเขาได้ทันที!

ถึงตอนนั้นแผนการออกจากลัทธิบูชาไฟของเขาคงล่มไม่เป็นท่า!

ยังโชคดีที่กวนซิ่วคนนี้นับว่าเชื่อถือได้!

กล่องเล็กๆถูกพลังโอบอุ้มไว้อย่างดี แม้มันจะเหินร่างเดินทางมานับร้อยๆลี้แล้ว แต่ก็ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย!

‘กวนซิ่วคนนี้นับว่าใช้การได้ดีทีเดียว…บุญคุณครั้งนี้ข้าต้วนหลิงเทียนจะจดจำไว้อย่างดี’

หลังออกจากลัทธิบูชาไฟมาได้หลายร้อยลี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนในเจดีย์ก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ถึงแม้ตอนนี้กวนซิ่วจะพลั้งเผลอทำกล่องสั่น จนทำให้เขาถูกขับออกมาจากเจดีย์ แต่พวกที่จับตาดูอยู่ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้อีกต่อไป

ในลัทธิบูชาไฟตอนนี้ ในบรรดาคนที่เขามีเรื่องด้วย อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างหลี่อันไม่ถือว่าเป็นอะไรได้อีก มันก็แค่ตัวตนเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น

เพราะนอกจากหลี่อันแล้ว คนที่เขาต้องระวังมากกว่าก็คือ ต่งหยวนจิ้น และจ้าวแท่นบูชามังกรคราม!

หากกวนซิ่วเผลอทำเขาหลุดจากเจดีย์ในเขตที่มีคนของทั้ง 3 จับตาดูอยู่ล่ะก็ หากเขาย้อนกลับเข้าเขตลัทธิบูชาไฟไม่ทัน พวกมันทั้ง 3 ได้เร่งรุดมาฆ่าเขาตายคาที่แน่!!

ด้วยความเร็วของกวนซิ่วระยะทางเพียงแค่ไม่กี่พันลี้ มันเดินทางไม่นานก็บรรลุถึง

“ที่นี่ใช่สถานที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนบอกไว้หรือไม่นะ…ป่ารกชัด เขา…”

กวนซิ่วพึมพำกับตัวเองเบาๆ มองไปยังป่ารกชัดและเขาลูกหนึ่งใต้ฝ่าเท้า

ครู่ต่อมามันก็โรยร่างลงไปบนยอดเขา พยายามวางกล่องใบเล็กไว้ในจุดที่สังเกตเห็นง่ายที่สุดทว่าอับลม ก่อนที่จะเหินร่างจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

หลังจากยืนยันได้ว่ากวนซิ่วจากไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที ก่อนที่จะเก็บเจดีย์ไว้กับตัวอย่างดี ส่วนกล่องเล็กๆก็เพียงโยนไปเก็บไว้ในแหวนมิติ

“ในที่สุด! ข้าก็ออกมาได้!!”

ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่บนยอดเขากลางป่ารกชัดร้างผู้คนรู้สึกยินดีปรีดานัก!

คราวนี้นับว่าเขาลอบออกจากลัทธิบูชาไฟโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้สำเร็จ และไม่ต้องกลัวว่าจะถูกพวกระดับสูงทั้งหลายเพ่งเล็งเล่นงานอีกต่อไป อยากจะทำอะไรก็ทำได้ตามใจ!

‘ออกจากลัทธิบูชาไฟคราวนี้ ข้าต้องยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณและพลังฝึกปรือให้ได้โดยเร็วที่สุด’

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ลืมวัตถุประสงค์ในการออกจากลัทิบูชาไฟของเขา

หากไม่ใช่เพราะเขาต้องดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้อื่น มายกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเอง เพื่อให้พลังฝึกปรือเพิ่มพูนสูงขึ้นโดยเร็วที่สุดล่ะก็ เขาก็ไม่อยากอยู่ห่างจากลัทธิบูชาไฟแม้แต่ก้าวเดียว

หลังจากทั้งหมดแล้ว ภรรยาและลูกสาวของเขาก็ถูกขังอยู่ในหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟ ชีวิตของทั้งคู่อาจตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา!

ตอนนี้เขาต้องเร่งบ่มเพาะพลังให้สูงพอที่จะช่วยเหลือทั้งคู่ออกมาจากหอคุมกฏให้ได้ ก่อนที่จ้าวลัทธิบูชาไฟจะออกจากการปิดด่านฝึกฝน

อนิจจาในลัทธิบูชาไฟมีกฏอันเข้มงวดนัก คิดกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนในนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ทว่าหากเป็นด้านนอกเรื่องราวกลับแตกต่างออกไป

‘อย่างไรก็ตามต่อให้ข้าอยากกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของคนอื่นเพื่อยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองมากเพียงใด ข้าก็ไม่อาจลงมือกับผู้บริสุทธิ์ได้…หากข้ากลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณไม่เลือกเช่นนั้นข้าจะต่างอะไรจากเดียรัจฉานและผู้ฝึกมารชั่วๆ’

