———-
บทที่ 762 ใกล้ประตูยมโลก
อันที่จริงซูอันค่อนข้างรู้สึกดีใจ ถ้าเทาเที่ยตัวนี้ไม่ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาสองคนคงถูกงูเหล่านี้รุมทึ้งจนตายไปแล้ว ตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกเขาจะปลอดภัยจากการคุกคามของพวกงู พวกเขายังไม่ต้องค้นหาเส้นทางหลบหนีอีกต่อไป สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องระวังก็คือการถูกสัตว์ร้ายตัวนั้นสังเกตเห็น
เทาเที่ยดูเหมือนกำลังเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแห่งการกินอย่างมีความสุข และยังไม่ได้สังเกตเห็นทั้งสองคน
เพ่ยเหมียนหมานพยักหน้า แววตากระตือรือร้นปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางไม่อยากอยู่ในที่แห่งนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียวถ้าทำได้
ทั้งสองคนพากันไปที่ช่องที่เทาเที่ยเดินออกมาอย่างช้า ๆ เมื่อไปถึงก็เป็นไปตามคาด มันอยู่ใกล้กับที่ที่พวกเขาสองคนตกลงมา และอยู่สูงจากพื้นประมาณสองจั้ง*[1]
เป็นความสูงที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ยาก และการดัดแปลงพิเศษบนผนังทำให้ยากขึ้นไปอีก ต่อให้เป็นผู้บ่มเพาะ หากตกหลุมพรางเข้ามาในที่แบบนี้ก็ยังนับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายหากต้องการกลับขึ้นไป
ซูอันใช้กระบี่ไท่เอ๋อร์และแท่งพิษอีกครั้งในการปีนป่าย เขาใช้พวกมันสลับกันแทงเข้าไปในผนังเพื่อเคลื่อนที่ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ไปถึงรอยแยกของกำแพง
น้ำลายของเทาเที่ย บางส่วนยังคงเคลือบอยู่ที่ทางเข้า มันค่อนข้างน่ารังเกียจที่จะเหยียบและดูเหมือนว่าที่ด้านในก็มีน้ำลายของมันเคลือบอยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามองเข้าไปและเห็นเส้นทางลาดเอียงซึ่งน่าจะนำขึ้นไปสู่ด้านบน ความสุขที่ในที่สุดก็สามารถหลบหนีได้เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเพิกเฉยต่อความน่าขยะแขยงที่เห็นมาทั้งหมด
เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกกระอักกระอ่วน นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับซูอันดี นางกล้าจูบเขาเพราะนางคิดว่าทั้งสองกำลังถึงที่ตาย แต่ตอนนี้มีความหวังที่จะหลบหนีได้แล้ว นางจึงรู้สึกเขินอาย นี่เป็นอีกครั้งที่นางต้องย้ำกับตัวเองว่าซูอันและชูเหยียนหย่าร้างกันแล้ว แต่การไล่ตามชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสามีของเพื่อนสนิทยังคงดูไม่ถูกไม่ควรอยู่บ้าง
ทันใดนั้นเลือดก็ไหลออกจากไหล่ของนาง รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็หยุดนิ่ง นางมองลงมาด้วยความตกใจ ลิ้นของสัตว์ร้ายได้แทงเข้าไปในร่างกายของนาง
