บทที่ 787 กู้หวนอวี้ถูกล่อลวง
ถังหลี่กำลังเล่นอยู่กับมู่เป่าและถังเป่า เว่ยฉิงเดินยิ้มเข้ามาหานางอย่างกระตือรือร้น เขาส่งถังหูลู่ให้ลูกทั้งสอง เกลี้ยกล่อมหลอกล่อให้พวกเขาออกไปเล่นข้างนอก จากนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบกับภรรยาที่อยู่ในอ้อมแขนของตน
“ฮูหยิน เมื่อเร็วๆ นี้มีชายหนุ่มผู้หนึ่งมาแอบอ้างตัวว่าเป็นคนรักของของชิงหยู เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่?”
ถังหลี่ย่อมรู้เรื่องราวในจวนสกุลอู่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว “ชายผู้นั้นไล่ล่าชิงหยูอย่างวุ่นวาย ข้าไม่รู้ว่าชิงหยูไปก่อเรื่องราวอะไรไว้…” เว่ยฉิงลากเสียงด้วยความยินดี ที่ได้พูดเรื่องซุบซิบของตู้ชิงหยูกับภรรยาของตน
ในราชวงศ์นี้ เป็นเรื่องปกติที่ชายจะมีสามภรรยาสี่อนุฯ แต่ผู้หญิงที่เกี้ยวพาราสีผู้ชายหรือลวนลามบุรุษอาจจะถูกตั้งข้อหาและโดนกักขังในกรงหมูนำไปถ่วงน้ำได้ เพราะฉะนั้นเรื่องของตู้ชิงหยูนั้น ในสายตาของหลายๆ คนจึงเห็นว่านางเป็นคนนอกรีต แต่ถังหลี่กลับไม่คิดเช่นนั้น นางเป็นคนสมัยใหม่ที่มาจากปัจจุบัน จึงมีความคิดที่ว่าหญิงชายเท่าเทียมกัน ในเมื่อผู้ชายยังทำเรื่องเช่นนั้นได้ แล้วเหตุใดผู้หญิงจึงจะทำไม่ได้เล่า?
นางจึงปกป้องตู้ชิงหยู และสนับสนุนนางตราบใดที่ไม่ได้ทำอันตรายต่อผู้อื่น ถังหลี่เหล่ตามองสามีอย่างดุร้าย
“ท่านคิดเช่นไร?รับไม่ได้หรือ?” เว่ยฉิงส่ายหน้า เขาจะรับไม่ได้อย่างไร เขาหวังว่าจะมีชายหนุ่มอีกสักสองสามคนมาไล่ล่ารบกวนตู้ชิงหยูเพื่อไม่ให้นางได้มีโอกาสมาเกาะติดภรรยาของเขาเสียด้วยซ้ำ เว่ยฉิงกอดถังหลี่วางหัวของตนบนบ่าของนางราวกับสุนัขตัวโต
“ภรรยา ข้าจะไม่ชอบชิงหยูได้อย่างไร? ทุกคนล้วนมีวิถีชีวิตเป็นของตนเอง ตราบใดที่ไม่ทำร้ายผู้อื่น ชิงหยูเป็นอิสระไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ นางสามารถทำทุกอย่างได้ตามแต่ใจของตน อาจจะสนุกสนานกว่าผู้ที่มีความประพฤติอยู่ขนบธรรมเนียมเสียด้วยซ้ำ”
แม้ว่าเขาจะอยู่ในยุคสมัยนี้ แต่เป็นเพราะเว่ยฉิงอยู่กับถังหลี่มานาน ความคิดของเขาจะมีส่วนคล้ายคลึงกับภรรยาไปอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากที่ถังหลี่ได้ยินคำพูดของสามี นางจึงยิ้มออกมา
“สามี ท่านใจดีมาก” เขาเข้าใจและเห็นด้วยกับนาง
“ขอจูบหน่อย” เว่ยฉิงกระซิบที่ข้างหู โดยไม่รอให้ภรรยาอนุญาต เขาก้มลงจูบที่ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของถังหลี่ เมื่อทั้งสองผละออกจากกัน จึงได้เห็นเด็กน้อยสองคนกำลังจ้องมองอย่างไร้เดียงสา
ถังหลี่หน้าแดง แม้ว่าจะแต่งงานกันมานานหลายปีแล้วก็ตาม แต่เมื่อโดนลูกๆ เห็นเข้าเต็มตาเช่นนี้ นางก็อดละอายใจเสียไม่ได้ ส่วนเว่ยฉิงเป็นพวกหน้าหนา เขาไม่คิดมาก ชายหนุ่มเอนตัวไปกระซิบบางอย่างกับมู่เป่า ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกาย เขายิ้ม แล้วจูงมือถังเป่าออกไปข้างนอก
เว่ยฉิงยังคงกอดถังหลี่อยู่เช่นเดิม
“ภรรยา เหตุใดพี่รองของเจ้าถึงยังไม่ขยับตัวอีกล่ะ?”