แต่ไหนแต่ไร ต้วนหลิงเทียนไม่เคยเปลี่ยนเจตนาเดิมของเขาเลย

เขาไม่คิดทำร้ายผู้บริสุทธิ์หากไร้เหตุผลจำเป็น

ถึงแม้ตอนนี้เขาอยากจะยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่คิดทำให้ผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไร้ความผิดต้องมาตกเป็นเหยื่อของเขา

‘ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า สมควรมีสถานที่เหมาะๆให้ข้าใช้ยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณได้โดยไวอยู่แน่’

ต้วนหลิงเทียนมุ่งหน้าลงใต้ด้วยใจวาดหวัง

ไม่กี่วันต่อมาต้วนหลิงเทียนก็พบเมืองๆหนึ่ง เขาเลือกที่จะหยุดพักเพื่อหาข้อมูลในเมืองดังกล่าว เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าเขาสมควรไปที่ไหนถึงจะยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณได้เร็วๆ

‘สถานที่ๆเหมาะสมให้ข้ากลืนกินยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณได้อย่างไม่ผิดมโนธรรมในใจ สมควรเป็นเป็นสถานที่ๆมีคนชั่วไปสุมหัวรวมตัวกันอยู่เยอะๆ…จะเมืองคนบาปก็ดี รังโจรก็ดี หากสูบกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกชั่วนั่น อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรในใจ’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็พบเหลาอาหารที่ดูคึกคักและมีคนเข้าใช้บริการมากที่สุด จึงเดินเข้าไปทันที

หลังจากสั่งสุราอาหารที่เป็นของขึ้นชื่อไม่กี่อย่าง เขาก็เงี่ยหูฟังเรื่องราวโดยรอบ

เหลาอาหารนั้นเป็นสถานที่ๆสามารถรับข้อมูลได้ง่ายที่สุด

ต้วนหลิงเทียนเชื่อว่าหากนั่งอยู่ในเหลาอาหารนานพอ เขาต้องได้เบาะแสเกี่ยวกับสถานที่ๆเต็มไปด้วยพวกชั่วช้าอำมหิตแน่นอน

เวลาค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ ไม่ทันไรก็เข้าสู่ช่วงเที่ยง

เหลาอาหารก็ยังคงคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนไม่เปลี่ยน มีชีวิตชีวานัก

ในเหลาก็มีคนที่มาดื่มกินมากมาย ผู้ที่ปล่อยตัวให้ฤทธิ์สุราเคี่ยวกรำจนมึนเมาก็พล่ามเรื่องราวไปเรื่อย อนิจจาแม้มีเรื่องราวมากมาย แต่กลับไร้เบาะแสเรื่องสถานที่ๆมีคนชั่วอยู่เยอะๆอย่างที่ต้วนหลิงเทียนต้องการ

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่รีบร้อนอะไร ยังคงนั่งฟังบทสนทนาของผู้คนไปเรื่อยๆ

วันแรกไม่ได้ข่าวเขาก็กลับไปบ่มเพาะพลังในโรงเตี๊ยม เช้ามาก็ไปนั่งฟังเรื่องราวต่อ

วันที่ 2 ไม่ได้ข่าวสารอะไร เขาก็ได้แต่กลับไปด้วยความขุ่นใจ

จนเมื่อวันที่ 3 ยังไม่ได้ข่าวอะไร ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็คิดจะถามผู้คนบ้างแล้ว

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนสามารถกล่าวถามผู้คนได้ตั้งแต่แรก แต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น

เพราะถึงแม้เขาจะขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบนได้สักพักแล้ว แต่เวลาส่วนใหญ่ของเขากลับอยู่ในลัทธิบูชาไฟ เขาแทบไม่รู้เรื่องราวในภูมิภาคเบื้องบนเลย กระทั่งตอนนี้เรื่องไหนเป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อน และผู้คนที่นี่สนใจอะไรกันบ้างเขาก็ไม่รู้

เมื่อมีโอกาสแล้วเขาก็คิดฉกฉวยไว้ให้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มสุรา ล้วนกล่าวเรื่องราวออกมามากมายนัก บางเรื่องก็แปลกประหลาดอย่างีท่เขาไม่อาจจินตนาการได้ถึง

“จริงสิพวกเจ้ารู้เรื่องนี้รึยัง…ข้าไปได้ยินมาว่าเมื่อราวๆครึ่งปีที่แล้วสวนสมุนไพรของราชันเม็ดยาซุนยิงถูกผู้คนยกเค้า…อีกทั้งเห็นว่าผู้ที่ทำการปล้นสมุนไพรทั้งกระสัยยาชั้นเลิศในสวนของมันไป กลับเป็นผู้ฝึกตน 3 คนที่พึ่งขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบนหยกๆอีกด้วย!”

ทันใดนั้นเองเสียงของคนผู้หนึ่งในเหลาอาหารพลันดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน และทำให้ต้วนหลิงเทียนถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย