เซียงอ๋องมองไปยังบ่าวรับใช้ทั้งหลายที่รีบวิ่งหายไปจากสายตา ในใจมีเพียงความคิดเดียวว่า เขาจะต้องจัดการกับพวกบ่าวรับใช้โง่เง่าเหล่านี้ให้สิ้น เขาต่างหากจึงเป็นเจ้าของจวนแห่งนี้ ไอ้พวกไม่ได้เรื่องไปฟังคำสั่งจากใครกัน!
แต่เขากลับลืมเรื่องปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติไป สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นยามตกใจ ล้วนจะขาดความคิดและสติ ในเวลาเช่นนี้หากผู้ใดเอ่ยให้ทำสิ่งใดก็ล้วนจะทำโดยไม่ขัดข้อง
ช่วงนี้เมืองหลวงนับว่าราบรื่น เรื่องที่พากันมาแจ้งยังศาลาว่าการล้วนเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อาทิเช่น นายจางแอบมีความสัมพันธ์ของภรรยานายหลี่ หรือไม่ก็สุนัขของนายหวังไปกัดห่านของนายจ้าวจนตาย เจินซื่อเฉิงได้ยินแต่เรื่องเหล่านี้ทุกวัน เขาเหงาจนแทบงีบหลับ
ในวันนี้อากาศดีไม่น้อย เจินซื่อเฉิงนั่งอยู่ข้างหน้าต่างเพื่ออาบแดด หลังเสร็จสิ้นภารกิจอันน่าเบื่อหน่าย ทันใดนั้นก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทางรีบร้อนว่า “ใต้เท้าขอรับ มีคดี!”
เจินซื่อเฉิงลืมตาขึ้นทันใด แววตาเปล่งประกายเอ่ยถามกลับไปว่า “มีคดีงั้นหรือ”
เจ้าหน้าที่รีบพยักหน้า “คนจากจวนเซียงอ๋องมาแจ้งคดีความ กล่าวว่าในจวนอ๋องของเขาพบโครงกระดูกอยู่ในบ่อร้างโครงหนึ่ง”
เจินซื่อเฉิงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวด้วยความกังวลว่า “รีบไปพาผู้ร้องทุกข์เข้ามาเร็ว”
การที่พบโครงกระดูกในจวนอ๋องทั้งยังแจ้งเรื่องนี้มายังศาลาว่าการ นั่นหมายความว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนั้น เจินซื่อเฉิงก็ตื่นเต้นเสียจนหนวดเคราสั่นไหว
ในไม่ช้าชายคนหนึ่งแต่งกายในชุดบ่าวก็ถูกพาตัวเข้ามาด้านใน เขาหันไปคารวะเจินซื่อเฉิง แต่กลับถูกอีกฝ่ายรั้งเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เล่าเรื่องราวมาเถิดว่าเป็นเช่นไร” เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้มาฟ้องร้อง เจินซื่อเฉิงกลับมีท่าทีเหมือนไม่แยแส เพราะความจริงหัวใจของเขาบินลอยไปที่จวนเซียงอ๋องเสียแล้ว
บ่าวรับใช้ในจวนเซียงอ๋องคิดไม่ถึงว่าผู้ตรวจการศาลาว่าการพระนครผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจะเด็ดเดี่ยวตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้ หลังจากเหม่ออยู่ครู่หนึ่งจึงได้เล่าเหตุการณ์ที่เขารู้ออกมา
“เจ้าหมายความว่าท่านอ๋องทุกคนก็อยู่ที่นั่นด้วยหรือ” เจินซื่อเฉิงเอ่ยถามขึ้นหลังจากฟังจนจบ
บ่าวรับใช้ในจวนเซียงอ๋องพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับ”
“เยี่ยนอ๋องก็อยู่ด้วยงั้นหรือ”
“อยู่ที่นั่นด้วยขอรับ เยี่ยนอ๋องเป็นคนออกคำสั่งให้ข้าน้อยเดินทางมาแจ้งคดี” เมื่อกล่าวจบบ่าวรับใช้จากจวนเซียงอ๋องก็ตกตะลึง แล้วยกมือขึ้นตบหน้าตนเอง
นี่เขาตาบอดไปหรืออย่างไร ท่านอ๋องของเขายังไม่ได้เอ่ยคำสั่งเสียด้วยซ้ำเขาก็รีบรายงานมาที่ศาลาว่าการอย่างว่าง่ายเช่นนี้
ตายแล้ว ตายแน่! ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
บ่าวรับใช้จากจวนเซียงอ๋องยิ่งคิดยิ่งหวาดกลัว เขารีบตบปากตนเองอย่างแรง
แม้ว่าเจินซื่อเฉิงจะพบเรื่องราวมากมายมานับไม่ถ้วน แต่วินาทีนี้เขาเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้เจอคดีฆาตกรรมอย่างนี้มานานแล้ว จึงทำให้ไม่เคยชินงั้นหรือ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้เดินทางมาแจ้งคดีเอาแต่ตบหน้าตนเอง
“ไปเรียกผู้ชันสูตรศพมา เราจะเดินทางไปที่จวนเซียงอ๋องกัน” เจินซื่อเฉิงกำชับ จากนั้นรีบก้าวขาออกไปด้านนอกทันที
เมื่อบ่าวรับใช้จากจวนเซียงอ๋องพบว่าผู้ตรวจการศาลาว่าการพระนครกำลังจะพาคนกลุ่มหนึ่งเดินออกไป เขาก็ยกมือขึ้นลูบคลำใบหน้าอันบวมเป่งของตนเองแล้วไล่ตามไปทันที
……
ณ จวนเซียงอ๋อง บัดนี้สถานการณ์ดูไม่ค่อยดีนัก
“พี่เจ็ด การที่รั้งข้าไม่ให้สั่งบ่าวรับใช้ลงไปในบ่อนี้มีความหมายว่าอย่างไรกัน” เซียงอ๋องดวงตาแดงก่ำ จ้องมองอวี้จิ่นอยู่บริเวณขอบบ่อนั้น
อวี้จิ่นหัวเราะเบาๆ “น้องแปดอย่าได้ตื่นเต้นไป ข้าไม่ได้มีความหมายอื่นใด แต่ในเมื่อเราได้ทำการแจ้งคดีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างควรรอให้ใต้เท้าเจินมาถึงแล้วค่อยว่ากัน จวบจนกระทั่งตอนนั้นสิ่งที่พวกเราควรทำก็คือรักษาสถานการณ์ตรงหน้านี้อย่างสงบ”
“นี่คือจวนของข้า!” เซียงอ๋องกัดฟันกรอดแล้วเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
อวี้จิ่นกล่าวอย่างสงบว่า “น้องแปดยินดีที่จะให้แจ้งคดีเอง”
“เจ้า!” เซียงอ๋องเริ่มโมโห
นั่นเรียกว่าเขายินยอมหรือ เขาถูกบีบบังคับต่างหาก
ฉีอ๋องตบลงไปบนบ่าของเซียงอ๋องเบาๆ “น้องแปดอย่าได้วู่วามไป”
เมื่อเห็นท่าทางของเจ้าแปดเป็นเช่นนี้ เกรงว่าโครงกระดูกที่อยู่ในบ่อจะมีความเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นอน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งไม่ควรจะโวยวายใดๆ
เมื่อเซียงอ๋องเห็นแววตาของฉีอ๋องที่มองมา จึงได้คลายความโมโหลงและพูดด้วยความเยือกเย็นว่า “รอให้ใต้เท้าเจินสืบความจริงจนพบก่อน เมื่อถึงวันนั้นพี่เจ็ดจงให้คำอธิบายกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แก่ข้าด้วย”
อวี้จิ่นเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่แยแส “ศพนี้ถูกพบอยู่ในบ่อร้างของจวนน้องแปด ไม่ได้อยู่ในจวนข้าสักหน่อย แล้วเหตุใดข้าจึงจะต้องให้คำอธิบายกับเจ้าด้วย อ๋อ ข้าเข้าใจแล้ว น้องแปดเจ้าโมโหและไม่พอใจที่ข้ายืนกรานให้แจ้งคดีสินะ หากเป็นเช่นนี้พี่ห้าและพี่หกก็ควรจะต้องให้คำอธิบายกับเจ้าด้วยใช่หรือไม่”
หลู่อ๋องกลอกตามอง “ข้าแนะนำให้ทูลเรื่องนี้ต่อเสด็จพ่อต่างหาก”
เขากำลังรอดูวันที่เจ้าแปดตกต่ำย่ำแย่กว่าเขา
สู่อ๋องกลับยิ้มขึ้นว่า “เป็นการดีหากสามารถค้นพบความจริงได้”
ในเวลานี้เจ้าแปดกระสับกระส่ายไม่สบายใจ คาดว่าคงจะมีฉากเด็ดให้เห็น
ศพที่อยู่ในบ่อแห่งนี้เป็นใครกันแน่ จะเป็นบ่าวรับใช้ที่ถูกเจ้าแปดขืนใจทำร้าย หรือเป็นแม่นางคนใดที่อยู่ภายนอกจวน
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดเดาไปต่างๆ นานา ก็มีคนเข้ามารายงานด้วยความรีบร้อนว่า “ท่านผู้ตรวจการเดินทางมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
มือของเซียงอ๋องที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่น ร่างของเขาแข็งทื่อแล้วรีบเดินตรงออกไปทันที
บ่าวรับใช้ที่เดินทางไปรายงานแจ้งคดีพาเจินซื่อเฉิงเดินตรงมายังที่เกิดเหตุ
เจินซื่อเฉิงมองเห็นท่านอ๋องทั้งหลายก็ได้ยกมือขึ้นโค้งคำนับแต่ไกล
เซียงอ๋องทำการโค้งคำนับกลับอย่างลวกๆ สายตาจับจ้องไปที่เจินซื่อเฉิงโดยไม่ขยับเขยื้อน “ใต้เท้าเจิน พวกเราบังเอิญพบโครงกระดูกในบ่อร้างนี้ ต่อจากนี้ต้องรบกวนท่านด้วย”
“ท่านอ๋องเกรงใจเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เจินซื่อเฉิงกล่าวขึ้นด้วยความสุภาพ ก่อนจะรีบเดินตรงไปข้างกายเซียงอ๋องแล้วชะโงกมองดูบ่อน้ำนั้น
เซียงอ๋องหน้าเขียวหน้าคล้ำ
เจ้าคนแซ่เจินนี่ท่าทางรีบร้อนเสียเหลือเกิน บ้าไปแล้วหรือไร!