ถังหลี่ได้ยินคำถาม นางเองก็อยากรู้เช่นกัน ลูกหมาน้อยตัวนั้นไล่ตามความฝันของเขาไปแล้ว แต่ไฉนพี่ชายนางยังไม่รู้ร้อนหนาว ผ่านมาถึงสองวันแล้วแต่เขายังไม่เคลื่อนไหวลงมืออีก
“พี่รองคงไม่เคยไล่ตามสตรี ข้าจะต้องหาเวลาสอนเขาเสียบ้าง” ถังหลี่เหลือบมองคนพูด
“ท่านมีประสบการณ์มากหรือ?”
“ข้าไม่เคยไล่ตามเกี้ยวภรรยาหรืออย่างไร?” เขาเคยทำมาแล้ว! คำพูดของเขาทำให้ถังหลี่หวนคิดบางอย่างขึ้นมาได้ เวลาผ่านไปแค่ชั่วพริบตา นางและเว่ยฉิงอยู่กินกันมาถึงสิบเอ็ดปีแล้ว
สิบเอ็ดปีเหมือนนานโข แต่แท้จริงราวกับเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ครั้งแรกที่นางเจอเขา อดคิดไม่ได้ว่าเขาเป็นคนไร้ยางอายและดุร้าย ต่อมาเมื่อได้อยู่ด้วยกัน นางจึงรู้ได้ว่าเขาเป็นคนซื่อ ส่วนที่เขาพูดว่าได้ไล่ล่าตามเกี้ยวนาง แท้จริงแล้วเป็นเพราะถังหลี่ประทับใจและชื่นชอบเขาเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้วต่างหาก เขาแทบไม่มีประสบการณ์อย่างที่ได้คุยโม้โอ้อวด
“สามี ข้าว่าท่านอย่าได้พูดกับเขาเรื่องนี้เลย มันน่าอาย” ถังหลี่แนะนำจากใจจริง
ตำเตือนของภรรยาทำให้เว่ยฉิงอดนึกถึงเรื่องโง่เขลาที่ตนเคยทำมาในอดีต เขาจึงก้มหน้าลงซุกที่ซอกคอของภรรยา
“ลืมเรื่องถ่ายทอดประสบการณ์ไปเถอะ ข้าจะหาวิธีกระตุ้นเขาเอง” เว่ยฉิงยอมถอย พร้อมกับคิดหาวิธีอื่นต่อไป
………….
สองวันที่ผ่านมากู้หวนอวี้เอาแต่หมกมุ่นคิดถึงแต่เรื่องที่จางจ้าวหมิงพูดว่าเขาตกหลุมรักตู้ชิงหยู
เป็นความจริงหรือ? เขาจะตกหลุมรักนางได้อย่างไร?
กู้หวนอวี้เคยคิดว่า หากเขาจะต้องตกหลุมรักหญิงสาวสักคน ผู้นั้นจะเป็นใครก็ได้แต่ไม่ใช่ตู้ชิงหยูอย่างแน่นอน เขาคิดมาถึงสองวันแล้วยังไม่ได้คำตอบเลย
จางจ้าวหมิงยังสืบเรื่องราวของเกาจิงหยวนไม่เลิก เขารวบรวมเรื่องที่ตนหามาได้เขียนเป็นบันทึกมอบให้เจ้านายของเขา เมื่อกู้หวนอี้ได้รับ เขาโยนมันทิ้งไว้บนโต๊ะอย่างไม่แยแส แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็คว้าบันทึกขึ้นมาอ่าน
เกาจิงหยวนผู้นี้มาจากตระกูลบัณฑิตในเมืองหลันซี บิดาของเขาเป็นคนมีชื่อเสียง แต่น่าเสียดายที่ให้กำเนิดบุตรชายไม่เอาไหน คนผู้นี้เป็นหนุ่มเสเพลชื่อดัง มีข่าวลือกับหญิงสาวมากหน้าหลายตา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาตกหลุมรักตู้ชิงหยูอย่างจริงจัง
หลังจากที่เขาขอนางแต่งงาน บิดามารดาเขามีความสุขมาก หวังว่านางจะยอมรับคำขอแต่งงานของบุตรชาย แต่แล้วหญิงสาวกลับหนีไป เขาอดอาหารประท้วงจนบิดาจนใจต้องหาทางช่วยเหลือเขา ค้นหาที่อยู่ของตู้ชิงหยู
เป็นเพราะเส้นสายและความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขา จึงทำให้เกาจิงหยวนได้รู้จักตัวตนของตู้ชิงหยู และที่อยู่ของนาง
“ทายาทรุ่นสองไร้ความรู้และทักษะ ฮึ!” กู้หวนอวี้เย้ย
เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ตู้ชิงหยูจะชอบพอชายผู้นี้
วันรุ่งขึ้นมีจดหมายส่งมาหากู้หวนอวี้
เป็นน้องเขยของเขาที่ส่งจดหมายมาหาด้วยข้อความสั้นๆว่า
ตู้ชิงหยูและเกาจิงหยวนได้นัดแนะไปชมจันทร์ด้วยกัน ทั้งยังเสริมด้วยว่าเกาจิงหยวนเอาแต่ไล่ตามนาง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาอาจจะได้กอดสาวงามแทนใครบางคน
