War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2075
ตอนที่ 2,075 : ภายในห้องโถงหลัก

“มู่ชิง”

ประมุขตระกูลชิว ชิวอ้านผิง เมื่อเห็นชิวมู่ชิงเดินเข้ามาหา มันก็คลี่ยิ้มบางๆ แววตาเผยความรักความเอ็นดูออกมาให้เห็นชัด

อย่างไรก็ตามครู่ต่อมามันก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน

พอมันนึกถึงเรื่องที่รับปากบุตรีคนเดียวเอาไว้ขึ้นมา มันก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกผิด….

ต้องทราบด้วยว่าบุตรีของมันเติบโตมาจนขนาดนี้ มันยังไม่เคยทำให้นางผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว

ทว่าครั้งนี้มันกำลังจะทำให้นางผิดหวังเสียแล้ว…

“อาวุโสหลัก อาวุโสรอง”

เมื่อร่างชิวมู่ชิงมาถึงข้างกายชิวอ้านผิง นางก็เร่งทักทายชายชราทั้ง 2 คนที่อยู่ข้างๆชิวอ้านผิงทันที

ชายชราทั้ง 2 คนนี้ หนึ่งคืออาวุโสหลักตระกูลชิว ส่วนอีกคนก็คืออาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลชิว

อาวุโสหลักตระกูลชิวเป็นชายชราที่มีรูปร่างกลางๆ พอได้ยินคำทักของชิวมู่ชิง ก็หันไปคลี่ยิ้มบางๆพยักหน้ารับคำทักทายเบาๆ “เสี่ยวชิงเอ๋อ”

สำหรับอาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลชิวนั้น ร่างมันสูงกว่าอาวุโสหลักเล็กน้อย ความสูงของมันพอๆกันกับประมุขตระกูลชิว ชิวอ้านผิง

ได้ยินคำทักทายของชิวมู่ชิง มันก็เหลือบมองชิวมู่ชิงอย่างเฉยเมย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “มู่ชิง เรื่องวันนี้เจ้าเลอะเลือนใหญ่แล้ว!”

ชิวมู่ชิงพอได้ยินคำตำหนิก็นิ่งไปทันที

วันนี้ที่นางเผลอจับมือต้วนหลิงเทียนและพาวิ่งหนีออกจากเหลานั้น เป็นอะไรที่นางเองก็ไม่ทันรู้ตัว เพียงกระทำไปตามสัญญาณเท่านั้น…

พอมาลองมองย้อนไปนางก็รู้สึกอื้ออึงอยู่บ้าง กระทั่งยังรู้สึกว่าตัวเองผลีผลามไร้การยั้งคิดดั่งเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ

แม้นางจะรู้สึกดีกับต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็พึ่งพบกันวันแรก

ทว่าเรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว

และการกระทำของนางในระดับหนึ่งก็ไม่ต่างใดจากตบหน้าตระกูลตงฟาง

เช่นนั้นเมื่อเผชิญกับคำตำหนิด้วยความไม่พอใจของอาวุโส 2 นางก็ได้แต่นิ่งเงียบรับคำไม่โต้แย้งอย่างรู้ผิด

“ประมุข อาวุโสหลัก อาวุโส 2”

ครู่ต่อมานายท่านรองตระกูลชิวอย่างชิวกังยี่ก็เดินมาถึง มันประสานมือคารวะทักทายทั้ง 3 ทันที

เห็นชิวกังยี่คารวะทักทาย ชิวอ้านผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อยพยักหน้าตอบกลับไปอย่างเฉยเมย

หลังจากนั้นเหล่าอาวุโสที่ติดตามชิวกังยี่มาด้านหลัง ก็คารวะทักทายทั้ง 3 เช่นกัน

“ชิวกังยี่ เจ้ารั้งอยู่ ส่วนคนอื่นๆกลับไปได้แล้ว”

เมื่ออาวุโสหลักตระกูลชิวเห็นอาวุโสมากมายมารวมตัวกันคิ้วมันก็ขมวดเป็นปม กล่าวคำเสียงเบาออกมาอย่างไร้แยแส

แม้น้ำเสียงจะเบาหวิว หากแต่ในน้ำเสียงก็เปี่ยมไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจขัด น่าเกรงขามสำหรับอาวุโสตระกูลชิวทั้งหลายนัก

ในตระกูลชิวก็มีผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ทั้งสิ้น 3 คน

ในหมู่พวกมัน เป็นอาวุโสหลักที่พลังฝีมือกล้าแข็งที่สุด!

เช่นนั้นอาวุโสทั้งหลายที่ติดตามชิวกังยี่มาจึงไม่กล้าไม่เชื่อฟัง!

ทำให้หลังอาวุโสหลักกล่าวไม่ทันขาดคำ อาวุโสทั้งหลายเพียงมองชิวกังยี่ส่งท้ายอีกครั้งค่อยเร่งจากไปทันที

ถึงแม้พวกมันจะอยากเข้าไปในห้องโถงในและ ‘ปลุกปั่น’ มากเพียงใด แต่เมื่ออาวุโสหลักเอ่ยปากแล้วแบบนี้แม้พวกมันอยากเข้าไปหารือในโถงหลักด้วยแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์

อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะไม่ได้เข้าไปร่วมออกปากในห้องโถงหลัก ทว่า ‘เจตนา’ ของพวกมันย่อมมีผู้รับช่วงต่อไปแล้ว

อาศัยนายท่านรองอย่างชิวกังยี่แห่งตระกูลชิวเพียงผู้เดียว ก็มากพอจะเป็นตัวแทนของพวกมัน!

สุดท้ายกลุ่มคนที่มารวมตัวกันมากมาย ก็หลงเหลืออยู่เพียงคนเดียว

ครู่ต่อมาต้วนหลิเทียนก็ค่อยๆก้าวเดินไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนหยุดเบื้องหน้าชิวอ้านผิง อาวุโสหลัก และอาวุโส 2

“ท่านพ่อ เขาคือสหายที่ข้ากล่าวถึง”

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามา ชิวมู่ชิงก็กล่าวแนะนำออกมาในเวลาที่เหมาะสม

ด้วยความ ‘มั่นใจ’ ที่ต้วนหลิงเทียนเผยให้เห็นก่อนหน้า ทำให้ตอนนี้นางคลายความกังวลลงไม่น้อย

ถึงแม้นางจะรู้ว่าบิดาคงไม่อาจปกป้องต้วนหลิงเทียนได้สืบไป แต่นางก็ไม่ร้อนใจอีกแล้ว!

“ประมุขชิว”

ก่อนที่ชิวอ้านผิงจะทันใดกล่าวอะไร ต้วนหลิงเทียนพลันยิ้มทักออกไปเสียก่อน

“ยินดีที่ได้พบ”

ได้รับการยิ้มทักอย่างมากอัธยาศัยของต้วนหลิงเทียน ชิวอ้านผิงก็ยิ้มทักกลับไปทันที ค่อยถามออกมาว่า “เจ้าเรียกว่าอะไรหรือ?”

“ลี่เฟิง”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบ

และคำตอบของเขาก็ทำให้ชิวมู่ชิงอึ้งไปพักหนึ่ง

นั่นเพราะชิวมู่ชิงได้รับทราบนามต้วนหลิงเทียนก่อนหน้าแล้ว พอมาได้ยินชื่อใหม่จากปากต้วนหลิงเทียน นางจึงรู้สึกสับสนโดยไม่รู้ตัว

ทว่าพอลองคิดดูครู่หนึ่ง นางก็รู้สึกโล่งใจ ด้วยคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรเจตนาปิดบังชื่อของตัวเอง

“ที่แท้เป็นน้องชายลี่เฟิง”

ชิวอ้านผิงพยักหน้ารับ ค่อยถามต่อ “น้องชายลี่เฟิงคงไม่ใช่คนในเมืองคงหมิงกระมัง?”

“ไม่ใช่”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว

“มิทราบข้าขอถามได้หรือไม่ว่าน้องลี่เฟิงมาจากที่ใด?”

ชิวอ้านผิงถามต่อ

ในขณะที่กล่าวถามคำนี้ออกมา สองตาของมันเผยความคาดหวังประการหนึ่ง

เพราะมันรู้ดีว่าวันนี้มันคงไม่อาจปกป้องชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าได้อีก เช่นนั้นมันจึงลอบคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมีความเป็นมาใหญ่โต ด้วยวิธีนี้ตระกูลตงฟางถึงจะไม่กล้าลงมือทำร้ายคนได้ง่ายๆ

และนั่นจะทำให้ลูกสาวคนเดียวของมันไม่ต้องบังเกิดความผิดหวัง เพราะมันไม่อาจปกป้องอีกฝ่ายได้ตามคำสัญญา

“ประมุขชิวข้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัดคนหนึ่ง โลกทั้งใบก็คือบ้านของข้า…”

ได้ยินคำถามของชิวอ้านผิง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตอบออกมาชัดถ้อยชัดคำทันที หากแต่ไม่ได้บอกความเป็นมาอะไรของเขา

ผู้ฝึกตนพเนจรไร้ราก?