เจินซื่อเฉิงเดินตรงมาที่ขอบบ่อน้ำแล้วชะโงกหน้าลงไปมอง
บ่อร้างนั้นไม่ลึกจนเกินไป ประกอบกับมีแสงสว่างเพียงพอ กะโหลกศีรษะที่มีรูสองรูเงยขึ้นมองท้องฟ้า ราวกับกำลังร้องขอต่อสวรรค์ว่ามันไม่ได้รับความยุติธรรม
เจินซื่อเฉิงคุ้นเคยกับฉากเหล่านี้ดี เขาได้ยกมือขึ้นกำชับ “ระมัดระวังด้วย นำโครงกระดูกนี้ขึ้นมา”
ในไม่ช้าก็มีเจ้าหน้าที่ร่างกายผอมเล็กคนหนึ่งลงไปในบ่อ จากนั้นนำโครงกระดูกขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง
สายตาของเจินซื่อเฉิงช่างเฉียบคม เขาเห็นรอยแตกหักใหม่ๆ บริเวณกระดูกยาว จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ดูเหมือนจะเสียหายค่อนข้างรุนแรง”
อวี้จิ่นที่ยืนอยู่ด้านข้างชี้แจงขึ้นว่า “หลู่อ๋องตกลงไปทับ”
หลู่อ๋อง “…” เจ้าเจ็ด เจ้าบ้านี่ พูดให้น้อยสักหน่อยจะตายหรือไงกัน!
เจินซื่อเฉิงหันไปมองดูหลู่อ๋องด้วยแววตาอันลึกล้ำ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายหนึ่งทำท่าทางเขินอายจึงได้ปลอบโยนขึ้น “ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
หลู่อ๋อง “…”
“กระดูกที่มือหายไปข้างหนึ่ง”
อวี้จิ่นเอนกายไปด้านข้างแล้วชี้ที่พื้น “พี่ห้าเอามันขึ้นมาด้วย”
“น้องเจ็ด!” หลู่อ๋องรู้สึกหน้าแดงด้วยความเขินอาย
เจินซื่อเฉิงหันไปมองทางหลู่อ๋องอย่างลึกล้ำอีกครั้ง ดูไม่พอใจกับการกระทำนี้ “การรักษาสภาพโครงกระดูกให้สมบูรณ์ที่สุดเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ในอนาคตหากท่านอ๋องพบกับเรื่องราวเหล่านี้ โปรดจำไว้ว่าอย่าหยิบมันสุ่มสี่สุ่มห้า”
หลู่อ๋องอดไม่ได้ที่จะยกแขนเสื้อขึ้น
อย่าได้รั้งเขา เขาจะจัดการกับเจ้าเจ็ดและเหล่าเจินคนนี้
ในไม่ช้าก็มีข้อสรุปเบื้องต้นว่า “ใต้เท้า โครงกระดูกนี้เป็นโครงกระดูกของหญิงสาว กระดูกไม่มีอาการของการถูกหัก นอกเสียจากรอยพับบริเวณกระดูกแขนขวาที่เพิ่งถูกหัก พบว่าสาเหตุของการตายคือถูกหักคอ…”
“เวลาที่ตายเล่า” เจินซื่อเฉิงเอ่ยถามด้วยท่าทางจริงจัง
ผู้ชันสูตรศพหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ดูจากสภาพแวดล้อมในบ่อนี้และระดับความลึก คาดว่าอาจเสียชีวิตประมาณหนึ่งถึงสามปี”
เจินซื่อเฉิงมองลงไปจากด้านบน พิจารณาเห็นเสื้อผ้าที่ติดอยู่กับโครงกระดูก
“มีเพียงเสื้อชั้นในเท่านั้น…พวกเจ้าลงไปในบ่ออีกครั้งเพื่อดูว่ามีเสื้อผ้าชิ้นอื่นอยู่อีกหรือไม่”
เมื่อเซียงอ๋องเห็นการกระทำของเจินซื่อเฉิงที่ดูเป็นระบบระเบียบ มือเท้าของเขาก็เย็นเฉียบ หัวใจเต้นเร็วดั่งกลอง
จวบจนกระทั่งคนที่ลงไปในบ่อขึ้นมารายงาน เขาจึงได้รู้สึกวางใจ
“ใต้เท้าขอรับ ภายในบ่อไม่พบเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับอื่นใด”