แต่เดิมกู้หวนอวี้เอาแต่คิดว่าตู้ชิงหยูไม่น่าจะชอบผู้ชายเช่นนี้ได้ แต่การที่พวกเขานัดแนะกันไปดูดวงจันทร์นั่นย่อมหมายถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขามีความคิดที่อิสระและนิสัยรักสนุกจึงไปด้วยกันได้
กู้หวนอวี้ไม่อาจนิ่งดูดายได้อีกต่อไป เมื่อเขาคิดว่าตู้ชิงหยูและเกาจิงหยวนอาจจะลงเอยกัน ก็รู้สึกไม่สบายใจ เปรี้ยวฝาดในอกอย่างบอกไม่ถูก เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ใช้มือลูบหน้าอกตนเอง ในที่สุดก็ยอมรับว่าเขาถูกล่อลวงเข้าให้แล้ว
ตู้ชิงหยูสัญญากับเกาจิงหยวนว่าจะไปร่วมชมจันทร์กับเขา ที่จริงแล้วนางไม่ได้อยากไปเลย นางถูกเขาเซ้าซี้รบกวน ทั้งยังขู่ว่าหากนางไม่ไปชมจันทร์กับเขา เขาจะป่าวประกาศให้ทุกคนในเมืองหลวงรู้ว่านางเป็นหญิงใจร้าย หากข่าวที่ว่าท่านจิ่วถิงเป็นพวกชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของคนแพร่หลายออกไป อาจารย์ของนางที่นอนอยู่ในโลงมิกระโดดออกจากโลงศพมาเขกหัวนางหรอกหรือ?
เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วนางจึงได้แต่ยอมรับไปชมดวงจันทร์กับเขา
หลังจากเกิดเหตุการณ์เรื่องนี้แล้ว ตู้ชิงหยูจึงได้รับบทเรียนว่าต่อไปนางจะไม่โลภในความงามอีก นางตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวข้องแวะกับผู้คนอย่างไม่ตั้งใจอีก …อย่างมากก็ขอมองแค่สักครั้งสองครั้งก็พอ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ
ตอนเย็นของวันนั้นตู้ชิงหยูจึงได้เดินออกไปข้างนอก นางยังคงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าบุรุษ มัดผมเกล้าสูง เมื่อเห็นตู้ชิงหยูออกมา เกาจิงหยวนที่รออยู่หน้าประตูส่งรอยยิ้มมองนางอย่างกระตือรือร้น
หญิงสาวเห็นสายตาที่ร้อนแรงของเขาแล้วอดไม่ได้ที่จะกระแอมออกมาแล้วเอ่ยว่า
“ไปกันเถอะ”
ทั้งสองพากันเดินไปยังสถานที่ชมดวงจันทร์ เกาจิงหยวนตามติดนางราวกับลูกหมาตัวน้อย
สถานที่ชมจันทร์อยู่ทางทิศใต้ของเมืองหลวง ที่นั่นมีสะพานทอดยาวเป็นสถานที่นัดพบปะกันอย่างลับๆของหนุ่มสาวเมืองหลวง ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นชายหญิงหลายคู่เดินเคียงข้างกันไปมากขึ้นเรื่อยๆ สายตาของคนเหล่านั้นต่างจ้องจับไปที่ตู้ชิงหยูและเกาจิงหยวนเนื่องจากตู้ชิงหยูใส่ชุดบุรุษจึงทำให้พวกเขาเห็นว่าเป็นชายหนุ่มเดินเคียงคู่กัน
ในขณะนั้นเองตู้ชิงหยูเหลือบไปเห็นร่างที่ดูคุ้นตากำลังยืนอยู่ที่ปลายสะพาน เขาเอามือไพล่หลังเพลิดเพลินอยู่กับการชมดวงจันทร์ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาจึงได้หันมามอง รอยยิ้มที่นุ่มนวลปรากฎขึ้นบนใบหน้าในขณะที่เขาเอ่ยทักทายว่า
“ช่างบังเอิญเสียจริง พวกเจ้ามาชมจันทร์ที่นี่ด้วยหรือ?”
ตู้ชิงหยูที่กำลังโดนเกาจิงหยวนติดตามทำให้หวาดผวา เมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้า นางรู้สึกอุ่นใจ หญิงสาวส่งยิ้มกลับไปให้เขา
“บังเอิญเสียจริง”
แต่ดวงตาของเกาจิงหยวนกลับเบิกกว้างขึ้นมา
เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นเจตนาของกู้หวนอวี้เล่า?