บทที่ 779 กู้หวนอวี้ช่างฟุ่มเฟือย

ตู้ชิงหยูหลับจนถึงรุ่งสาง

หลังจากตื่นและอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยนางจึงไปหาถังหลี่ เมื่อเห็นนาง ตู้ชิงหยูเข้าไปกอดที่ด้านหลัง ถังหลี่คุ้นชินกับนิสัยเช่นนี้ ทุกคนมักจะมีนิสัยแปลกๆ แตกต่างกันไป ชิงหยูชอบการสัมผัสเพื่อแสดงความใกล้ชิด ถังหลี่จึงไม่เคยห้ามปราม

นับว่าโชคดีที่สามีของนางต้องไปประชุมขุนนาง ไม่เช่นนั้นเขาคงมองด้วยความอิจฉา ถังหลี่จึงไม่ต้องเผชิญกับสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างคนทั้งสอง

“ถังถัง พาข้าไปหามู่เป่ากับถังเป่าหน่อยเถอะ” ตู้ชิงหยูลูบไหล่ของถังหลี่ ทั้งสองส่งจดหมายแลกเปลี่ยนกันมาตลอด นางจึงรู้เรื่องที่ถังหลี่ให้กำเนิดเด็กแฝด หลังจากทราบข่าวตู้ชิงหยูแต่งตั้งตนเองเป็นแม่ทูนหัวของเด็กทั้งสองทันที

ถังหลี่พาตู้ชิงหยูเดินมาถึงเรือนของเด็กน้อย ก็เห็นเด็กสองคนอยู่ในสนาม เด็กชายตัวน้อยยืนกระโดดโลดเต้นทำท่าจะจับนกที่อยู่บนต้นไม้ นกเอียงคอราวกับเยาะเย้ย ส่วนเด็กหญิงนั่งถือหนังสือเล่มเล็กอยู่ในมือ ตู้ชิงหยูเห็นเช่นนั้นแล้วก็ให้ใจอ่อนยวบ นางมองเด็กหญิงที่เหมือนถังหลี่แบบย่อส่วน

“ถังเป่าของข้า” ตู้ชิงหยูอุ้มเด็กน้อยไว้ในวงแขน

ถังเป่าตาโต สับสน ท่านป้าผู้นี้ดูคุ้นเคย แต่นางจำไม่ได้! ถังเป่าเขินอายแต่ยื่นมือน้อยๆ อวบอ้วนกอดนาง แล้วเรียกอย่างอ่อนหวาน

“ท่านป้า”

ตู้ชิงหยูอุ้มเด็กน้อยไว้ที่ตักของตัวเอง พยายามเกลี้ยกล่อมนาง

“เรียกแม่ทูนหัวสิ”

ถังเป่ามองอย่างลังเล

“ก่อนที่เจ้าจะเกิด ข้ากับมารดาเจ้าตกลงกันแล้วว่าข้าจะเป็นแม่ทูนหัวให้เจ้า” ถังเป่าถอนหายใจอย่างโล่งอก นางกับหญิงสาวผู้นี้ไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่ใช่ว่านางลืมอีกฝ่าย

“แต่ว่า..ต้องมีพิธีรับลูกทูนหัวก่อน จะให้เรียกว่าแม่ทูนหัวเลยย่อมไม่ดี” ตู้ชิงหยูครุ่นคิด

ถังหลี่รีบพูดขึ้น”ข้าจะจัดการให้” ตู้ชิงหยูมีความสุขจนอยากกระโดดจูบถังหลี่ที่มีน้ำใจ มู่เป่าเห็นมาแต่ไกล เขาวิ่งเข้ามาหาด้วยขาสั้นๆ ของตนเอง แล้วกอดต้นขาของมารดาเอาไว้ เด็กชายแอบมองอย่างอยากรู้อยากเห็น

“มู่เป่าเรียกท่านป้าสิ” ตู้ชิงหยูสอน ในขณะที่พูดนางหยิบของออกมาชิ้นหนึ่งยื่นให้เด็กชาย มู่เป่าชอบของชิ้นนั้นมาก เขาไม่รีรอที่จะเรียกนางทันที

“ท่านป้า”

“เด็กดี” มู่เป่าลากเก้าอี้ตัวน้อยมาใกล้ๆ ตู้ชิงหยู เขาเป็นเด็กน้อยช่างเจรจา ทำให้ตู้ชิงหยูหัวเราะเพราะคำพูดที่ไร้เดียงสาของเขา

“มู่เป่าโม้อะไรอีกแล้ว” ในตอนนั้นเอง เสียงที่ทรงพลังก็ดังขึ้น ตู้ชิงหยูหันไปมองชายหญิงสูงอายุสองคนเดินเคียงข้างกันเข้ามา ตู้ชิงหยูมองท่านผู้เฒ่าอย่างคลับคล้ายคลับคลา ไม่นานนักนางก็จำได้

“ท่านคือเหล่าจ้านหรือ?” ตู้ชิงหยูถาม

เหล่าจ้านมองตู้ชิงหยู เขาพยายามนึกอยู่นานแต่ก็นึกไม่ออก

“ตอนท่านยังหนุ่ม ท่านเล่นหมากกับอาจารย์ ข้าคอยเฝ้าดูอยู่ข้างๆ” ตู้ชิงหยูว่า

เหล่าจ้านนึกขึ้นได้

“เจ้าคือศิษย์หญิงของเหล่าฮั่น?”

“ใช่แล้วผู้อาวุโส เป็นข้าเอง” ตู้ชิงหยูพยักหน้า อาจารย์ของนางเป็นยอดฝีมือในเชิงหมาก เป็นนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้ว่าฮ่องเต้เห็นก็ยังให้ความเคารพ น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว

“โตขึ้นขนาดนี้เลย”

“ผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้ว”

เหล่าจ้านถอนหายใจ

“ใช่ เวลาผ่านไปเร็วมาก” เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ดวงตาของเขาเปล่งประกายทันที

“ทักษะการเล่นหมากของอาจารย์เจ้าโดดเด่นมาก เจ้าเองคงไม่ต่างกัน มาเล่นกับข้าสักกระดานหรือไม่? ไม่ต้องกลัว ข้าไม่รังแกเจ้าหรอก”

เหล่าจ้านเป็นคนใจร้อน ยิ่งคิดเขายิ่งเกิดอยากเล่นขึ้นมาเดี๋ยวนั้น เขาจึงให้ขอให้ตู้ชิงหยูเล่นหมากกับเขา

ผู้อาวุโสจ้านจำได้ว่า เขาถูกเหล่าฮั่นฆ่าตายบนกระดานอย่างไร้ร่องรอย เขาเสียใจมาก วันนี้เขาจะได้ล้างแค้น

แต่เพียงแค่หนึ่งชั่วยามถัดมา เหล่าจ้านก็พ่ายแพ้ตู้ชิงหยูอย่างสิ้นเชิง

“……….”

แพ้อีกแล้ว! เขาแทบอยากจะมุดดินหนี

ตู้ชิงหยูคิดว่าเหล่าจ้านอ่อนมาก เหล่าจ้านตกตะลึงหันไป แล้วมองไทเฮา

นางเห็นว่าเขาน่าสงสารมากจึงได้ปลอบโยนเขา “แค่แพ้เท่านั้นไม่ได้หมายความว่าฝีมือเจ้าย่ำแย่หรอก” เหล่าจ้านจึงอารมณ์ดีขึ้น

แม้จะแพ้เกมหมาก แต่เขาได้รับความรักอย่างท่วมท้น ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีหรอกหรือ

อย่างไรก็ตาม เขายังอยากเอาชนะลูกศิษย์ของเหล่าฮั่นผู้นี้ให้ได้ หากเขาทำไม่ได้ก็ยังมีผู้อื่นนี่นะ

เหล่าจ้านเห็นว่า กู้หวนอวี้เคยเอาชนะเขาได้ เห็นทีต้องใช้กู้หวนอวี้แทนเสียแล้ว

เมื่อเขานึกย้อนไปในตอนแรกที่แข่งหมากกับกู้หวนอวี้ทั้งสองฝีมือสูสีกัน แต่ในครั้งหลังๆ เขากลับไม่เคยชนะอีกฝ่ายเลย ตอนนี้ทักษะการเดินหมากของกู้หวนอวี้พัฒนาขึ้นมาก ในช่วงบ่ายเขาจะคุยเรื่องนี้กับกู้หวนอวี้

จวนสกุลกู้

กู้หวนอวี้มาหาจางจ้าวหมิงเพื่อดูอาการบาดเจ็บของเขา ชายหนุ่มเคาะประตูไม่นาน ประตูก็เปิดออก เขาเห็นจางจ้าวหมิงดูอ่อนแอมาก ชายหนุ่มตกใจ หมอบอกว่าอาการบาดเจ็บของจางจ้าวหมิงเกือบจะหายดีแล้วไม่ใช่หรือ?

เมื่อจางจ้าวหมิงเห็นว่าเป็นกู้หวนอวี้ เขาก็ยืนตัวตรง ดูอารมณ์ดีและพูดเสียงดังขึ้น

“ท่านแม่ทัพ” กู้หวนอวี้แปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของลูกน้อง

“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าดูแย่ลง”

ชายหนุ่มเขินอายพร้อมกับบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ข้ายังอยากดื่มน้ำแกงที่คุณหนูตู้ทำ หากข้าแข็งแรงแล้วนางคงจะไม่ปรุงมาให้ข้าอีก”

กู้หวนอวี้ตกใจมาก มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?

เขารู้สึกว่าภายในช่วงเวลาไม่กี่วันนี้ จางจ้าวหมิงทำเรื่องให้เขาประหลาดใจมากทีเดียว

“พี่จาง นี่ท่านแกล้งป่วยหรือ?” เสียงที่โกรธเคืองดังขึ้นระหว่างการสนทนา พวกเขาไม่คิดว่าตู้เยี่ยนจะบังเอิญมาได้ยินเข้า จางจ้าวหมิงใจหล่นวูบ เรื่องนี้จะทำให้นางโกรธเขาหรือไม่?

“คุณหนูตู้ฟังข้าก่อน” จางจ้าวหมิงพูดอย่างร้อนรน แต่ก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ เขาจึงเลือกที่จะขอโทษนาง

“ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรโกหกเจ้าแบบนั้นเลย ข้าจะไม่ทำแล้วเจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ?”

ตู้เยี่ยนเห็นความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขา ไม่นานนักนางก็ไม่อาจเสแสร้งต่อไปได้อีก

“แค่เจ้าบอกว่าชอบน้ำแกงที่ข้าทำ ไม่ว่าท่านจะป่วยหรือไม่ข้าจะปรุงให้ท่านเอง” ตู้เยี่ยนว่า

ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสาหลังจากได้ยินที่นางพูด

“คุณหนูตู้ใจดีกับข้ามาตลอด”

“บอกว่าอย่าเรียกคุณหนูไง มันน่าอึดอัดนะ”

“เอาล่ะเยี่ยนเยี่ยน” จางจ้าวหมิงยิ้ม กู้หวนอวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ฟังบทสนทนาระหว่างคู่รักทั้งสองทำให้เขาต้องกัดฟัน

อดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดเขาต้องมายืนเป็นก้างขวางอยู่เช่นนี้ด้วย