บทที่ 591 โทสะของซิ่นหยาง
เมื่อครู่อันจวิ้นอ๋องพูดว่าอย่างไรนะ
ราชโองการฉบับนี้เอาออกมาจากกางเกงในของเขาอย่างนั้นรึ!
องค์หญิงซิ่นหยางชักจะทนไม่ไหวแล้ว!
นางเป็นสตรี เป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์เชียวนะ!
นึกไปถึงเมื่อครู่ที่ตนทั้งลูบทั้งดมต่อหน้ารุ่นลูกรุ่นหลานสองคนนี้ขึ้นมา องค์หญิงซิ่นหยางรู้สึกว่าตัวเองขายหน้าไปสิบชาติแล้ว!
“อยู่ดีไม่ว่าดีเจ้าเอาราชโองการไปเย็บไว้ในที่พรรค์นั้นเพื่อการใด!”
นางตบโต๊ะพลางตวาด!
อันจวิ้นอ๋องเป็นผู้อ่อนอาวุโสกว่า ซ้ำยังเป็นขุนนาง ผนวกกับองค์หญิงซิ่นหยางเดิมก็มีมาดสูงส่ง แม้แต่ฮ่องเต้เองยังยำเกรง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอันจวิ้นอ๋องที่ยังเป็นเด็กหนุ่มเช่นนี้
ยามที่อันจวิ้นอ๋องสนทนากับนางไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างล่วงเกินด้วยซ้ำ ย่อมไม่เห็นกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ที่นางมัวเมากับวัสดุที่ทำราชโองการ
จู่ๆ เขาก็ถูกองค์หญิงซิ่นหยางโมโหใส่จึงตกอกตกใจยกใหญ่ ในที่สุดก็ทำใจกล้ามององค์หญิงซิ่นหยางแวบหนึ่ง
องค์หญิงซิ่นหยางโมโหหนัก ดวงหน้างามอาบย้อมด้วยโทสะ แก้มและลำคอแดงก่ำไปหมด
อันจวิ้นอ๋องมึนงงหนัก เอ่ยอย่างฉงน “ไม่เย็บไว้ในกางเกงในก็เอาออกมาไม่ได้น่ะสิ…”
เขาไม่ได้คิดจะทำลายราชโองการตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ของสำคัญเพียงนี้มีไว้กับตัวย่อมเป็นยันต์คุ้มครองชีวิต โดยเฉพาะบรรดาคนที่คลุกคลีกับอำนาจฮ่องเต้ตลอดทั้งวัน ไม่มีใครรับประกันได้ว่าวันไหนจะถูกฮ่องเต้ชังเข้าให้
แรกเริ่มกะว่าจะซุกไว้ในอกนำออกมาจริงๆ
แต่มาคิดๆ ดูแล้วเกิดถูกท่านปู่จับได้ในทันที ท่านปู่ต้องค้นตัวแน่
มีแค่ตรงนี้เท่านั้นที่อาจจะไม่โดนค้น นั่นก็คือกางเกงในตัวใหญ่ของเขา
ทว่ายัดไว้ในกางเกงในจะร่วงง่าย และจะถูกคลำเจอได้ง่ายด้วย เขาจึงย้อนกลับไปที่ห้องหนังสือ แล้วเย็บติดกับเนื้อผ้าของกางเกงในไว้
หากถามว่าเย็บปักเป็นได้อย่างไร คงต้องบอกว่าเป็นอานิสงส์จากวันคืนลำบากลำบนในตรอกปี้สุ่ย ชายชาตรีอย่างเขา นึกไม่ถึงว่าจะเย็บเสื้อผ้าเป็น
แน่นอนอยู่แล้ว ท่านปู่เขาความคิดลุ่มลึกเกินไป ไม่ตัดความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะถอดกางเกงในเพื่อค้นตรวจออกไปหรอก เขาจึงวางแผนวางเพลิงในห้องหนังสือ
เขาจงใจทำตัวมีพิรุธ จงใจทำตัวปกๆ ปิดๆ ให้ท่านปู่คิดว่าเขาพกราชโองการไว้กับตัว พอห้องหนังสือถูกเผาทำลาย เขาก็เผยสีหน้าลำพองออกมาให้ปู่เห็น ให้ปู่คิดว่าเขาใช้กลศึกส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม[1]ล่อท่านปู่ไว้ เป้าหมายคือการเผาราชโองการ
เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรท่านปู่ก็ไม่มีทางมาถลกกางเกงในเขาอีกรอบแน่นอน
เพียงแต่เขาก็ไม่คิดว่าท่านปู่จะโมโหถึงขนาดจะตีเขาให้ตาย
นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขา
เขาประเมินความรักที่ท่านปู่มีให้หลานชายอย่างเขาสูงเกินไป หากไม่ได้เซียวเหิงที่แอบจับตามองไว้ ส่งผู้ช่วยหลี่มาพาเขาไปได้ทันเวลา เกรงว่าเขาคงได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้พระองค์ก่อนไปพร้อมกับราชโองการในกางเกงในแน่
ทว่าเขาไม่มีทางขอบคุณเซียวลิ่วหลังหรอกนะ
องค์หญิงซิ่นหยางโมโหแทบบ้า นางถลึงตาใส่อันจวิ้นอ๋องอย่างแรง ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้ว “หลงอี! จับเขาตอน!”