(ไร้ราก = ไม่มีหลักแหล่ง,ไร้สังกัด)

ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน สายตานายท่านรองของตระกูลชิว ‘ชิวกังยี่’ และอาวุโส 2 เผยประกายรังเกียจดูแคลนออกมาทันที ส่วนสีหน้าของชิวอ้านผิงกับอาวุโสหลักของตระกูลชิวเผยความขึงขังจริงจังขึ้นมา

โดยเฉพาะชิวอ้านผิง แววตายังอดเผยความผิดหวังออกมาไม่ได้

สำหรับคุณหนูใหญ่ตระกูลชิวอย่างชิวมู่ชิง นางเพียงผงะไปเล็กน้อย และคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรปกปิดความเป็นมาเอาไว้แค่ชั่วคราวเท่านั้น

สักพักเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนตระกูลตงฟาง สุดท้ายไม่พ้นต้องเปิดเผยความเป็นมาที่แท้จริงออกมาแน่ และนั่นสมควรทำให้ตระกูลตงฟางผวาดั่งหนูหวาดแมว ไม่กล้าแตะต้องอะไรอีก

หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ไหนเลยคนจะมีความมั่นใจได้ถึงขนาดนี้

“น้องชายลี่เฟิงนี่คืออาวุโสหลักและอาวุโส 2 ของตระกูลชิวเรา…”

ชิวอ้านผิงเปิดปากกล่าวคำทำลายความเงียบ เอ่ยแนะนำอาวุโสหลักและอาวุโส 2 ที่ยืนข้างกายออกมาให้ต้วนหลิงเทียนรู้จัก

“ยินดีที่ได้พบอาวุโสหลัก อาวุโส 2”

จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันไปยิ้มประสานมือทักทายทั้ง 2 ด้วยรอยยิ้ม

อาวุโสหลักตระกูลชิวเพียงพยักหน้าเบาๆตอบรับคำทักทายของต้วนหลิงเทียน

สำหรับอาวุโส 2 ของตระกูลชิวนั้น แต่ต้นจนจบมันเพียงเหลือบมองต้วนหลิงเทียนตอนแรกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มาตอนนี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวทักทายมัน แต่มันก็เลือกที่จะเมินเฉยไม่แม้แต่จะหันมามอง ราวกับไม่เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตา

สำหรับเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกเฉยๆ

คนหยิ่งยโสหัวสูงดั่งสุนัขตาต่ำที่ชมชอบดูถูกผู้อื่น ไม่ทราบเขาพบพานมากี่มากน้อยแล้วตั้งแต่ครั้งที่อยู่ในทวีปเมฆาล่อง เช่นนั้นเขาจึงชินชาและไม่ได้ถือสาอะไร

“ประมุข อาวุโสหลัก อาวุโสสอง…ข้าว่าพวกเราสมควรเข้าไปในห้องโถงหลักได้แล้ว ประมุขตระกูลตงฟางกับอาวุโสสูงของทางนั้นสมควรรอพวกเราอยู่เนิ่นนาน เดี๋ยวพวกมันจะเอาไปพูดได้ว่าตระกูลชิวของเรารับรองแขกไม่ดี”

ทันใดนั้นเสียงชิวกังยี่ดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน ผิวเผินฟังคล้ายกระตุ้นเตือนระดับสูงทั้ง 3 ของตระกูลชิวไม่เว้นชิวอ้านผิงเท่านั้น ทว่าหากฟังดูให้ชัดน้ำเสียงของมันคล้ายแฝงความยินดีไว้ไม่น้อย

แน่นอนว่า ‘ความยินดี’ ดังกล่าวล้วนมีให้ต้วนหลิงเทียน…ยินดีที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะถึงคราวเคราะห์!

เมื่อได้รับคำเตือนจากชิวกังยี่ ประมุขตระกูลชิวไม่เว้นอาวุโสหลักและอาวุโส 2 ก็ก้าวอาดๆนำเข้าไปยังห้องโถงหลักที่อยู่ไม่ไกลทันที

ต้วนหลิงเทียนกับชิวมู่ชิงเองก็เดินเคียงข้างติดตามทั้งหมดไป

สำหรับชิวกังยี่นั้นมันเลือกที่จะเดินรั้งท้าย ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะคิดหลบหนี

เมื่อเดินเข้ามาในห้องโถงหลักแล้ว ภาพเรื่องราวในห้องโถงหลักก็ปรากฏสู่สายตาต้วนหลิงเทียน

ห้องโถงหลักตระกูลชิวนั้นใหญ่โตโออ่านัก แม้การตกแต่งภายในโถงจะเรียบง่าย หากแต่เป็นความเรียบง่ายที่แลดูหรูหรามีระดับ มากไปด้วยความสง่างาม

“ท่านพ่อเป็นมัน! เป็นมัน!!”

