“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
อวี้จิ่นเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ข้าเพียงแค่เอ่ยเตือนน้องแปด อย่าได้ฟังคนรอบข้างเพียงไม่กี่คำแล้วก็ทำตัวหุนหันพลันแล่น ท้ายที่สุดแล้วถูกหลอกไปขายยังต้องไปนั่งช่วยเขานับเงิน”
เซียงอ๋องหัวเราะเยาะขึ้น “ไม่จำเป็นต้องให้พี่เจ็ดมาคอยยุยงให้แตกแยก”
เรื่องดำเนินมาจนถึงจุดนี้ คิดว่าเขาจะไม่ยอมติดตามพี่สี่ แล้วหันกลับไปเป็นพวกเดียวกันกับพี่เจ็ดอย่างงั้นหรือ
หากมีการเปลี่ยนแปลงในเวลานี้คงน่าขันสิ้นดี
อวี้จิ่นยิ้มขึ้นเบาๆ “หากน้องแปดคิดว่าการเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีของข้าเป็นการยั่วยุให้แตกแยก เช่นนั้นจงถือว่าข้าไม่เคยกล่าวสิ่งใดออกมา”
“น่าขันนัก” เซียงอ๋องหัวเราะออกมาด้วยความเย็นชา ก่อนจะเดินเบียดข้างกายอวี้จิ่นตรงเข้าไปด้านใน
ภายในห้องโถง กลิ่นของสุราโชยอบอวล สุราในแก้วหมดไปไม่น้อย
รอจนกระทั่งอวี้จิ่นและเซียงอ๋องกลับมา พวกเขาก็ได้ดื่มกันต่ออีกหลายจอก จากนั้นฉีอ๋องจึงกล่าวขึ้นว่า “เราออกมาเป็นเวลาไม่น้อยแล้ว สมควรจะกลับได้แล้วล่ะ น้องแปด เจ้าทำใจให้สบายเถิด เอาไว้พวกข้าจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนเจ้าอีก”
ฉินอ๋องก็วางแก้วสุราลงเช่นกันแล้วยิ้มว่า “นั่นสิ หากน้องแปดรู้สึกว่าเงียบเหงาหงุดหงิดใจให้คนส่งข่าวไปหาข้าได้เสมอ”
มีเพียงหลู่อ๋องเท่านั้นที่ดื่มสุราพร้อมกับทำท่าทางไม่พอใจว่า “จะไปกันแล้วหรือ”
เขาอยากจะรอดูท่าทางอันน่าขันของเจ้าแปดให้มากกว่านี้สักหน่อย หากให้จากไปตอนนี้ดูคงจะเสียดายน่าดู
อย่าว่าแต่ครั้งหน้าค่อยมาใหม่เลย หากผ่านไปสักพักแล้วเจ้าแปดทำความคุ้นชินกับตำแหน่งจวิ้นอ๋อง ในตอนนั้นเขาจะมาหัวเราะเยาะอะไรได้อีกเล่า
เนื่องจากหลู่อ๋องคือผู้ที่มีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงรู้สึกเคยชินแล้ว…สู่อ๋องกังวลว่าหลู่อ๋องจะกระทำการเกินเหตุจึงเอื้อมมือไปคว้าแขนของเขาเอาไว้ “พี่ห้า ไปกันเถิด หากกลับเย็นล่ะก็ต้องเสียเวลาอธิบายกับพี่สะใภ้ว่าไปที่ใดมาอีกนะ”
“นางกล้างั้นหรือ!” หลู่อ๋องหันไปจ้อง “ชายหนุ่มเช่นพวกเราเดินทางออกไปดื่มสุรา สตรีเช่นพวกนางที่อยู่แต่ในเรือนจะกล้าเอ่ยสิ่งใดกัน น้องหก หากว่าเจ้าไม่อาจควบคุมน้องสะใภ้หกได้ พี่จะสอนให้เอง สตรีนั้นอย่าไปเอาอกเอาใจพวกนางมากนัก ไม่ต้องไปสนใจอะไรพวกนาง จัดการลงไม้ลงมือบ้างสักหน่อย เท่านี้ก็ว่าง่ายแล้ว”
สู่อ๋องหัวเราะขึ้นหึๆ
เขาเคยเห็นพวกที่ทำหน้าใหญ่หน้าโต แต่ไม่เคยเห็นใครทำหน้าหนาหน้าทนเช่นนี้มาก่อน หากเขาไม่เคยเห็นพี่สะใภ้ห้าหยิบมีดทำครัวไล่ตะโกนมาทางพี่ห้าล่ะก็ เขาคงจะเชื่อไปแล้วจริงๆ
“ข้าจะส่งพวกพี่กลับเอง” เมื่อพบว่าพวกเขาทั้งหลายกำลังลุกขึ้นเดินจากไป เซียงอ๋องจึงได้ทำท่าทีส่งแขก
เมื่อทุกคนเดินไปถึงประตูห้องโถง อวี้จิ่นก็ชะงักลงแล้วหันกลับไป
คนอื่นๆ ก็หยุดลงเช่นกัน
“น้องเจ็ดเป็นอะไรงั้นหรือ ทำไมไม่เดินไปข้างหน้า” ฉินอ๋องมองไปตามสายตาของอวี้จิ่น และพบว่าสุนัขตัวโตกำลังแทะกระดูกอย่างได้อรรถรส
ทุกคนกระตุกริมฝีปากขึ้นอย่างเข้าใจ
อวี้จิ่นก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ไม่ได้เรื่องจริงเชียว ตอนอยู่ในจวนมันกินยากจะตายไป แต่เหตุใดเมื่อมาที่จวนเซียงอ๋อง เพียงแค่กระดูกท่อนเดียวกลับทำให้มันไม่อยากจากไป
“เอ้อร์หนิว มานี่!”
การกระทำของเอ้อร์หนิวหยุดลงชั่วครู่ มันก้มลงมองดูกระดูกที่เพิ่งแทะไปได้เพียงครึ่งหนึ่ง ก่อนจะวิ่งจากไปอยากเสียดาย
อวี้จิ่นขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจว่า “เช็ดน้ำมันที่ปากเจ้าเสีย”
เอ้อร์หนิวมองซ้ายมองขวาจากนั้นมันก็กระโดดไปที่หลังของเซียงอ๋อง
เซียงอ๋องตั้งใจจะกระโดดหนีตามสัญชาตญาณ แต่ได้ยินอวี้จิ่นตะโกนขึ้นก่อนว่า “อย่าขยับ!”
“น้องแปดอย่าขยับ ระวังเอ้อร์หนิวจะกัดเอา”
“มันคิดจะทำอะไรกัน” เซียงอ๋องทำตัวแข็งทื่อแล้วกัดฟันถาม
อวี้จิ่นยังไม่ทันอธิบายออกมา หลู่อ๋องก็ยิ้มขึ้นแล้วกระทืบเท้า “น้องแปด เจ้าดูไม่ออกหรือเอ้อร์หนิวกำลังใช้รองเท้าของเจ้าเช็ดปากอยู่”
เซียงอ๋อง “…”
โชคดีที่เอ้อร์หนิวกระทำการทุกอย่างด้วยความว่องไว มันแลบลิ้นเลียเป็นความหมายว่าเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็ส่ายหาง
อวี้จิ่นทำท่าทางขอโทษ “น้องแปด ข้าขอโทษจริงๆ ช่วงนี้เอ้อร์หนิวไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งข้าเท่าไหร่นัก”
เซียงอ๋องมองไปที่รองเท้าซึ่งบัดนี้มีแต่คราบน้ำมัน แล้วกล่าวออกมาจากซี่ฝันว่า “ไม่เป็นไร”
รีบเอาเจ้าสุนัขไร้ยางอายตัวนี้ออกไปจากที่นี่เถิด นับแต่นี้ไปหากประตูใหญ่เปิดรับเจ้าของและสุนัขตัวนี้ให้เข้ามา เขาจะตบหน้าคนเปิดให้อย่างแรง
“ข้าจะออกไปส่งพี่ๆ ทั้งหลายเอง” เซียงอ๋องพูดขึ้นอีกครั้งเป็นความหมายรบเร้าให้รีบเร่ง
คนอื่นได้แต่ยิ้มขึ้นอย่างเคอะเขินแล้วรีบเร่งฝีเท้า
พวกเขาเดินผ่านลานบ้านไป จู่ๆ สุนัขตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหลังอวี้จิ่นก็วิ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
ทุกคนตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้
“เอ้อร์หนิว!”
อวี้จิ่นร้องเรียก แต่เอ้อร์หนิวกลับหายตัวไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางต้นไม้ดอกไม้เหล่านั้น
พวกเขาได้แต่หันไปมองที่เจ้าของสุนัข
อวี้จิ่นยกมือขึ้นลูบจมูก แล้วกล่าวด้วยความเบื่อหน่ายว่า “เจ้าสุนัขนี้นับวันยิ่งไม่ฟังคำสั่งข้า ข้าไม่ควรพามันมาที่นี่เลย”
พวกเขาได้ยินประโยคนั้นก็หันไปทางหลู่อ๋อง
หลู่อ๋องกล่าวขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ข้าพาเอ้อร์หนิวมาแล้วอย่างไร”
“แต่บัดนี้มันวิ่งพล่านไปทั่ว” เซียงอ๋องรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าความกังวลใจนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุใด
“ก็แค่ไปตามมันมาก็สิ้นเรื่อง เดี๋ยวข้าจะไปตามมันมาเอง”
หลู่อ๋องกล่าวจบก็จากไปตามทิศทางที่เอ้อร์หนิววิ่งหาย เหลือไว้เพียงพวกเขาทั้งหลายที่มองหน้ากันไปมา
“เดี๋ยวข้าจะไปดูสักหน่อย หากเอ้อร์หนิวกัดพี่ห้าขึ้นมาคงไม่ดี” อวี้จิ่นรีบวิ่งตามไป
เมื่อพบว่าเซียงอ๋องทำสีหน้ามืดมน ฉีอ๋องจึงตบแขนของเขาเป็นการปลอบโยน
สู่อ๋องเอ่ยคำแนะนำว่า “พี่ห้ากับน้องเจ็ดล้วนพากันไปตามเอ้อร์หนิว พวกเราไปดูด้วยดีหรือไม่”
เซียงอ๋องจึงทำได้เพียงพยักหน้า
เขาเป็นเจ้าของจวน ต่อให้สู่อ๋องไม่กล่าวเขาก็ต้องตามไปดูอยู่แล้ว
หลู่อ๋องที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเห็นเอ้อร์หนิว เขาจึงได้ตะโกนจากระยะไกล “เอ้อร์หนิว อย่าวิ่งพล่านไปทั่ว รีบกลับมาเร็ว”
สุนัขตัวใหญ่โตร่างกำยำที่อยู่ด้านหน้าไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย มันกลับวิ่งห่างออกไปกว่าเดิม
หลู่อ๋องรำคาญใจ “เจ้าเอ้อร์หนิวตัวดี คิดว่าข้าวิ่งตามเจ้าไม่ทันอย่างงั้นหรือ”
ความเร็วของเขาเรียกได้ว่าถูกฝึกมา คนธรรมดาทั่วไปตามไม่ทันแน่
ดังนั้นฉากแปลกๆ จึงปรากฏขึ้นในจวนเซียงอ๋อง โดยมีสุนัขตัวใหญ่ตัวหนึ่งวิ่งอยู่ข้างหน้า และท่านอ๋องทั้งหลายวิ่งตามอยู่ด้านหลัง ทำเอาเสียคนรับใช้ต่างพากันเข้ามาร่วมขบวนไล่ล่า
หลู่อ๋องมองเห็นเอ้อร์หนิววิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ จากนั้นมันก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงข้ามเข้าไปในลานแห่งหนึ่ง
หลู่อ๋องวิ่งตามไปเขาจึงได้พบว่าที่ลานแห่งนั้นตั้งอยู่ในมุมหนึ่งที่ห่างไกลของจวนเซียงอ๋อง ประตูเรือนถูกลงกลอนเอาไว้ ดูเหมือนไม่มีใครเข้าไปเป็นเวลาเนิ่นนาน
เอ้อร์หนิวมาที่นี่เพื่ออะไรกัน ต่อให้มันตะกละตะกลามสักเพียงใด ก็ควรจะวิ่งไปในห้องครัวของจวนเซียงอ๋องไม่ใช่หรือ
หลู่อ๋องวิ่งตามมาด้วยความเหนื่อยหอบแล้วครุ่นคิดอย่างงุนงง
ทันใดนั้น เสียงเห่าหอนของสุนัขก็ดังมาจากอีกฟากหนึ่งของกำแพง หลู่อ๋องลังเลเล็กน้อยก่อนจะกระโดดถีบเข้าไปที่ประตู
ประตูเรือนที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนาเมื่อครู่ก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว
หลู่อ๋องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นรีบก้าวเข้าไปด้านใน
เขาอยากจะเห็นยิ่งนักว่าเอ้อร์หนิววิ่งเข้ามาที่นี่ทำอะไร
“เอ้อร์หนิว เอ้อร์หนิว!”
ภายในลานนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่เหี่ยวเฉา มันช่างเยือกเย็นและว่างเปล่า เสียงสะท้อนของหลู่อ๋องดังก้องกังวาน
เจ้าสุนัขตัวโตยังคงส่งเสียงเห่าออกมา ดูเหมือนเป็นการตอบรับเสียงสะท้อนของหลู่อ๋อง
หลู่อ๋องมองไปรอบๆ เมื่อมั่นใจถึงตำแหน่งต้นเสียง เขาก็รีบเดินตรงเข้าไปยังประตูจันทราและพบกับสวนหลังบ้านที่ว่างเปล่าทรุดโทรม
เอ้อร์หนิวกำลังตะโกนเห่าบ่อน้ำที่สวนหลังเรือนแห่งหนึ่ง
หลู่อ๋องเดินตรงเข้าไปด้วยความรวดเร็ว และพบว่ามีก้อนหินก้อนโตปิดทับอยู่บนปากบ่อ หินก้อนนั้นปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายมาเป็นเวลานาน
เอ้อร์หนิวทำการเห่าขึ้นอีกสองครั้ง ก่อนจะเข้าไปดึงกางเกงของหลู่อ๋องแล้วลากเขาไปที่บ่อนั่น
“เอ้อร์หนิวเจ้าจะทำสิ่งใดกัน”
เอ้อร์หนิวปล่อยเขา ก่อนจะเห่าไปทางบ่อน้ำ
หลู่อ๋องครุ่นคิดแล้วเดาว่า “เจ้าอยากให้ข้าเอาหินออกให้งั้นหรือ”
“โฮ่ง!” เอ้อร์หนิวเห่าด้วยความรีบร้อน
“ข้าเดาถูกหรือนี่ เอาล่ะคอยดู!” หลู่อ๋องถูมือไปมา จากนั้นใช้กำลังภายในเข้าช่วยในการขยับหินก้อนโต
หลู่อ๋องยังไม่ทันที่จะชะโงกหน้ามองดูว่ามีสิ่งใดอยู่ในบ่อ เอ้อร์หนิวก็ได้กระโดดลงไปก่อนหน้า อุ้งเท้าหน้าทั้งสองของมัน ขีดข่วนลงดิน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เจ้าสุนัขตัวโตก็กระโดดขึ้นมาอีกครั้งแล้วสะบัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย ส่งเสียงเห่าไปทางหลู่อ๋องสองหน
จู่ๆ หลู่อ๋องก็ฟังเข้าใจถึงความหมายในการเห่าของมันว่าเป็นการเชิญชวนให้ลงไป เขาจึงชะโงกหน้ามองลงไปในบ่อน้ำอย่างไม่รู้ตัว