ตอนที่ 1439 รนหาที่ตาย (5) ตอนที่ 1440 รนหาที่ตาย (6)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1439 รนหาที่ตาย (5) / ตอนที่ 1440 รนหาที่ตาย (6)
ตอนที่ 1439 รนหาที่ตาย (5)

จวินอู๋เสียเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยขณะมองไปที่อันธพาลคนนั้น “เจ้ามาก่อเรื่องถึงที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ”

อันธพาลผู้ชั่วร้ายคนนั้นกลืนน้ำลายเสียงดัง เขามองลักษณะหน้าตาของจวินอู๋เสีย ในใจพลันนึกขึ้นได้ว่าคนที่ซื้อบ้านพวกนี้ในตอนแรกก็คือเด็กหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาละเอียดอ่อนบอบบางเช่นนี้!

“เป็นเจ้า! เจ้าคือคนที่ซื้อที่ทั้งหมดนี้!” อันธพาลคนนั้นตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

เสียงตะโกนของอันธพาลคนนั้นทำให้ผู้ลี้ภัยทุกคนจ้องมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างตกตะลึง พวกเขาอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าใครกันที่มีน้ำใจจัดหาที่อยู่ที่สะดวกสบายแบบนี้ให้พวกเขา พวกเขาคิดว่าอาจจะเป็นเจ้าเมืองหรือไม่ก็ “ท่านผู้ใจบุญ” คนนั้น แต่ไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าคนที่รับผิดชอบในการจัดหาสิ่งเหล่านี้ให้พวกเขาจะเป็นเด็กหนุ่มแบบนี้!

“ดีมาก” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงและพูดว่า “อย่างน้อยเจ้าก็จะตายแบบรู้ว่าใครทำ” ยังไม่ทันสิ้นเสียงของจวินอู๋เสีย ร่างของนางก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่ พวกอันธพาลร้องออกมาอย่างหวาดกลัว และพากันออกวิ่งทันที!

แต่พวกเขาไม่มีโอกาสหลบหนีอีกต่อไปแล้ว!

ร่างของจวินอู๋เสียเป็นเหมือนลำแสงสีม่วงของปีศาจ พุ่งผ่านกลุ่มอันธพาลที่พยายามหลบหนีด้วยความเร็วของสายฟ้า!

ลำแสงสีม่วงก่อให้เกิดภาพติดตา โลหิตสาดกระจายไปทุกที่ที่มันวิ่งผ่าน!

ในชั่วพริบตาอันธพาลร่างกำยำสิบกว่าคนก็นอนจมกองโลหิตของตัวเอง พวกเขาทุกคนจนตายก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ตอนที่พวกเขาล้มลงกระแทกพื้น ลมหายใจสุดท้ายของพวกเขาก็ได้หายไปจากร่างของพวกเขาแล้ว!

โลหิตสีแดงสดเปลี่ยนพื้นให้กลายเป็นสีแดงฉานเป็นบริเวณกว้าง กลิ่นคาวโลหิตทำให้ผู้ลี้ภัยพากันกุมท้องด้วยความคลื่นไส้

ทันใดนั้น ก็เหลือเพียงหัวหน้าอันธพาลที่หยิ่งผยองอยู่ท่ามกลางแอ่งโลหิตจำนวนมาก ขาของเขาถูกตัดออกโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว! เมื่อสูญเสียขา เขาก็นอนร้องโหยหวนอยู่ท่ามกลางกองโลหิตของตัวเอง ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองไปที่ศพของบรรดาลูกน้องด้วยความหวาดกลัว ตาของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสดจากภาพสะท้อนของโลหิต!

เท้าคู่หนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามาตรงหน้าเขา และหยุดยืนอยู่ห่างจากปลายจมูกเขาแค่ครึ่งนิ้ว

จวินอู๋เสียใช้ปลายรองเท้าของนางยกคางของอันธพาลคนนั้น บังคับให้เขาเงยหน้าซีดขาวขึ้นมามองสีหน้าเย็นชาของนาง

“ที่นี่เป็นของข้า ถ้าใครอยากทำเรื่องทารุณโหดร้ายที่นี่ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะส่งพวกมันไปลงนรก” เสียงของจวินอู๋เสียเบา แต่ความเย็นยะเยือกในคำพูดพวกนั้นทำให้เขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ท่ามกลางอากาศร้อน

คำพูดพวกนั้นถูกเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่มันซึมลึกเข้าไปในกระดูกของเขา ทำให้ความอบอุ่นในโลหิตทุกหยดค่อยๆ สลายไป

“ไว้ชีวิตด้วย…ไว้ชีวิตข้าด้วย…ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว…ไม่ทำอีกแล้ว…” ความเจ็บปวดและสิ้นหวังอย่างสุดหัวใจทำให้อันธพาลคนนั้นตัวสั่นไม่หยุด เขานอนจมกองโลหิตของตัวเองเหมือนหมาตัวหนึ่ง ไม่เหลือความหยิ่งผยองบนใบหน้าแบบเมื่อครู่เลยสักเศษเสี้ยว มีแค่ความกลัวตายเท่านั้น

“สายไปแล้ว” ดวงตาของจวินอู๋เสียเปล่งประกายสังหาร ปลายเท้าขยับเล็กน้อย เตะหัวของอันธพาลคนนั้นจนคอหักด้วยพละกำลังมหาศาล!

ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกอันธพาลที่ก่อกรรมทำชั่วมาทุกรูปแบบก็หยุดหายใจทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาไม่สามารถป้องกันจวินอู๋เสียได้เลยแม้แต่น้อย

ต่อหน้าจวินอู๋เสีย ชีวิตของพวกเขาก็เหมือนฝุ่นละอองที่สามารถเช็ดออกได้ในชั่วอึดใจ เปราะบางเสียจนไม่สามารถต้านทานการทุบตีแม้เพียงเล็กน้อยได้เลย

อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตจนหายใจไม่ออก พวกผู้ลี้ภัยได้เห็นความตายต่อหน้าต่อตา นั่นเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นพลังอันน่ากลัวของผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง พลังที่ไม่มีใครต้านทานได้นั้นเพียงแค่เห็นก็ทำให้ทุกคนตัวสั่นสะท้าน!

ตอนที่ 1440 รนหาที่ตาย (6)

นี่คือผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง!

ผู้ที่แข็งแกร่งเหนือทุกผู้คน ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิด!

พวกผู้ลี้ภัยที่รวมตัวกันอยู่รอบๆ พากันเบียดเข้าหากัน ทั้งหมดต่างเงียบสนิท ไม่มีการแอบมองจากพวกเขาแม้แต่ครั้งเดียว

พวกเขาจ้องไปที่ศพที่นอนอยู่บนพื้น และหลังของพวกเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ความเย็นยะเยียบยังคงซึมลึกอยู่ในกระดูกของพวกเขา ภาพการสังหารหมู่นองโลหิตที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตายังคงเกาะกุมอยู่ในใจของพวกเขา

จวินอู๋เสียก้าวผ่านกองโลหิตสีแดงฉานไปที่ข้างตัวหญิงชราที่หมดสติไปแล้ว ทุกย่างก้าวของนางทิ้งรอยโลหิตสีแดงสดไว้ที่พื้น พอเชื่อมกันแล้วก็ดูเหมือนโซ่แห่งความตายปรากฏขึ้นมา

เด็กที่นอนอยู่บนหญิงชราร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก และกำลังหอบหายใจขณะเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสีย ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตานั้นไม่ได้มีความกลัวหรือไม่สบายใจแม้แต่น้อย แต่มันเต็มไปด้วยความสำนึกขอบคุณ

ความคิดของเด็กยังบริสุทธิ์และไม่แปดเปื้อน เขารู้แค่ว่าพี่ชายตรงหน้าช่วยฆ่าคนพวกนั้นที่รังแกย่าของเขา เป็นผู้มีพระคุณของเขา!

จวินอู๋เสียลงนั่งยองๆ และตรวจดูอาการของหญิงชรา หลังจากแน่ใจว่าอาการไม่ได้อยู่ในขีดอันตราย นางก็ตบมือ แล้วเงาดำร่างหนึ่งก็พุ่งออกจากมุม

“เอาโอสถวิเศษนี้ให้นางและส่งนางกลับไปพักผ่อน” จวินอู๋เสียส่งโอสถวิเศษขวดหนึ่งให้เยี่ยซา

เยี่ยซารับขวดยามาโดยไม่ได้พูดอะไร และแบกหญิงชราขึ้นหลังก่อนจะพานางเข้าไปในหอพัก

จวินอู๋เสียลุกขึ้น แววตาอำมหิตหายไปจากดวงตาของนางแล้ว แต่สายตาของนางยังคงเย็นชาเหมือนน้ำแข็งขณะกวาดมองไปยังกลุ่มผู้ลี้ภัยที่ตกตะลึงอยู่ด้านข้าง จากนั้นนางก็เปิดปากพูดขึ้นว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ข้าจะยอมให้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ข้าให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพื่อเก็บพวกขยะที่เอาแต่ยืนมองอยู่เฉยๆ โดยไม่แม้แต่จะกระดิกนิ้วช่วย ถ้าพวกเจ้าไม่มีความกล้าที่จะปกป้องพรรคพวกของตัวเอง อย่างนั้นพวกเจ้าทุกคนก็คลานกลับค่ายผู้ลี้ภัยไปเสีย! ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกขี้ขลาดตาขาว!”

ศัตรูที่ทรงพลังไม่ได้น่ากลัวถึงขนาดนั้น สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ ก็คือการไม่มีความกล้าที่จะสู้กับศัตรู!

ตอนนี้หอพักรองรับผู้ลี้ภัยได้เกือบพันคน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงคนแก่ สตรีอ่อนแอ และเด็ก แต่ถ้าพวกเขามีความกล้าที่จะลุกขึ้นมารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว อันธพาลที่ดุร้ายสิบกว่าคนนั้นก็ไม่มีโอกาสต่อต้านพวกเขาทั้งหมดได้

ด้วยจำนวนคนเกือบพันคน แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะขว้างก้อนหินกันคนละหนึ่งก้อน มันก็ทำให้อันธพาลสิบกว่าคนนั้นโดนหินขว้างจนตายได้ แต่พวกเขาไม่มีความกล้า เอาแต่ยืนเงียบอยู่ด้านข้างด้วยความกลัว มองดูพวกพ้องของตัวเองโดนข่มเหงอย่างทารุณ!

จวินอู๋เสียรังเกียจคนขี้ขลาดตาขาวแบบนี้ คนเราอ่อนแอได้ แต่หัวใจต้องไม่อ่อนแอ!

คำพูดของจวินอู๋เสียเป็นเหมือนสายฟ้าฟาดลงมาที่หัวใจของทุกคน พวกเขายืนมองเด็กที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น มองคู่แม่ลูกที่กำลังกอดกันอยู่ด้วยความหวาดกลัว

เสียงกรีดร้องบาดหัวใจเพื่อขอความช่วยเหลือของสตรีนางนั้นฉายซ้ำอีกครั้งในใจของทุกคน น้ำจากน้ำพุแห่งความรู้สึกผิดได้ชะล้างเอาฝุ่นที่ปกคลุมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ซ่อนอยู่ในใจทุกคนออกไป

พวกเขาก้มหน้าอย่างละอายใจจากความรู้สึกผิดรุนแรง สายตาเต็มไปด้วยความเสียใจ วันนี้ตอนที่ย่าหลานและแม่ลูกถูกข่มเหง พวกเขาทุกคนเลือกที่จะเก็บมือไว้ในแขนเสื้อไม่ยอมช่วยเหลือใดๆ แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับพวกเขา พวกเขาจะรู้สึกหมดหนทางและสิ้นหวังแค่ไหน

“ขอบคุณ…ขอบคุณ…” สตรีที่เกือบตกเป็นเหยื่อของอันธพาลกอดลูกของนางและคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอบคุณจวินอู๋เสียไม่หยุด ถ้าไม่ใช่เพราะจวินอู๋เสียเข้ามาขัดขวางเอาไว้ได้ทันเวลา นางกับลูกคงตายอยู่ที่นี่วันนี้แล้ว!

จวินอู๋เสียชำเลืองมองพวกเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป สตรีกับลูกยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น ไม่ยอมลุกจนกระทั่งจวินอู๋เสียเข้าไปในหอพักที่แยกอิสระจากคนอื่นๆ สตรีนางนั้นถึงได้ลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังสั่นอยู่ นางอุ้มลูก ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้กวาดมองไปยังกลุ่มผู้ลี้ภัยที่ยืนเงียบงันด้วยความเกลียดชัง