ตอนที่ 704 อยู่เป็น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 704 อยู่เป็น

ไช่จื่อหยวนกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องการให้กระหม่อมเข้าร่วมกับตระกูลไป๋เพื่อสอนหนังสือทายาทของตระกูลไป๋ กระหม่อมยินดีเป็นอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“ไช่เซียนเซิง ข้าหมายความว่าท่านยินดีรับใช้ตระกูลไป๋อย่างซื่อสัตย์ตลอดไปหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถามด้วยเสียงหนักแน่น หยัดกายตรงมองไปทางไช่จื่อหยวนนิ่ง

“พี่…องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” ไป๋ชิงผิงตกใจจนเกือบหลุดปากเรียกไป๋ชิงเหยียนว่าพี่หญิงออกมาต่อหน้าคนนอก เขากำหมัดแน่น ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง “ไช่เซียนเซียงมีความรู้ลึกซึ้ง เหมาะสอนหนังสือให้แก่ทายาทตระกูลไป๋ขอรับ”

เหตุผลแรก ไช่จื่อหยวนเพิ่งมาที่ซั่วหยางได้ไม่กี่เดือน เหตุผลที่สองคือเขามาจากจวนหลี่เม่า ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะซื่อสัตย์ต่อตระกูลไป๋จริงหรือไม่

ผู้ที่ตกตะลึงไม่ได้มีเพียงไป๋ชิงผิงคนเดียว แม้แต่ไช่จื่อหยวนเองก็ยังเบิกตาโพลง “องค์…องค์หญิงเจิ้นกั๋ว จื่อหยวนมาจากจวนของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่านะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าเชื่อมั่นในสายตาของตัวเอง” ไป๋ชิงเหยียนลูบเตาอุ่นมืออย่างแผ่วเบาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ที่สำคัญข้าเชื่อว่าไช่เซียนเซิงเป็นคนมีความสามารถและทระนงในตัวเอง ในเมื่อท่านถูกจวนหลี่ทอดทิ้ง สั่งให้ท่านมารับผิดกับตระกูลไป๋ที่ซั่วหยางก็แสดงว่าหลี่เม่าทอดทิ้งท่านแล้ว ไช่เซียนเซิงไม่มีทางลดศักดิ์ศรีของตัวเองกลับไปรับใช้จวนหลี่อีกแน่นอน ส่วนตระกูลไป๋ของข้าแม้จะไม่มีอำนาจใดๆ ในตอนนี้ ทว่า ตระกูลไป๋มีสิ่งหนึ่งที่จวนหลี่ไม่มีวันเทียบได้ ตระกูลไป๋ไม่มีวันทอดทิ้งสหายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแม้แต่คนเดียว!”

ตระกูลไป๋…ไม่มีวันทอดทิ้งสหายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแม้แต่คนเดียว!

คำกล่าวนี้ทำให้ขอบตาของไช่จื่อหยวนร้อนผ่าว

เขารู้ดี นี่คือสิ่งที่ทำให้กองทัพไป๋มีความกล้า ไม่กลัวตายและไม่เคยรบพ่ายแพ้!

เขานึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เขายืนมองไป๋ชิงเหยียนจัดการกับบุตรอนุของตระกูลไป๋ที่หน้าโรงสุราท่ามกลางแสงไฟจากโคมไฟบนท้องถนนสายยาว

ตอนนั้นไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่ากฎของตระกูลไป๋ก็คือกฎของกองทัพไป๋

ในฐานะที่ปรึกษา สิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดในชีวิตนี้คือสิ่งใดกัน! สิ่งนั้นคือการได้พบเจ้านายที่รู้ใจและไม่ทอดทิ้งเขาไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม

ตอนที่เขาถูกหลี่เม่าส่งมารับผิดกับไป๋ชิงเหยียนที่ซั่วหยาง เขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ ตอนนั้นเขาเคยคิดว่าหากไป๋ชิงเหยียนเมตตาไว้ชีวิตเขา เขาจะกลับไปสอนหนังสือที่บ้านเกิดจนวันตาย

ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเอ่ยปากเชิญเขาเช่นนี้…

ไช่จื่อหยวนขบกรามแน่น สะบัดชายชุดพลางคุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนสามครั้ง “ไช่จื่อหยวนคารวะนายหญิง ชีวิตนี้จะจงรักภักดีต่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปจนวันตาย หากข้าผิดคำสาบานขอให้ตระกูลของข้ามีอันเป็นไปทั้งตระกูล ตายไปแล้วไม่มีวันได้กลับมาเกิดอีกขอรับ!”

“ชิงผิง ประคองไช่เซียนเซิงลุกขึ้น” ไป๋ชิงเหยียนลูบเตาอุ่นมือพลางหันไปกล่าวกับชุนเถา “ตามพ่อบ้านเหามาให้ข้าที”

ไป๋ชิงผิงขมวดคิ้วพลางประคองไช่จื่อหยวนให้ลุกขึ้นจากพื้น ในใจเต็มไปด้วยความกังวลที่อยากบอกให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้

ไม่นานพ่อบ้านเหาจึงเดินเข้ามาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“ฝากพ่อบ้านเหาดูแลหาที่พักให้ไช่เซียนเซิงด้วย นับจากนี้ไช่เซียนเซิงคือคนของตระกูลไป๋แล้ว” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเครื่องแต่งกายของไช่จื่อหยวนที่ขาวซีดเนื่องจากการซักซ้ำหลายรอบแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “ไช่เซียนเซิงรีบร้อนเดินทางมาที่นี่จึงไม่ได้นำเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวมามากนัก พ่อบ้านเหาจัดหาให้เขาให้พร้อมสรรพด้วย”

“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะจัดการให้ไช่เซียงเซิงเองขอรับ” พ่อบ้านเหาส่งยิ้มให้ไช่จื่อหยวนพลางผายมือเชิญ “เชิญไช่เซียนเซิงขอรับ…”

ไช่จื่อหยวนลุกขึ้นยืนแล้วโค้งคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งอย่างนอบน้อม “จื่อหยวนมีเรื่องทูลขอพ่ะย่ะค่ะ ในช่วงที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วยังไม่มีงานให้กระหม่อมทำ ได้โปรดอนุญาตให้กระหม่อมสอนหนังสือชาวบ้านในค่ายทหารต่อไปด้วยเถิด ถือเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านเหล่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “หากไช่เซียนเซิงมีเวลาว่างก็ดีแล้ว”

“ขอบพระทัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ” ไช่จื่อหยวนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นเดินตามพ่อบ้านเหาออกไปด้านนอกอย่างนอบน้อม

เมื่อไช่จื่อหยวนจากไป ไป๋ชิงผิงจึงรีบกล่าวขึ้นทันที “พี่หญิง ไช่เซียนเซิงมาจากจวนของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าแห่งเมืองหลวง พี่หญิงเสี่ยงใช้งานเขาเช่นนี้ไม่กลัวถูกหักหลังหรือขอรับ”

“ไม่ใช่เสี่ยง…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงราบเรียบพลางหันไปมองไป๋ชิงผิง “ผู้ใดก็ตามที่มีความสามารถ พวกเขามักหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง หลี่เม่าให้ไช่จื่อหยวนเดินทางมารับผิดที่ซั่วหยางเท่ากับว่าเขาทอดทิ้งไช่จื่อหยวนโดยไม่สนใจใยดีอีกแล้ว สิ่งที่เหล่าที่ปรึกษาอย่างพวกเขาต้องการมากที่สุดก็คือการได้พบเจ้านายที่พร้อมฝากชีวิตไว้ได้ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้านาย ไม่ทรยศหักหลังกัน ทว่า หลี่เม่าทอดทิ้งไช่จื่อหยวนก่อน ไช่จื่อหยวนไม่มีทางจกรักภักดีต่อหลี่เม่าอีกต่อไป”

“ชิงผิง บนโลกใบนี้มีที่ปรึกษาที่คร่ำครึประเภทที่ว่าแม้ว่าเจ้านายจะหักหลังเขา ทว่า เขาไม่ทางหักหลังเจ้านายเด็ดขาด ที่ปรึกษาประเภทนี้ พวกเราไม่อาจโน้มน้าวเขามาเป็นพวกได้ ทว่า ยังมีที่ปรึกษาอีกแบบหนึ่งที่ไม่ได้จงรักภักดีต่อเจ้านายคนเดียวไปจนวันตาย ยกตัวอย่างเช่นไช่จื่อหยวน คนผู้นี้หยิ่งในศักดิ์ศรี อยู่เป็นและรู้จักหาที่พึ่งแห่งใหม่”

ไป๋ชิงผิงคิดตามคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน นึกถึงช่วงแรกที่ไช่จื่อหยวนเข้าไปในค่ายทหาร เขาดูไร้ศรัทธาราวกับคนที่มีชีวิตอยู่เพื่อรอความตายเท่านั้น

