บทที่ 723 ทดสอบภูมิหลังของตระกูลเจียง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 723 ทดสอบภูมิหลังของตระกูลเจียง

บทที่ 723 ทดสอบภูมิหลังของตระกูลเจียง

เช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อมารดาของเขาเอง เขาแทบจะคุกเข่าส่งหลิวเทียนฉือออกจากร้าน

วันถัดมาก็เหมือนเดิม เช้านี้ไปร้านค้าสองหรือสามร้านจนกระทั่งกล่องใหญ่สองใบบนรถม้าเต็มและไม่มีอะไรที่ดูดีหรือน่าซื้อจึงเลิกรา

เถ้าแก้ร้านทั้งสามแห่งหลังจากได้รับลายมือชื่อของเสี่ยวเถาแล้วก็ไม่กล้ารอช้าแม้แต่อึดใจเดียว พวกเขาพากันตรงไปที่จวนตระกูลเจียงทันที

ในที่สุด หลิวเทียนฉือก็เหน็ดเหนื่อยจากการซื้อของ ดังนั้นนางจึงต้องการหาร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหาร

หลังจากถามได้ความว่า ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหลิวเจียคือร้านจิ่นฝู พวกนางจึงตรงไปที่ร้านจิ่นฝู

นางสั่งอาหารที่ดีที่สุด แพงที่สุด และเป็นเมนูยอดนิยมของทางร้านทันที โดยนางสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะเพื่อทานคนเดียว

เมื่อถึงเวลาชำระเงินแล้ว ซึ่งรวมเป็นเงินหลายร้อยตำลึง ในที่สุดเสี่ยวเถาก็เขียนชื่อของเจียงหยวน ด้วยวิธีนั้น หลังจากที่หลิวเทียนฉือออกมาเที่ยว ซื้อของที่อยากซื้อ กินของที่อยากกินเสร็จ พอเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้วนางก็กลับบ้าน

เมื่อกลับมาที่บ้านตระกูลเจียง นางยังอยากไปหาฮูหยินเจียงเพื่อ ‘แสดงความกตัญญู’ แต่ทหารยามที่ประตูหยุดหลิวเทียนฉือไว้ โดยบอกว่าฮูหยินเจียงป่วยหนัก และพวกเขากลัวว่าจะแพร่เชื้อให้คุณหนูหลิว

หลิวเทียนฉือแสดงความห่วงใยของนาง จากนั้นก็กลับไปที่พักอย่างไม่เต็มใจ

อาการป่วยของฮูหยินเจียงแย่ลงอย่างแท้จริง

เมื่อหลิวเทียนฉือออกไปเที่ยวเล่น นางได้ใช้เงินของตระกูลเจียงไปเกือบหกพันตำลึง ทางฮูหยินเจียงจึงได้ซาบซึ้งถึง ‘พลัง!’ ที่แท้จริงของหลิวเทียนฉือ

ทันทีที่หลิวเทียนฉือเคลื่อนไหว เจียงหย่วน ลูกชายของนางนับว่าด้อยไปเลย!

นางคิดเสมอว่าเจียงหย่วนนั้นเป็นตัวล้างผลาญ แต่ตอนนี้ต่อหน้าหลิวเทียนฉือแล้ว เจียงหย่วนนั้นถือว่ายังด้อยเกินไปจริง ๆ

หากเป็นลูกสาวของนางเอง ฮูหยินเจียงยังคงทำเป็นเมินและหลับตาข้างหนึ่งได้ และคงจะแค่พูดกำชับสองคำ เพราะท้ายที่สุดแล้วก็คือลูกของนางเอง!

แต่หลิวเทียนฉือไม่ใช่ลูกของนาง!

นางเป็นบุตรของครอบครัวอื่น เป็นคนแปลกหน้า!

เมื่อฮูหยินเจียงคิดเกี่ยวกับการใช้เงินของคนอื่นอย่างไร้ความเกรงใจของอีกฝ่าย เมื่อคิดถึงใบเรียกเก็บเงินเหล่านั้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ฮูหยินเจียงก็แทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

ฮูหยินเจียงไม่ใช่คนใจกว้าง ในวันธรรมดา ฮูหยินเจียงมักใช้เงินน้อยมาก ซึ่งสาวใช้ทุกคนรอบตัวนางต่างรู้กันดี!

ยิ่งรวยเท่าไรก็ยิ่งตระหนี่!

เรื่องที่ฮูหยินเจียงขี้เหนียวมากนั้นเป็นที่รู้กันดีในตระกูลเจียง

แต่ตอนนี้เป็นเรื่องแล้ว ลูกของคนอื่นทำให้นางต้องเสียเงินเกือบสองหมื่นตำลึงเงินในคราวเดียว นางไม่โกรธจนเป็นบ้าก็ดีเท่าไรแล้ว!

หากเป็นเจียงหย่วน เขาจะถูกนางดุด่าและทุบตีอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้ หลิวเทียนฉือผู้นี้เป็นคนที่ไม่แม้แต่จะทุบตีหรือต่อว่าได้!

ฮูหยินเจียงอยากจะร้องไห้จริง ๆ แต่รู้สึกว่ามีไฟอยู่ในใจ หากไม่ปล่อยออกไป นางอาจเผาตัวเองจนตายได้

แต่ไฟไม่อาจลามไปถึงตัวของหลิวเทียนฉือได้ นางทำได้แค่สามารถหลีกเลี่ยงอีกฝ่าย มิเช่นนั้น โทสะในใจฮูหยินเจียงคงมิอาจควบคุมได้!

หลิวเทียนฉือก็มีช่วงเวลาที่เงียบสงบเช่นกัน โดยนางหวังว่าจะดีที่สุดหากฮูหยินเจียงล้มหมอนนอนเสื่อในระหว่างช่วงที่นางอาศัยอยู่ในตระกูลเจียง!

เมื่อมองใบเรียกเก็บเงินหลายรายการที่ออกมาเมื่อเช้านี้ แม้ร้านขายของเก่า นางก็ใช้เงินไปเกือบห้าพันตำลึง ฮูหยินเจียงกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วเปลี่ยนเป็นสีขาว และผ้าเช็ดหน้าในมือก็ขาดเป็นชิ้น ๆ จากการที่นางดึงทึ้งมันอย่างแรง

นางแค่หวังว่าผ้าเช็ดหน้าในมือของนางคือหลิวเทียนฉือ ซึ่งคงจะดีถ้านางสามารถฉีกมันออกเป็นชิ้น ๆ

“ฮูหยิน…” เมื่อเห็นใบเรียกเก็บเงินมากมาย มามาเหลิ่งก็ตะลึง

หลิวเทียนฉือผู้นี้ใช้เงินเก่งเกินไปแล้ว นางใช้เงินมากกว่าหกพันตำลึงในการออกไปข้างนอกเพียงครั้งเดียวงั้นหรือ?

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าตระกูลเจียงจะร่ำรวยเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถจ่ายเงินให้หลิวเทียนฉือเช่นนี้ได้!

ฮูหยินเจียงคำรามเสียงต่ำ นางปัดถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้าของนางออกไปอย่างโกรธเคือง ถ้วยชากลิ้งวนไปบนโต๊ะสองครั้งก่อนตกลงสู่พื้นจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“หลอกลวงมากเกินไป หลอกลวงมากเกินไปจริง ๆ!” ฮูหยินเจียงแทบจะกัดฟันพูดสองสามคำนี้ นางมองไปทางลานบ้านที่หลิวเทียนฉืออาศัยอยู่อย่างดุร้าย ราวกับว่านางต้องการกลืนกินหลิวเทียนฉือทั้งเป็น

เมื่อเห็นฮูหยินเจียงเป็นเช่นนี้ มามาเหลิ่งก็ตกใจเช่นกัน

หลังจากติดตามฮูหยินเจียงมาหลายปี นางไม่เคยเห็นอีกฝ่ายโกรธขนาดนี้มาก่อนเลย

มามาเหลิ่งตัวสั่นด้วยความตกใจ แต่นางยังคงพยายามรักษาท่าทีสงบไว้ ยิ่งยามนี้นายหญิงโกรธเท่าไร นางก็ยิ่งต้องสงบสติอารมณ์และให้คำแนะนำกับนายหญิง!

“ฮูหยินอย่าเพิ่งโกรธไปเจ้าค่ะ ระวังอย่าได้โกรธไป!” มามาเหลิ่งรินชาอีกถ้วยแล้วยื่นให้ฮูหยินเจียงจิบชาก่อนเพื่อคลายความโกรธ

ฮูหยินเจียงดื่มไม่ได้อีกต่อไป นางจึงปัดมือออก ถ้วยชาถูกเหวี่ยงออกจากมือของมามาเหลิ่ง และน้ำร้อนในถ้วยชาก็สาดใส่มือของมามาเหลิ่ง ซึ่งทำให้นางยิ้มเข็ดฟัน

มามาเหลิ่งเจ็บปวดเจียนตาย แต่นางร้องไม่ออก นางทำได้เพียงกลั้นไว้ “นายหญิง ถ้านางโกรธจะตกหลุมผู้อื่นนะเจ้าคะ!”

แม้ว่านางจะยังไม่รู้ว่าเจตนาของหลิวเทียนฉือคืออะไร แต่การที่นางใช้เงินของตระกูลเจียงเหมือนน้ำ แสดงได้ว่าการมาที่นี่ในครั้งนี้นางต้องมีเจตนาไม่ดี

“คุณหนูหลิวนั่น เกรงว่านางกำลังทำเหมือนตระกูลเจียงเป็นคนโง่!” มามาเหลิ่งพูดสิ่งที่อยู่ในใจของนางออกมา

ฮูหยินเจียงสงบลงทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และถามกลับว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“นายหญิง ท่านไม่ได้สังเกตหรือเจ้าคะ? ตั้งแต่คุณหนูหลิวมาที่จวนตระกูลเจียง ยามใช้เงินนางไม่เคยเกรงใจ ถ้าเป็นแค่แขกธรรมดา นางจะไร้ยางอายใช้เงินจากบ้านของนายท่านขนาดนี้ได้อย่างไร! แต่คุณหนูหลิวคนนี้ทำตรงกันข้าม ซึ่งสามารถอธิบายได้เพียงประเด็นเดียว…” ยิ่งมามาเหลิ่งพูดมากเท่าไร นางก็ยิ่งตกใจมากขึ้นราวกับว่านางเดาอะไรบางอย่างได้ แต่นางไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป

จากนั้นก็ได้ยินฮูหยินเจียงพูดอย่างกระวนกระวาย “ถ้ามีอะไรจะพูดก็รีบพูดมา!”

เมื่อเห็นว่าฮูหยินเจียงรีบร้อน มามาเหลิ่งก็ไม่กล้าลังเลและรีบพูดอย่างรวดเร็ว “คุณหนูหลิวมาที่นี่เพื่อทดสอบภูมิหลังตระกูลเจียงของเรา!”