นางไม่มีโอกาสแม้แต่จะคิด ลิ้นทรงพลังดึงนางถอยหลัง นางอ่อนแอและบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว แม้ว่าจะฟื้นกำลังมาได้บ้าง แต่สะบักของนางก็ถูกเจาะทะลุซึ่งทำให้พละกำลังที่เหลืออยู่ของนางถดถอยไปในทันที
นางจะยึดเกาะซูอันต่อไปได้อย่างไร? ร่างกายของนางถูกดึงไปข้างหลัง
ซูอันเห็นลิ้นพุ่งออกจากปากของเทาเที่ย ลิ้นของมันแทงเข้าไปที่ไหล่ของเพ่ยเหมียนหมานและลากนางกลับเข้าไปในปากของมัน
ฟันสองแถวอันน่าสะพรึงกลัวรอคอยที่จะตัดนางเป็นชิ้น ๆ ก่อนที่จะเคี้ยวนางจนกลายเป็นเนื้อสับ
เมื่อซูอันเห็นความสิ้นหวังในดวงตาของเพ่ยเหมียนหมาน และวิธีที่นางพยายามจะเอื้อมมือคว้าเขาอย่างบ้าคลั่ง เขาส่งเสียงคำรามรุนแรงแล้ววิ่งตามนางไป
ลิ้นหดเร็วเกินไป ไม่มีทางที่จะไปถึงนางด้วยการวิ่งปกติของเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องใช้จ้าววายุ
โชคดีที่ซูอันเพิ่งจะฟื้นฟูการใช้จ้าววายุได้แล้วหนึ่งครั้ง หลังจากการใช้งานติดต่อกันสามครั้งก่อนหน้านี้ และโชคดีอีกครั้งที่ลิ้นของเทาเที่ยไม่ได้ยาวสักร้อยจั้ง
เพ่ยเหมียนหมานได้ถอดใจแล้ว นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่านางจะต้องตายในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้…ถ้านางรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น นางคงจะยอมตายเพราะฝูงงูพวกนั้นเสียมากกว่า ดูเหมือนว่ามันจะเป็นตัวเลือกที่เจ็บปวดน้อยกว่าในตอนนี้
แต่แล้วทันใดนั้นนางก็เห็นซูอันปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างของนางอีกครั้งราวกับเทพเจ้าจากสวรรค์ ทุกอย่างดูเหนือจริงมาก นางคิดว่าตัวเองต้องฝันไปแน่ ๆ
ซูอันไม่มีเวลาอธิบาย เขาโอบแขนข้างหนึ่งรอบตัวนางแล้วกวัดแกว่งแท่งพิษในมืออีกข้างหนึ่ง เขาเจาะมันลงไปและเล็งไปที่ส่วนของลิ้นที่กำลังเสียบไหล่ของนางอยู่
เขากังวลมาก ลิ้นของเทาเที่ย ดูแตกต่างจากลิ้นของสัตว์ร้ายทั่วไป และมันดูเหมือนหอกมากกว่าอวัยวะจริง
มันตรงทื่อและมีหนามปกคลุม ถ้าเขาไม่สามารถตัดผ่านมันได้ เขากลัวว่าเขาจะไม่สามารถป้องกันเพ่ยเหมียนหมานจากการถูกสัตว์ร้ายตัวนี้กลืนกินได้
โชคดีที่แท่งพิษตัดผ่านลิ้นของมันไปได้อย่างดี
เสียงกรี๊ดลั่นผ่านอากาศ เทาเที่ยนั้นเจ็บปวดอย่างที่สุดจากการที่ลิ้นของมันถูกตัดออก
ซูอันตกลงไปที่พื้นพร้อมกับเพ่ยเหมียนหมานซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา นางละล่ำละลักถาม
“เป็นเจ้าจริง ๆ เหรอ? ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?” เพ่ยเหมียนหมานร้องไห้ด้วยความดีใจ นางดูเหมือนนางจะพูดอะไรไม่รู้จบ แต่จู่ ๆ คิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากันแน่น และนางคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
ซูอันรีบดึงลิ้นที่ยังคงฝังอยู่ที่ไหล่ของนางออกอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บแสบ เขาโยนลิ้นออกไปและมองที่มือของเขา มือเป็นสีดำไหม้เกรียม!