เมื่อคิดได้แล้ว ไป๋ชิงผิงจึงโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “ชิงผิงเข้าใจแล้วขอรับ”

เมื่อไป๋ชิงผิงลุกขึ้นแล้วสังเกตเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของไป๋ชิงเหยียน เขาจึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ “พี่หญิงควรพักผ่อนให้มากนะขอรับ หากมีเรื่องอันใดสามารถมอบให้ชิงผิงจัดการได้ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ถงหมัวมัวออกไปส่งชิงผิงแทนข้าที”

ถงหมัวมัวรับคำ จากนั้นผายมือเชิญไป๋ชิงผิง

มองส่งไป๋ชิงผิงจากไป ไป๋ชิงเหยียนประคองมือของชุนเถาลุกขึ้นยืนก็เห็นหลูผิงเดินเข้ามาด้านในด้วยความรีบร้อน “คุณหนูใหญ่ จดหมายด่วนจากคุณหนูรองขอรับ”

ชุนเถาเห็นดังนั้นจึงรีบประคองไป๋ชิงเหยียนให้นั่งลงตามเดิม หลูผิงยื่นจดหมายให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม

ไป๋ชิงเหยียนแกะจดหมายออก กวาดสายตามองอ่านอย่างคร่าวๆ

ไป๋จิ่นซิ่วเขียนเรื่องสำคัญมาในจดหมายสองเรื่อง…

โรคระบาดที่เมืองหวาหยาง

รัชทายาทมีคำสั่งให้สร้างหอบูชาเก้าชั้น

ไป๋ชิงเหยียนกำจดหมายในมือแน่นพลางกัดฟันกรอด

ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้พลัดตกจากหลังม้า ต่อมาเกิดโรคระบาดขึ้นที่เมืองหวาหยาง รัชทายาทจึงตัดสินใจสร้างหอบูชาเก้าชั้นเพื่อบำเพ็ญภาวนา เมื่อหอบูชาเก้าชั้นสร้างเสร็จเมื่อใด ฮ่องเต้จะเข้าไปชำระล้างร่างกายให้สะอาดบริสุทธิ์และงดทานเนื้อสัตว์เพื่อบำเพ็ญเพียรในหอบูชาเก้าชั้น

เมืองหวาหยางเกิดโรคระบาดขึ้น รัชทายาทไม่รีบส่งคนไปบรรเทาทุกข์ ทว่า กลับใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการสร้างหอบูชาเก้าชั้นเพื่อเอาใจฮ่องเต้ อ้างว่าโรคระบาดเกิดขึ้นเพราะเจตนาของสวรรค์

ไป๋ชิงเหยียนมองลายมือของไป๋จิ่นซิ่วในจดหมายแล้วรู้สึกเย็นเยือกในใจ บัดนี้รัชทายาทเอาแต่ทำตามความต้องการของฮ่องเต้ ไม่คิดจะทำเพื่อชาวบ้านอย่างที่คนเป็นจักรพรรดิสมควรจะทำแม้แต่น้อย

หากรัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์…เขาคงไม่ได้ดีไปกว่าจักรพรรดิองค์ปัจจุบันสักเท่าใดนัก

ต่งซื่อลงมือทำน้ำแกงให้ไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเอง นางรออยู่ที่เรือนปัวอวิ๋นนานสองนาน ทว่า ไม่เห็นไป๋ชิงเหยียนกลับมาเสียที นางจึงส่งฉินหมัวมัวไปยังเรือนหน้า เมื่อถามจึงรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนไปที่หอบรรพชนแล้ว

ต่งซื่อขมวดคิ้วแน่น “เด็กคนนี้นี่ บาดเจ็บอยู่แท้ๆ กลับไม่พักผ่อนอยู่ที่เรือน เดี๋ยวก็พบคนโน้น เดี๋ยวก็ยุ่งเรื่องนี้ บัดนี้ยังไปที่หอบรรพชนอีก!”

“ฮูหยินทราบนิสัยของคุณหนูใหญ่ของเราดีนี่เจ้าคะ คุณหนูใหญ่ทราบดีว่าตอนนี้ตระกูลไป๋ขาดนางไปไม่ได้ นางไม่เอาร่างกายของตัวเองมาล้อเล่นหรอกเจ้าค่ะ เมื่อวานคือวันเกิดของคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่คงคิดถึงเจิ้นกั๋วอ๋อง เจิ้นกั๋วกงและอาอวี๋ขึ้นมาเจ้าค่ะ”