หลงอีเร้นกายเข้ามา คว้าตัวอันจวิ้นอ๋องขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใช้ความเร็วดุจสายฟ้าโยนเข้าไปในโอ่งเกลือในเรือนท้าย
องค์หญิงซิ่นหยาง “…”
ข้าให้เจ้าจับเขาตอน ไม่ใช่ให้เจ้าเอาไปหมักดอง![2]
องค์หญิงซิ่นหยางสีพระพักตร์เขียวคล้ำเดินออกไป!
อันจวิ้นอ๋องงอตัวขดอยู่ในโอ่งเกลือด้วยสีหน้างุนงง เขามองไปยังเซียวเหิงที่เดินมาหา “ขะ…ข้าพูดอะไรผิดรึ เหตุใดองค์หญิงซิ่นหยางต้องโกรธด้วย หรือนางรู้สึกว่าข้าดูหมิ่นราชโองการ สวรรค์โปรดเมตตา ตอนนั้นข้าไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ ”
เซียวเหิงเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขากลั้นยิ้ม โยนอันจวิ้นอ๋องลงโอ่งเกลือ “ไม่นี่ เจ้าเอาราชโองการออกมาได้ สร้างความดีความชอบใหญ่หลวงเลย”
“เช่นนั้นนางโกรธอะไร” อันจวิ้นอ๋องพึมพำ ปัดๆ เกลือบนตัว นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยเสียงเบา “ดูท่าที่เขาลือกันจะจริงเสียแล้ว”
“ลืออะไร” เซียวเหิงถาม
อันจวิ้นอ๋องมองไปรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าองค์หญิงซิ่นหยางไม่กลับมาอีกจึงเอ่ยกับเซียวเหิงเสียงเบา “องค์หญิงซิ่นหยางอารมณ์คุ้มดีคุ้มร้าย มักจะใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเซวียนผิงโหว เซวียนผิงโหวทนความร้ายกาจของนางไม่ไหวจึงได้หย่าร้างตัดขาดความเป็นสามีภรรยากับนาง”
เซียวเหิงมุมปากกระตุก “…นางสู้เซวียนผิงโหวไม่ได้หรอกกระมัง”
อันจวิ้นอ๋องเอ่ย “นางเป็นองค์หญิง เซวียนผิงโหวไม่กล้าโต้ตอบคืนหรอก”
เซียวเหิง “…”
ระหว่างสนทนากัน ทั้งสองก็เดินกลับมาถึงห้องหนังสือ
“เจ้าจะดูราชโองการหรือไม่” อันจวิ้นอ๋องหยิบราชโองการบนโต๊ะขึ้นมาส่งให้เซียวเหิง
“ไม่ต้องหรอก” เซียวเหิงบอก เขาหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เปิดออกพลางเอ่ยกับอันจวิ้นอ๋อง “มา ใส่ลงในนี้”
“อ๋อ” อันจวิ้นอ๋องวางราชโองการใส่ในกล่อง “เจ้าไม่ดูสักหน่อยรึ ไม่กลัวว่าเป็นของปลอมหรือไร”
เซียวเหิงเอ่ยอย่างมีความนัยล้ำลึก “ไม่มีทางหรอก เมื่อครู่นี้องค์หญิงซิ่นหยางตรวจดูแล้ว นางบอกว่าเนื้อกระดาษแตกต่าง ลื่นมือเป็นพิเศษไม่ใช่หรือไร”
อันจวิ้นอ๋องพลันกระจ่างก่อนพยักหน้า “เหมือนจะใช่”
เซียวเหิงใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว หากกลั้นขำต่อไปเขาได้ช้ำในแน่
เขาปิดกล่องออก แล้วเอ่ยเสียงขรึมกับอันจวิ้นอ๋อง “เอ่อ…ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“เซียวลิ่วหลัง” อันจวิ้นอ๋องมองเขานิ่ง “ราชโองการฉบับนี้ข้าแลกมาด้วยชีวิต เห็นแก่ที่ข้าส่งมอบมันให้เจ้า…ไว้ชีวิตปู่ข้าได้หรือไม่”
เซียวเหิงชะงัก มองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะอยู่ไม่สู้ตายไปเสียหรือ”
อย่างไรเสียสำหรับคนที่ใจมักใหญ่ใฝ่สูง การสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปนั่นแหละคือความทรมานที่สุด
อันจวิ้นอ๋องเพียงแค่มองเซียวเหิงอย่างเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยอะไร
เซียวเหิงพยักหน้า “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ข้ารับปาก”
อันจวิ้นอ๋องปรีดาขึ้นมาจากความทุกข์โศก เอ่ย “ขอบใจยิ่งนัก”
เซียวเหิงนำราชโองการไปที่บ้านตรงถนนจูเชวี่ย
องค์หญิงซิ่นหยางอาบน้ำในห้องตัวเองไปทั้งหมดสิบแปดกะละมัง อาบจนจมูกกับมือจะเปื่อยหมดแล้ว อวี้จิ่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถามองค์หญิงซิ่นหยางก็ไม่ยอมบอก
“ท่านโหวน้อยมาแล้ว” อวี้จิ่นเห็นเซียวเหิงหอบกล่องใบหนึ่งเดินเข้ามา จึงคลายใจลง
เซียวเหิงมององค์หญิงซิ่นหยางที่โมโหโกรธา พูดตรงๆ ว่าเขาเห็นท่าทางนี้ของนางน้อยมาก
“ท่านอาอวี้จิ่น ข้าดูแลท่านแม่ข้าเองดีกว่า” เขาข่มมุมปากที่จะหยักยกขึ้นเอาไว้ พลางเอ่ย
อวี้จิ่นมองเซียวเหิงอย่างแปลกใจ เอ่ย “…เจ้าค่ะ เชิญ”
นางวางกะละมังน้ำลง แล้วหันหลังเดินออกไป
องค์หญิงซิ่นหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้ถูมือไปมา พลางตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไมรึ มาดูข้าขายหน้าหรือไร”
เซียวเหิงจุ๊ปาก เอ่ยอย่างผู้บริสุทธิ์ “ดูท่านพูดเข้าสิ ลูกชายท่านเป็นคนเช่นนั้นรึ อีกอย่าง ท่านมีอะไรขำขันให้ดูกัน ก็แค่ราชโองการที่หยิบออกมาจากกางเกงในเองมิใช่หรือไร”
“เซียวลิ่วหลัง!”
ยามนี้ลิ่วหลังมีนามว่าเซียวเหิง เอ่ยเรียกทั้งชื่อทั้งแซ่เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงซิ่นหยางโมโหพอดู
เซียวเหิงปิดปากแต่โดยดี
องค์หญิงซิ่นหยางเห็นกล่องในมือเขา คิ้วเรียวขมวดมุ่นตรัส “นี่อะไร”
เซียวเหิงบอกตามตรง “ราชโองการ”
องค์หญิงซิ่นหยางชะงักไปเมื่อรู้ตัวว่านี่คือราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ สีพระพักตร์นางพลันอึมครึมขึ้น “เจ้า! เจ้ายังกล้าเอาไอ้ของพรรค์นี้มาอีก!”
เซียวเหิงเอ่ยอย่างเสียไม่ได้ “ของสิ่งนี้มีค่ามากนัก เอาไว้ที่ข้าไม่ปลอดภัย”
นี่คือเรื่องจริง ที่บ้านเด็กๆ ซนกันมาก ยากจะรับรองว่าสักวันหนึ่งจะไม่ถูกรื้อพัง หลังจากคิดแล้วคิดอีก จึงต้องเอามาฝากไว้ในมือองค์หญิงซิ่นหยางแทน
องค์หญิงซิ่นหยางย่อมเข้าใจเหตุผลนี้ดี นางกัดฟัน “เจ้าให้อวี้จิ่นเอาไปเก็บไป!”
เซียวเหิงหอบกล่อง ทำมือแสดงความเคารพ “รับทราบ ใต้เท้าท่านแม่!”
เขาหันหลังเดินออกไป
องค์หญิงซิ่นหยางถลึงตามองเขา “กลับมานี่!”
เซียวเหิงหันหลังกลับมาเสียแต่โดยดี ยิ้มบางให้ “ใต้เท้าท่านแม่ยังมีอะไรจะรับสั่งหรือ”
องค์หญิงซิ่นหยางตีหน้าขรึมตรัส “แก้คำเรียกด้วย!”