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังมองชมไปรอบๆห้องโถงหลักตระกูลชิว เสียงโวยวายหนึ่งพลันดังขึ้นเข้าหู เสียงโวยวายนี้ยังดังไม่น้อย แถมยังคุ้นๆราวกับเขาเคยได้ยินจากที่ไหนสักที่…

สองตาต้วนหลิงเทียนจึงถูกเจ้าของเสียงดังกล่าวดึงดูดไปให้หันมองทันที

และเพียงมองปราดเดียวเขาก็จดจำมันได้ ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นคุณชายรองตระกูลฉู่ ที่เขาโบกร่วงตกเหลาชื่อดังกลางเมืองไปนั่นเอง

ตอนนี้ตงฟางฉู่ยืนอยู่ข้างๆชายวัยกลางคน มันกำลังชี้มือชี้ไม้มาที่เขาด้วยความตื่นเต้น กล่าวฟ้องชายวัยกลางคนข้างๆด้วยโทสะ

และพอได้ยินคำเรียกหาชายวัยกลางคนจากปากตงฟางฉู่ ต้วนหลิงเทียนก็ทราบได้ทันทีว่ามันเป็นใคร เพราะอัตลักษณ์ของมันล้วนถูกคำ ‘ท่านพ่อ’ ของตงฟางฉู่เปิดโปงหมดสิ้นแล้ว…

มันคือประมุขตระกูลตงฟาง…

ตงฟางเฉียน!

หลังได้ยินคำฟ้องของตงฟางฉู่ สายตาตงฟางเฉียนก็ค่อยๆเบนมาตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียน ยังทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนถูกอสรพิษจับจ้องอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองตงฟางเฉียนผ่านๆเท่านั้น ค่อยหันไปมองชายชรา 2 คนที่ยืนประกบตงฟางเฉียนเอาไว้

ชายชราทั้ง 2 นั่นสามารถยืนประกบอยู่ข้างกายตงฟางเฉียนได้แบบนี้ เผยให้เห็นว่าฐานะของพวกมันในตระกูลตงฟางสมควรไม่ต่ำต้อย ‘หรือพวกมันจะเป็นอาวุโสหลัก กับอาวุโสลำดับ 2 ของตระกูลตงฟาง?’

เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ยังอยู่ในเรือนส่วนตัวของชิวมู่ชิง ตอนที่ชิวกังยี่และเหล่าอาวุโสฝ่ายชิวกังยี่บุกรุกมานั้น เขาได้ยินพวกมันพูดชัดถนัดหู

ว่าคนของตระกูลคงฟางที่มาวันนี้ ไม่เพียงตงฟางฉู่กับประมุขตระกูลตงฟาง ยังมีอาวุโสหลักกับอาวุโส 2 ของตระกูลคงฟางมาด้วย

และมองไปทั่วตระกูลตงฟางแล้ว เกรงว่าคงมีเพียง 2 คนนี้เท่านั้นที่มีคุณสมบัติมากพอจะยืนเคียงไหล่ตงฟางเฉียนได้

อีกทั้ง 2 คนนั่นยังเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ของตระกูลตงฟาง นอกจากตัวตงฟางเฉียนอีกด้วย

ตระกูลตงฟางก็เหมือนกันกับตระกูลชิว…มีผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ทั้งสิ้น 3 คน

ทั้งหมดล้วนเป็น ประมุข อาวุโสหลัก และอาวุโสลำดับที่ 2 เหมือนกัน

สำหรับชายชราอีก 2 คนที่ยืนอยู่ด้านหลังตงฟางฉู่นั้น ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองผ่านๆ ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับพวกมันมาก

เพราะเห็นได้ชัดจากตำแหน่งการยืนของพวกมัน ฐานะในตระกูลตงฟางของพวกมันสมควรอยู่ในระดับปานกลาง และควรเป็นแค่อาวุโสธรรมดาๆเท่านั้น

“ประมุขตงฟาง”

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชิวอ้านผิง ประมุขตระกูลชิวที่เดินเคียงไหล่ไปกับอาวุโสหลักและอาวุโส 2 ของตระกูลชิว ก็ประสานมือกล่าวคำทักทายตงฟางเฉียนด้วยรอยยิ้ม

อาวุโสหลักทั้งอาวุโส 2 ของตระกูลชิวก็เอ่ยคำทักทายตงฟางเฉียนตาม ก่อนที่พวกมันจะหันไปพยักหน้าทักทายอาวุโสหลักกับอาวุโส 2 ของตระกูลตงฟาง

‘แพศยา! นังแพศยาสารเลว!!’

เมื่อสังเกตเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับชิวมู่ชิงเดินเคียงคู่กันมา ราวกับคู่รักสวรรค์สร้าง สองตาตงฟางฉู่ก็แดงฉานขึ้นมาด้วยโทสะ ในใจลอบคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง!