บทที่ 715 เจอกระเทียมแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 715 เจอกระเทียมแล้ว

บทที่ 715 เจอกระเทียมแล้ว

จุ๊ ๆ ถึงกับตัดเสื้อผ้าสิบเจ็ดถึงสิบแปดชุดในคราวเดียว!

ช่างมือเติบนัก!

กู้เสี่ยวหวานเดาะลิ้นของนางหลังจากได้ยินสิ่งนี้ ต่อให้ไม่สวมเสื้อซ้ำ นางก็ยังต้องใส่มันเป็นเวลาสิบเจ็ดหรือแปดวัน นางจะใส่ไหวหรือนั่น!

แต่ถึงอย่างนั้น การได้พบกับลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับเถ้าแก่ฉิงกับพี่สะใภ้ฝูแล้ว

นอกจากนี้ กู้เสี่ยวหวานยังมีความสุขมากเมื่อได้ยินว่าหญิงสาวชอบลายปักของเสี่ยวอี้ “งั้นไปที่ร้านแล้วซื้อวัสดุดี ๆ กันเถอะ!”

“ไม่ ๆๆ มันด่วนมาก และแม่นางผู้นั้นกำลังรีบ ดังนั้นข้าเลยเอาทุกอย่างที่เจ้าต้องการมาให้!” หลังจากพูดจบ คนขับรถม้าที่อยู่ข้าง ๆ ก็วางกระเป๋าในอ้อมแขนของเขาลงบนโต๊ะดังปึ้ง!

นี่…

พี่ฝูไม่ได้อยู่ต่ออีกไป นางไม่ได้จิบชาด้วยซ้ำ นางรีบกลับมาอีกครั้ง “เสี่ยวหวาน ถ้าเจ้ามาหาข้า เจ้าสามารถตรงไปที่ร้านหรูอี้ได้เลย ช่วงนี้ร้านหรูอี้จะไม่เปิด ถึงตอนนั้นเจ้าแค่ไปเคาะประตูได้เลย!” หลังจากพูดจบ นางก็รีบจากไป

คิดแล้วก็ถูก ลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการเสื้อผ้าสิบเจ็ดหรือแปดชุดในคราวเดียวเช่นนี้ มันเพียงพอให้พวกเขาที่จะยุ่งจนหัวหมุนไปสักพัก

กู้เสี่ยวอี้เปิดบรรจุภัณฑ์ที่นั่นและเห็นว่ามันเต็มไปด้วยผ้าไหมหรือผ้าคุณภาพสูง แม้แต่ด้ายเย็บปักถักร้อยก็คุณภาพสูง ดูเหมือนว่าหญิงสาวจากตระกูลเจียงจะมีภูมิหลังมากมาย!

ทว่าผ้าเช็ดหน้าปักลายนี้ทำกำไรได้ ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางบอกกู้เสี่ยวอี้ให้ทำงานควบคู่ไปกับการพักผ่อน อย่าได้ทำร้ายดวงตาของนาง และคอยช่วยนางจากการทำงานข้าง ๆ

หลังจากเรียนเป็นเวลานาน กู้เสี่ยวอี้ก็คุ้นเคย ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งจึงถูกปักในเวลาไม่ถึงสองเค่อ

กู้เสี่ยวหวานไม่อยากให้นางเหนื่อยเกินไป ดังนั้นเมื่อนางเห็นว่านางปักผ้าเสร็จแล้ว นางจึงพาอีกฝ่ายไปเดินรอบ ๆ สวนเพื่อพักสายตาและยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะกลับไปที่บ้านเพื่อปักผ้าต่อ

ในบ่ายวันหนึ่ง กู้เสี่ยวอี้ยังคงปักผ้าเช็ดหน้าสี่หรือห้าผืน

ฉินเย่จือได้ยินรายงานของอาโม่และรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

วันรุ่งขึ้น พี่ฝูก็ส่งคนมาอีกครั้ง โดยอีกฝ่ายบอกว่าจะมาเอาผ้าเช็ดหน้าเท่าที่นางปักไว้แล้วไปก่อน ปรากฏว่าตระกูลเจียงเร่งให้พวกเขาส่งไปเท่าที่เตรียมไว้ ด้วยเกรงว่าเสื้อผ้าของจะนางไม่พอดีกับเสื้อผ้าของคุณหนูหลิวผู้นั้น

กู้เสี่ยวอี้มอบผ้าเช็ดหน้าเจ็ดหรือแปดผืนที่ปักไว้ให้กับเด็กรับใช้ เด็กรับใช้วางมันลงบนถาดอย่างระมัดระวังและคลุมด้วยผ้าสะอาด ด้วยท่าทางที่ระมัดระวังของเขา ดูเหมือนว่าคุณหนูหลิวผู้นั้นจะไม่ธรรมดาจริง ๆ

ในใจกู้เสี่ยวหวานเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น

ขณะที่เด็กรับใช้จากร้านหรูอี้จากไปไม่นาน หลี่ฝานก็มาถึง

หลังจากได้เห็นใบหน้าที่มีความสุขของอีกฝ่าย กู้เสี่ยวหวานพลันรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ได้

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะพบมันแล้ว

แน่นอนว่าก่อนที่นางจะอ้าปาก นางก็ได้ยินหลี่ฝานพูดอย่างตื่นเต้น “เสี่ยวหวาน ข้าพบแล้ว ข้าพบแล้ว”

จากนั้นนางก็เห็นเสี่ยวเซิ่งจื่อแกะถุงออก

พอเปิดถุงดูก็เห็นกระเทียมหัวเล็ก ๆ เต็มไปหมด กลีบมันไม่ใหญ่ มันเล็กมาก ดูเหมือนว่ามันน่าจะเกิดจากการดูแลไม่ดีและไม่ได้ใส่ปุ๋ยตอนปลูก

กู้เสี่ยวหวานหยิบกลีบหนึ่งมาถือไว้ในมือ ก่อนโน้มปลายจมูกของนางเข้าไปดมกลิ่น ซึ่งกลิ่นเฉพาะตัวของกระเทียมพลันเข้าสู่จมูกของนาง

มันฉุนจนน้ำลายของนางแทบจะไหลออกมา

กระเทียมนี้แม้จะมีกลิ่นไม่ดี แต่ผู้คนกลับชอบกินมัน มันคือรักแท้ของโลกแห่งอาหาร!

จำนวนกระเทียมในถุงไม่มากนัก ประมาณสามสิบหรือสี่สิบหัว ถ้ากระเทียมหัวหนึ่งมีเจ็ดหรือแปดกลีบ คูณกับกระเทียมสามสิบสี่สิบกลีบ เมื่อเอาไปปลูกน่าจะได้สองถึงสามร้อยหัว ถ้าทุก ๆ กลีบเลี้ยงรอดได้ เกรงว่าปีนี้จะเก็บเกี่ยวกันแทบไม่ทัน

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก กระเทียมไม่กี่หัวนี้นับเป็นสมบัติล้ำค่า ซึ่งนางคาดหวังว่าพวกมันจะทำเงินได้ในปีหน้า

เมื่อเห็นว่ากระเทียมถูกซื้อมาแล้ว หลี่ฝานจึงถามกู้เสี่ยวหวานว่านางวางแผนจะทำอะไรต่อไป!

กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้ว กระเทียมนี้จะถูกวางในตลาดหลังจากที่กระเทียมจำนวนมากออกสู่ตลาดแล้ว แต่หม้อไฟนี้รอช้าไม่ได้อีกแล้ว

ฤดูหนาวกำลังจะมาเร็ว ๆ นี้ หากร้านหม้อไฟแห่งนี้สามารถเปิดได้ก่อนฤดูหนาว กิจการในปีนี้คงจะดียิ่ง

บังเอิญในเวลานี้ ฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้างก็พูดว่า “เถ้าแก่หลี่ หลังจากที่ท่านกลับไปแล้ว โปรดเริ่มเตรียมตัวสำหรับร้านหม้อไฟเมืองรุ่ยเสียน!”

เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ฉินเย่จือพูดกับหลี่ฝานดูเหมือนจะไม่ใช่การสนทนา แต่เป็นเสียงออกคำสั่ง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยและมองฉินเย่จืออย่างงงงวย

จากนั้นนางก็เห็นหลี่ฝานพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “แน่นอน ๆ เมื่อกลับไปคราวนี้ข้าจะเริ่มเตรียมการทันที แต่การตกแต่งควรมีลักษณะอย่างไร?”

มันควรจะเหมือนกับร้านจิ่นฝูยามนี้ใช่ไหม?

กู้เสี่ยวหวานส่ายหัวและหยิบรูปแบบการตกแต่งที่นางวาดไว้ที่บ้านเมื่อสองวันก่อน “ลุงหลี่ ครั้งนี้ร้านหม้อไฟไม่สามารถตกแต่งตามรูแปบบของร้านจิ่นฝูได้ นี่คือรูปแบบการตกแต่งที่ข้าวาด รบกวนลุงหลี่หาคนที่ไว้ใจจัดการ หากมีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจ มาถามข้าได้!”

หลี่ฝานรับภาพวาดมา แต่รู้สึกว่าถ้าตกแต่งตามภาพ ร้านนี้จะแตกต่างจากร้านจิ่นฝูในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากร้านในเมืองรุ่ยเสียนมีสามชั้น กู้เสี่ยวหวานจึงออกแบบแต่ละชั้นและแต่ละปีกห้องไว้อย่างชัดเจน

ชั้นสามกับชั้นสองเป็นห้องส่วนตัว แต่ห้องส่วนตัวบนชั้นสามนั้นประณีตและงดงามกว่าห้องบนชั้นสอง ซึ่งเกรงว่าในอนาคตคงได้ใช้รับแขกคนสำคัญทั้งหมด

เดิมทีโถงที่ชั้นหนึ่งนั้นโล่งกว้าง แต่ถูกกั้นด้วยฉากกั้นของกู้เสี่ยวหวาน

หลี่ฝานดูเหมือนจะกระจ่างทันที แต่เขาไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของการทำเช่นนี้คืออะไร

เมื่อเห็นท่าทางที่งุนงงของหลี่ฝาน กู้เสี่ยวหวานก็อธิบายว่า “โถงบนชั้นนี้เต็มไปด้วยโต๊ะสี่เหลี่ยม หากท่านใช้ฉากกั้น แขกของทั้งสองโต๊ะจะไม่สัมผัสกัน และจะช่วยประหยัดพื้นที่ ท่านสามารถวางโต๊ะเพิ่มได้”

โต๊ะสี่เหลี่ยม?

หลี่ฝานรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง เขาเคยได้ยินมาว่าโต๊ะกลมใช้สำหรับรับประทานอาหาร แล้วทำไมต้องใช้โต๊ะสี่เหลี่ยม!

ทว่าความสงสัยเก่ายังไม่ถูกแถลง ความสงสัยใหม่ก็มาถึง

กู้เสี่ยวหวานหยิบเอกสารอีกสองสามฉบับออกมาและอธิบายให้หลี่ฝานฟังทีละฉบับ

“เถ้าแก่หลี่ โปรดค้นหาว่ามีช่างไม้และช่างตีเหล็กฝีมือดีที่น่าเชื่อถือที่ใด และขอให้พวกเขาช่วยข้าทำโต๊ะและกระถางตามแบบแผนนี้!”

หลี่ฝานก็หยิบมันขึ้นมาดูเป็นเวลานาน โต๊ะนั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่มีรูตรงกลาง

“นี่…”