เห็นได้ชัดว่าเลือดของสิ่งมีชีวิตตัวนี้มีคุณสมบัติในการกัดกร่อนที่ทรงพลัง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่มันกลืนกินงูแปลก ๆ เหล่านั้นเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ซูอันสาปแช่ง ไอ้สัตว์ร้ายตัวนี้น่ารำคาญพอ ๆ กับเอเลี่ยนในหนังเลย!
เขาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเพ่ยเหมียนหมานอย่างรวดเร็ว รอยแผลฉีกตรงไหล่ของนางมีควันพวยพุ่งออกมาพร้อมกับเลือดทะลักอย่างไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าคุณสมบัติการกัดกร่อนอันทรงพลังของเลือดเทาเที่ยทำให้ร่างกายของนางเสียหายอย่างรุนแรง
ซูอันตื่นตระหนก เขารีบควานหาขวดยาต้านพิษที่เขาได้รับจากจี้เติ้งถู แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยอะไรเลยเมื่อเขาใช้มัน จี้เติ้งถูไม่เคยเห็นเทาเที่ยมาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะปรุงยาที่สามารถต่อต้านพิษของมันได้
ซูอันหยิบกระบี่ไท่เอ๋อร์ออกมาและตั้งใจที่จะตัดเนื้อร้ายของนาง แต่บาดแผลนั้นใหญ่เกินไป และไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้
ถ้าชายหนุ่มพยายามตัดเนื้อที่ติดเชื้อจริง ๆ เห็นทีก็คงอาจจะต้องตัดทั้งไหล่ของนางออกซึ่งนั่นจะทำให้นางตายเร็วขึ้น
ดวงตาของซูอันแดงก่ำ เขากำหมัดแน่นจนเล็บของเขาฝังเข้าไปในฝ่ามือ
แม้จะรู้ตัวว่าอาการของตัวเองเลวร้ายมาก แต่เพ่ยเหมียนหมานก็โล่งใจ “อาซูเจ้าไม่ต้องวุ่นวายพยายามหาทางช่วยข้าหรอก ข้ารู้ว่าอาการบาดเจ็บของข้าในตอนนี้มันเกินจะแก้ไขแล้ว…เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเมื่อครู่นี้ที่ข้าถูกสัตว์ร้ายตัวนั้นลากไปและเห็นว่าเจ้าตามมาช่วยข้านั้นข้ามีความสุขมากแค่ไหน…สิ่งนี้มันทำให้ข้าคิดได้ว่าทำไมข้าไม่ตัดสินใจอยู่กับเจ้าก่อนหน้านี้…ไม่ว่าจะเป็นฉู่ชูเหยียนหรือภารกิจของตระกูล ทุกอย่างมันช่างไร้สาระเหลือเกิน หากข้าซื่อสัตย์กับใจของข้าเองมากกว่านี้…มันก็คงดี…”
น้ำตาไหลอาบใบหน้าที่สวยงามของนาง ประโยคของนางเริ่มไม่ปะติดปะต่อกันเล็กน้อย นางเข้าใกล้ประตูยมโลกแล้ว
ซูอันรู้สึกราวกับถูกมีดแทงเข้าที่หน้าอก เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ “ไม่! ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย!” เขาตะโกน
สมองของเขาแล่นอย่างบ้าคลั่งพยายามคิดว่ามีสิ่งใดอีกที่เขาสามารถทำได้เพื่อช่วยนาง ขณะเดียวกันนี้เพ่ยเหมียนหมานก็อุทานด้วยความตื่นตระหนก “เร็วเข้า…! เจ้าต้องหนี…อย่าได้กังวลกับเรื่องของข้าอีก!”
เสียงฝีเท้าหนักดังมาจากด้านหลัง ซูอันหันกลับไป เทาเที่ยขนาดยักษ์เดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางโกรธจัด
ซูอันรู้สึกหวาดกลัว เขาไม่ได้แทงมันด้วยแท่งพิษไปแล้วเหรอ? ทำไมมันถึงยังไม่ตาย!?
[1] ความสูงประมาณห้าถึงหกเมตร