เซียวเหิงทำท่าทำความเคารพอีกครา เอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ขอรับ องค์หญิงอุปราชผู้สูงส่ง”
องค์หญิงซิ่นหยาง “…”
เซียวเหิงมอบราชโองการให้อวี้จิ่นเก็บรักษาแล้วก็ไปหากู้เจียวที่ห้องปีกข้าง
หมู่นี้ทั้งคู่ต่างยุ่งๆ ได้อยู่เพียงลำพังกันสองคนมีน้อยยิ่งนัก
หลังจากจัดการราชโองการเรียบร้อย อวี้จิ่นก็กลับมายังห้องขององค์หญิงซิ่นหยาง
ในที่สุดองค์หญิงซิ่นหยางก็อาบน้ำเสร็จ กำลังนั่งทาบัวหิมะอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
มือของนางก็ต้องบำรุงให้ดีๆ
“ข้าทำให้เพคะ” อวี้จิ่นบอก
องค์หญิงซิ่นหยางส่งบัวหิมะให้นาง
อวี้จิ่นใช้ปลายนิ้วป้ายเนื้อยานิดหน่อย ก่อนทาบนมือซ้ายขององค์หญิงซิ่นหยาง ลูบทาหลังมือของนางแผ่วเบา “องค์หญิง เมื่อครู่ข้าได้ยินท่านโหวน้อยบอกแล้ว ที่แท้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็ทิ้งราชโองการเปล่าเอาไว้ฉบับหนึ่ง ราชครูจวงไม่มีราชโองการฉบับนี้แล้ว เกรงว่าจะพลิกสถานการณ์อะไรไม่ได้แล้วล่ะเพคะ”
องค์หญิงซิ่นหยางเบ้ปาก “เฮอะ”
อวี้จิ่นหัวเราะเสียงนุ่ม เอ่ย “ท่านโหวน้อยมีความสามารถจริงๆ ”
องค์หญิงซิ่นหยางแค่นเสียงตรัส “เขาจะไปทำอะไรได้ จวงอวี้เหิงเป็นคนขโมยราชโองการกลับมาต่างหาก เขาก็แค่ส่งคนไปรับตัวจวงอวี้เหิงออกมาเท่านั้น”
อวี้จิ่นทาบัวหิมะเสร็จก็นวดองค์หญิงซิ่นหยางเบาๆ ให้ซึมเข้าผิวหนัง “เหตุใดจวงอวี้เหิงจึงยอมไปขโมยราชโองการให้ท่านโหวน้อยเล่า องค์หญิงไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลยหรือ จวงอวี้เหิงแตกหักกับราชครูจวง ทั้งเมืองหลวงไม่มีใครกล้ารับเขาไว้ มีเพียงท่านโหวน้อยของเราที่กล้า”
องค์หญิงซิ่นหยางเบ้ปาก
อวี้จิ่นเอ่ยต่อ “เข้าถึงสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้ คิดในสิ่งที่คนธรรมดาคิดไม่ได้ นี่เป็นความสามารถของท่านโหวน้อยเลยนะเพคะ ท่านโหวน้อยเป็นเด็กดีที่มีวิสัยทัศน์ มีแผนการ มีความกล้าหาญและปณิธาน”
องค์หญิงซิ่นหยางมีหรือจะไม่รู้ นางแค่อยากฟังคนอื่นชมลูกชายตัวเองก็เท่านั้น
อวี้จิ่นแย้มยิ้ม วางมือซ้ายนวลเนียนของนางไว้บนขาตัวเอง แล้วหยิบมือขวานางมา เริ่มทาบัวหิมะให้นางเบาๆ “แรกๆ ราชครูจวงสูญเสียแรงหนุนจากจวงไทเฮา จากนั้นก็เสียหมากอย่างหนิงอ๋องไป ยามนี้แม้แต่โอกาสเดียวในการพลิกสถานการณ์ก็หายวับไปแล้ว ข้าว่าตระกูลจวงจบสิ้นแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีก กลับเป็นคนแคว้นเยี่ยนนั่นที่ชวนให้ปวดหัวเสียมากกว่า องค์หญิงคิดจะทำเช่นไรเพคะ”
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยคล้ายกำลังคิดบางอย่างอยู่ “ข้าอยากยืมมีดฆ่าคน”
อวี้จิ่นตกตะลึงเล็กน้อย “องค์หญิงอยากยืมมีดผู้ใดหรือ”
องค์หญิงซิ่นหยางทอดพระเนตรมองตะวันชิงพลบนอกหน้าต่างอย่างเย็นชา “มีดของคนแคว้นเยี่ยน”
[1] กลศึกส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก กลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการโจมตีศัตรู จะต้องเตรียมการและบุกโจมตีในจุดที่ศัตรูต่างคาดไม่ถึง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ศัตรูตั้งรับได้ถูก โดยหลอกล่อศัตรูให้เกิดการหลงทิศกับการบุกโจมตีและนำกำลังทหารไปเฝ้าระวังผิดตำแหน่ง เกิดการหละหลวมต่อกำลังทหารและเปิดโอกาสให้สามารถเอาชนะได้โดยง่าย
[2] 阉 แปลว่า ตอน (ให้เป็นขันที) ออกเสียงพ้องกับ 腌 แปลว่าหมักดอง
—————————————–