War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2077
ตอนที่ 2,077 : ถึงเวลาลงมือ!

ความนัยวาจาของตงฟางเฉียนนั้นง่ายดายนัก…

ตราบใดที่ตระกูลชิวส่งตัวต้วนหลิงเทียนมาให้ตระกูลตงฟางจัดการ ตระกูลตงฟางจะไม่ถือสาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ และยังคงร่วมมือกับตระกูลชิวเพื่อต่อต้านตระกูลเฝิงเหมือนเดิม!

สำหรับคนของตระกูลชิวแล้ว นี่นับเป็นการค้าอันไร้ต้นทุนอย่างแท้จริง!

เพราะสุดท้ายแล้วชายหนุ่มชุดม่วงนามลี่เฟิงนั้น ก็แค่ผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัดคนหนึ่ง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับตระกูลชิวของพวกมันทั้งสิ้น!

ตราบใดที่ตระกูลชิวส่งตัวคนนอกผู้นี้ออกไป ตระกูลตงฟางถึงกับไม่ถือสาหาความเรื่องที่เหิดขึ้นวันนี้ ไม่สนใจการกระทำงามหน้าของชิวมู่ชิง! และยังคงให้ความร่วมมือกับตระกูลชิวต่อไป โดยที่ไม่คิดจะเรียกร้องอะไรจากตระกูลชิวเพิ่มเติม!!

“ท่านประมุข!!”

เมื่อข้อเสนอหอมหวนของตงฟางเฉียนดังจบคำ นายท่านรองอย่างชิวกังยี่ก็หันไปมองชิวอ้านผิงประมุขตระกูลชิวก่อนใคร สองตาทอประกายลุกวาวรีบกล่าวออกมาด้วยความคาดหวัง “ลี่เฟิงผู้นี้จะอย่างไรก็ไม่ใช่คนในตระกูลชิวเรา! เช่นนั้นใยตระกูลชิวเราต้องเห็นแก่คนนอกแล้วฉุดรั้งตระกูลตัวเองให้ตกต่ำลงเพื่อมัน?”

“ตราบใดที่เราส่งตัวลี่เฟิงออกไป ไม่เพียงคุณหนูใหญ่ไม่จำเป็นต้องฝืนใจแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์อันใดอีกต่อไป ตระกูลตงฟางยังไม่เอาผิดอันใดคุณหนูใหญ่อีกด้วย!”

“เช่นนั้นเรื่องนี้ไม่ว่าจะกับตระกูลชิวเราก็ดี กับคุณหนูใหญ่เราก็ดี แม้แต่กับท่านประมุขเองก็ดี…ทั้งหมดล้วนมีแต่ได้กับได้ไม่มีเสียอันใด!!”

ชิวกังยี่กล่าวออกมารวดเดียวจบอย่างลื่นไหล

ตอนนี้มันล่ะอยากเป็นประมุขตระกูลชิวเองนัก! จะได้รีบตอบรับข้อเสนอแสนงามของตงฟางเฉียนออกไปทันที!!

ในสายตาของมันข้อเสนอนี้ออกจะดีเกินไปด้วยซ้ำ!

เพราะไม่เพียงสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดในตอนนี้ได้ ยังสะสางความบาดหมางระหว่างตระกูลชิวและตระกูลตงฟางหมดสิ้น ซึ่งนี่มีแต่ประโยชน์ต่อตระกูลตงฟาง ไม่มีโทษอะไรเลย!

ขณะเดียวกันด้านชิวอ้านผิง คิ้วมันก็ขมวดยู่ย่นเป็นปมโดยไม่รู้ตัว

ถึงแม้ว่ามันจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็จำต้องยอมรับว่าข้อเสนอนี้ของตงฟางเฉียนได้กินใจมันไปแล้วส่วนหนึ่ง แถม ‘เงื่อนไข’ ของอีกฝ่ายก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายและดึงดูดใจมันนัก!

หากมันตอบรับไปล่ะก็ ก็เป็นดั่งที่ชิวกังยี่ว่าไว้จริงๆ มีแต่ได้ไม่มีเสีย!

อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องที่ลี่เฟยคนนี้เป็นสหายของบุตรีคนเดียวขึ้นมา ชิวอ้านผิงก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความลังเลในใจ หันไปทางชิวมู่ชิงอีกครั้งสายตาทีใช้มองบุตรีก็กลายเป็นซับซ้อนคิดไม่ตกทันที

“ท่านพ่อ!”

เมื่อเห็นชิวอ้านผิงที่มองมาด้วยสายตาแบบนั้น ชิวมู่ชิงย่อมคาดเดาความในใจของบิดาได้เป็นธรรมดา

นางจึงเร่งกล่าวออกมาเสียงดังอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป “เรื่องที่ข้ากระทำไปเมื่อเช้าข้ายอมรับว่าอาจจะหุนหันและดูไม่งามไปบ้าง แต่จะอย่างไรนี่ก็เสมือนเรื่องส่วนตัวระหว่างข้ากับพี่ใหญ่ลี่เฟิง ยังไปเกี่ยวอะไรกับตระกูลตงฟาง? ข้าไม่คิดว่าตัวข้าจะผิดต่อตระกูลตงฟางตรงที่ใด…”

“เพราะตั้งแต่ต้นจนจบข้ามีแต่บอกว่าไม่อยากแต่ง แล้วข้าไปตกลงรับข้อเสนอแต่งงานของตระกูลตงฟางตั้งแต่เมื่อใด…เช่นนั้นตระกูลตงฟางถือสิทธิ์อันใดมาขอคำอธิบายเรื่องส่วนตัวของข้ากับตระกูลชิว?”

“อีกทั้งประมุขตระกูลตงฟางสำคัญตัวผิดไปหรือไม่ ท่านมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ข้าเพื่อบีบคั้นตระกูลข้า?”

ชิวมู่ชิงประกาศออกมาชัดเจน ว่าทั้งหมดคือเรื่องส่วนตัวของนาง หาได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลตงฟางไม่!

และเรื่องราวมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ!

เมื่อชิวมู่ชิงกล่าวจบคำสีหน้าคนของตระกูลตงฟางก็กลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันที ทั้งหมดหันไปมองชิวมู่ชิงตาขวาง

“ชิวมู่ชิง!!”

ในฐานะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง คุณชายรองตระกูลตงฟาง ตงฟางฉู่อดไม่ได้ที่จะกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ตอนนี้ในเมืองคงหมิงเรา ยังมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าตระกูลชิวของเจ้า…กำลังจะเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลตงฟางของข้าผ่านการแต่งงานระหว่างเจ้ากับข้าที่เป็นตัวแทนของทั้ง 2 ตระกูล…”

“ในสายตาของผู้คนในเมือง เรื่องที่เจ้าจะแต่งเข้าตระกูลตงฟางในฐานะภรรยาข้าตอนนี้ ล้วนเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น!”

“ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เจ้ากระทำลงไปวันนี้ ยังต่างอันใดจากทำให้ตระกูลตงฟางของข้ากลายเป็น ‘ตัวตลก’ ในสายตาผู้คนทั้งเมืองคงหมิง! แต่ตอนนี้เจ้ายังมีหน้ามากล้าพูดปาวๆว่าการกระทำของเจ้ามิมีใดเกี่ยวข้องกับตระกูลคงฟางของข้า?”

ท้ายประโยคเสียงตงฟางฉู่ก็ดังจนแทบจะกลายเป็นการคำรามอยู่รอมร่อ

“แล้วเรื่องนี้พวกเจ้าตระกูลตงฟางยังจะไปโทษผู้ใดได้ ทั้งหมดล้วนเป็นพวกเจ้าคิดไปเองแต่แรก! หากมิใช่เพราะพวกเจ้าไปปล่อยข่าวลือเหลวไหลพวกนี้ ผู้คนในเมืองคงหมิงจักไปเข้าใจผิดได้อย่างไร?”

ชิวมู่ชิงกล่าวออกอย่างใจเย็น

“คิดไปเอง?”

และวาจานี้ของชิวมู่ชิงก็ไม่ต่างใดจากหอกแหลมทิ่มแทงเข้ากลางใจตงฟางฉู่ ทำให้หน้ามีนเปลี่ยนสีไปเป็นซีดเซียวเขียวสลับขาว

เพราะมองย้อนกลับไปแล้วเรื่องราวทั้งหมดระหว่างมันชิวมู่ชิง ก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

“คิดไปเอง?”

ทว่าด้านตางฟางเฉียนที่ได้ยินคำนี้ของชิวมู่ชิง สีหน้ามันมืดดำลงทันใด

ทันใดนั้นตงฟางเฉียนก็หันมองไปยังอาวุโส 2 ของตระกูลชิว “อาวุโสชิวจื่อ หากข้าจำมิผิด…การแต่งงานระหว่างตระกูลตงฟางเรากับตระกูลชิวล้วนมิใช่ท่านเป็นคนเสนอออกมาด้วยตัวเองหรือไร?”

“แต่ไฉนตอนนี้ดูเหมือนว่าวาจาของท่านที่เป็นอาวุโส 2 ของตระกูลชิวจักไร้น้ำหนักถึงขั้นมิอาจเชื่อถือได้เลยเล่า!”

“หากท่านรู้ตัวว่าวาจาท่านเป็นเพียงลมที่ผายออกมา มิอาจตัดสินใจอันใดได้แต่แรก แล้วจะมาตกลงเรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลตงฟางข้าทำอะไร?”

ยิ่งกล่าวน้ำเสียงของตงฟางเฉียนก็ยิ่งเย็นลง

ขณะเดียวกัน จากคำพูดมันก็บอกถึงเรื่องหนึ่งให้ทุกคนรับทราบกันชัด

ที่แท้ตัวตั้งตัวตีในการวางแผนแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล ก็คืออาวุโส 2 ชิวจื่อคนนี้นี่เอง!

และเมื่อตงฟางเฉียนกล่าวแฉความจริงเรื่องนี้ออกมา สีหน้าชิวมู่ชิงก็เปลี่ยนไปราวกับเห็นผี นางมองไปยังชิวจื่อด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ กล่าวถามออกไปว่า “อะ…อาวุโส 2 ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร ถึงกล้ามายุ่งวุ่นวายทั้งตัดสินใจเรื่องแต่งงานแทนข้า?”

ตลอดเวลาที่ผ่านมาชิวมู่ชิงหลงคิดว่าเรื่องแต่งงานล้วนเป็นชิวกังยี่กับอาวุโสฝ่ายชิวกังยี่ที่เสนอขึ้นมา และคอยกดดันบิดานาง หมายให้นางแต่งกับตงฟางฉู่เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูล

ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ทันได้ตอบรับอะไร ในเมืองก็มีข่าวลือเรื่องนางจะแต่งกับตกฟางฉู่แพร่ออกไปเสียแล้ว ตอนแรกนางยังหลงคิดว่าเป็นตระกูลตงฟางเลือกที่จะใช้ไม้นี้แพร่กระจายข่าวลือออกไปอย่างไร้มูลความจริง หมายเปลี่ยนดำให้เป็นขาว…

แต่ไม่คิดเลยว่าตั้งตั้งตัวตีที่อยู่เบื้องหลังเรื่องการแต่งงานที่แท้จริงกลับเป็นอาวุโส 2 ชิวจื่อไปได้!

และนางที่เกี่ยวข้องโดยตรงเสมือนถูกปิดหูปิดตาให้งมโข่งอยู่ในความมืดมาตลอดจนถึงเมื่อครู่…

“ท่านพ่อ!”

ทันใดนั้นราวกับนึกอะไรสำคัญได้ออก ชิวมู่ชิงเร่งหันไปหาบิดาของนาง ประมุขตระกูลชิวก่อนอื่นใด

ในขณะที่มอง ลึกลงไปในแววตาคู่งามให้ความรู้สึกดั่งสารทฤดูกลับฉายถึงความกังวลระคนหวั่นใจให้เห็น ยังมีความคาดหวังสุดใจประการหนึ่ง

ตอนนี้นางได้แต่หวัง…หวังว่าบิดาของนางจะไม่รู้เห็นเรื่องนี้!

หาไม่แล้วนางก็ไม่รู้จริงๆว่าในโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ ยังจะมีใครที่นางสามารถเชื่อใจได้อีก…

“ชืวจื่อ!!”

ทว่าตอนนี้สีหน้าของชิวอ้านผิงกลับเปลี่ยนไปเป็นมืดดำทั้งดุร้ายปานยักษ์มาร เผยให้รู้ว่ามีโทสะมากมายเพียงใด นั่นทำให้ชิวมู่ชิงอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก!

ตอนนี้อย่างน้อยๆนางก็ยืนยันได้ว่าบิดาไม่เคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

และชิวอ้านผิงผู้เป็นประมุขตระกูลชิว…ก็ไม่รู้เรื่องมาก่อนจริงๆ!

ตอนนี้พอได้ยินว่าเรื่องทั้งหมดกลับไม่ใช่ฝีมือคนตระกูลตงฟาง แต่ที่แท้เป็นคนในกระทำ! มันก็มองไปที่ชิวจื่อด้วยโทสะ คำรามถามออกเสียงหนัก “ไฉนเจ้าถึงกล้าตัดสินใจเรื่องงานแต่งงานของลูกสาวข้าโดยพลการ? ยังข้ามหน้าข้ามตากระทั่งข้าประมุขที่เป็นบิดาแท้ๆยังไม่รู้เรื่องการแต่งงานของลูกสาวตัวเองด้วยซ้ำ!!”

ตอนนี้กระทั่งอาวุโสหลักเองก็ขมวดคิ้วยู่ย่นเป็นปม

มันเองก็พึ่งรู้เรื่องนี้เช่นกัน

เรื่องนี้นับว่าอาวุโส 2 ของตระกูลชิว ชิวจื่อ ใช้อำนาจเกินตัวไปมากแล้วจริงๆ! ตัดสินใจเรื่องราวข้ามหัวประมุขและมันไปโดยพลการ!!

“ไฉนข้าถึงตัดสินใจเรื่องแต่งงานให้เจ้าหรือ?”

ชิวจื่อตัวต้นเรื่องยังคงสงบ มองกล่าวกับชิวมู่ชิงเสียงเรียบ “นั่นเพราะอย่างไรเจ้าก็คือคนของสกุลชิว ส่วนข้าคืออาวุโสลำดับที่ 2 ของสกุลชิว! เพื่อเห็นแก่ตระกูล เจ้าเพียงเสียสละตัวเองแค่เล็กน้อย…ก็สามารถทำให้ตระกูลของพวกเรามั่นคงปลอดภัย แล้วไฉนเจ้าจึงไม่ทำ?”

“ส่วนเจ้า…”

ครู่ต่อมาชิวจื่อก็หันไปมองกล่าวกับชิวอ้านผิงด้วยน้ำเสียงห้วนๆ “หากข้าบอกเจ้าล่วงหน้า เจ้ายังจะยินดีตกลงเห็นชอบเรื่องนี้รึไร? นอกจากนี้การให้ลูกสาวเจ้าแต่งเข้าตระกูลตงฟางมีอันใดไม่ดี? พวกเราล้วนไม่เสียอันใดด้วยซ้ำ ที่สำคัญยังทำให้ตำแหน่ง ‘ประมุข’ ของเจ้ามั่นคงขึ้นอีกด้วย…”

“หากไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น ผู้ใดจะไปรู้ว่าตระกูลเฝิงจะหาโอกาสทำลายพวกเราได้พบเมื่อใด เจ้าที่เป็น ‘ประมุข’ ไฉนไม่มองภาพรวม!?”

ฟังจากวาจาของชืวจื่อแล้ว คล้ายมันจะคิดอ่านแท่นชิวอ้านผิงไปหมดทุกอย่าง

“เจ้าคิดว่าตำแหน่งประมุขนี่มันสำคัญกับข้ามากนักหรือ?”

ชิวอ้านผิงหัวเราะออกมาด้วยโทสะ หลังได้ยินคำกล่าวอ้างของชิวจื่อ “ในสายตาข้าตำแหน่งประมุขนี่ยังเทียบไม่ได้กับลูกสาวคนเดียวของข้า! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้ตัดสินว่าข้าที่เป็นบิดาไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์มีเสียงเรื่องการแต่งงานของลูกสาว!!”

“เหอะ!”

ชื่อจื่อแค่นคำออกมาเสียงเย็น ค่อยกล่าว “มาตอนนี้แม้ข้าคิดให้ลูกสาวเจ้าแต่งเข้าตระกูลตงฟางก็เป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะตระกูลตงฟางคงไม่มีวันรับสตรีเยี่ยงนางเป็นสะใภ้ให้ขายหน้า…ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าชิวอ้านผิงสั่งสอนบุตรีมาเช่นไร ถึงทำให้นางเลอะเลือนกลายเป็นสตรีไร้ยางอายเช่นนี้!”

“เจ้ามันรนหาที่ตาย!!”

ชิวจื่อกล้าดูถูกบุตรีต่อหน้าแบบนี้ ชิวอ้านผิงจะไปทนไหวไดได้อย่างไร มันคำรามออกเสียงดัง พลังทั่วร่างปะทุออกอย่างเกรี้ยวกราด ร่างทะยานยิงหมัดเข้าใส่ชิวจื่อทันที!

อนิจจาแม้มันกับชืวจื่อจะเป็นเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนเช่นเดียวกัน แต่พลังฝีมือของมันยังห่างไกลจากอีกฝ่ายมากนัก

ปงงง!!

เพียงทะยานเข้าไปพัวพันชิวจื่อได้ไม่กี่ลมหายใจ สุดท้ายก็ถูกชิวจื่อซัดร่างกระเด็นปลิดปิว!

“อั๊ค!”

ตุบ! โครม!!

หลังชิวอ้านผิงถูกหมัดชิวจื่อซัดกระเด็นไปชนข้าวของพังล้มไม่เป็นท่า มันก็กระอักโลหิตคำโตออกปาก ร่างนอนหมดสภาพบนพื้นที่ขอบโถงให้เป็นที่น่าอับอายนัก!

“ท่านพ่อ!”

ตอนนี้เองชิวมู่ชิงที่พึ่งรู้สึกตัว ก็เร่งเหินร่างออกไปหาบิดาที่นอนบาดเจ็บด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่จะช่วยประคองชิวอ้านผิงให้ลุกขึ้นมา

และตอนนี้ชิวมู่ชิงก็หันไปมองชิวจื่อตาขวาง ในแววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง!

“ชิวจื่อ!”

ในขณะที่หน้าต้วนหลิงเทียนจมลงและคิดลงมือจัดการเรื่องราวให้จบๆนั้นเอง เสียงเปี่ยมโทสะหนึ่งพลันดังลั่นขึ้นก้องโถง ทำให้พลังเซียนสุริยันที่โคจรขึ้นมาดั่งน้ำหลากจำต้องชะลอตัวช้าลงทันที

เป็นอาวุโสหลักตระกูลชิว กำลังมองชิวจื่อด้วยสายตาเอาเรื่อง แววตาเผยประกายเยียบเย็นชวนขนลุกนัก!

“อาวุโสหลัก”

ทีท่าของชิวจื่อเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นว่าอาวุโสหลักเริ่มมีโทสะขึ้นมา

แม้พลังฝีมือของมันจะอยู่เหนือประมุขตระกูลอย่างชิวอ้านผิง แต่หากให้เทียบกับชนชั้นยอดฝีมืออย่างอาวุโสหลักแล้ว ยังไม่อาจเทียบได้

ในฐานะผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน พลังฝีมือของมันแม้อยู่เหนือกว่าชิวอ้านผิง ทว่าขณะเดียวกันก็ยังอ่อนด้อยกว่าอาวุโสหลักตระกูลชิว กล่าวได้ว่าพลังฝีมือของมันจัดว่าเป็นเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนระดับกลางๆเท่านั้น ทว่าอาวุโสหลักจัดอยู่ในเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนระดับสูงๆ

“อาวุโสหลักทั้งหมดที่ข้ากระทำล้วนเพื่อตระกูลชิวทั้งสิ้น…หากท่านคิดจริงๆ ว่าที่ข้าทำมันเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างที่มิอาจอภัยได้ เช่นนั้นท่านก็ฆ่าข้าเลยเถอะ!”

ทันใดนั้นสีหน้าชิวจื่อก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง มันเลือกที่จะกล่าวออกมากับอาวุโสหลักตรงๆด้วยทีท่าจริงจัง

และการเคลื่อนไหวดั่ง ‘ถอยเพื่อรุกคืบ’ นี้ของมัน ก็ทำให้อาวุโสหลักลังเลใจไม่น้อย

ในฐานะอาวุโสหลักของตระกูลชิวแล้ว ตัวมันเองก็ย่อมเห็นแก่ตระกูลชิวเหนือสิ่งใด

พอมาลองคิดทบทวนไตร่ตรองดู ถึงแม้การกระทำของชิวจื่ออาจจะเกินเลยไปบ้าง แต่มองในแง่ผลลัพธ์แล้ว สามารถอ้างได้ว่ามันทำเพื่อประโยชน์ของตระกูลจริงๆ!

“ทำทุกอย่างเพื่อตระกูลหรือ…เป็นข้ออ้างที่ดีทีเดียว!”

ร่างต้วนหลิงเทียนที่ชะงักไปก่อนหน้า เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ตามองชืวจื่ออย่างเฉยเมยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

เมื่อเห็นว่าใจของอาวุโสหลักอ่อนลงทั้งเริ่มลังเล ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าถึงเวลาที่เขาต้องลงมือจัดการเรื่องราวแล้ว!