ตอนที่ 716 รับไม่ไหว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 716 รับไม่ไหว

นั่นสินะ เขาออกคำสั่งลับ ไม่แม้แต่จะปรึกษากับขุนนางเก่าแก่อย่างหลู่เซียงเพราะกลัวว่าจะโดนขัดขวาง ไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน!

เมื่อฟางเหล่าเห็นสีหน้าของรัชทายาทก็รู้ทันทีว่ารัชทายาทไม่ได้ส่งคนไปบอกให้ไป๋ชิงเหยียนทราบ

“หากองค์ชายไม่ได้เป็นคนบอกให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทราบ อีกสักครู่องค์ชายได้โปรดสอบถามองค์หญิงเจิ้นกั๋วหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ดูว่านางจะอธิบายเรื่องนี้เช่นไร”

รัชทายาทกำหมัดแน่น “ฟางเหล่าคิดว่าข้างกายของเรามีคนขององค์หญิงเจิ้นกั๋วอยู่อย่างนั้นหรือ”

“กระหม่อมมิบังอาจคิดเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ…” ฟางเหล่าเริ่มเรียนรู้แล้ว เขาไม่กล้าว่าร้ายไป๋ชิงเหยียนต่อหน้ารัชทายาทอีก เขาทำเพียงชี้แนะให้รัชทายาทคิดตามเท่านั้น

“ทว่า กระหม่อมคิดว่ามันค่อนข้างแปลกที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วทราบเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ภายในโถงรับรองหลักเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงทรายในนาฬิกาทรายเท่านั้น

รัชทายาทหรี่ตาแคบพลางนึกถึงคนข้างกายของเขาทุกคน เขากำลังคาดเดาว่าคนข้างกายคนใดของเขาคือคนที่ไป๋ชิงเหยียนส่งมา

รัชทายาทคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าคนข้างกายเขาก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

เมื่อเห็นรัชทายาทก้มหน้าใช้ความคิด ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ฟางเหล่าจึงกล่าวต่อ

“องค์ชายยังไม่ต้องคิดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วส่งคนมาสอดแนมองค์ชายหรือไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่สำคัญกว่าคือในเมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วมีสูตรยารักษาโรคระบาด เหตุใดนางถึงไม่เอามาให้องค์ชายก่อน ทว่า กลับสั่งให้องครักษ์ไป๋นำสูตรยาไปยังเมืองหวาหยางและฉินไหวพ่ะย่ะค่ะ”

“ฟางเหล่าต้องการกล่าวสิ่งใดกันแน่” รัชทายาทขมวดคิ้วแน่น

“องค์ชายทรงลองคิดดูนะพ่ะย่ะค่ะ การคิดค้นสูตรยาและรักษาชาวบ้านจนหายจากโรคระบาดได้คือผลงานอันยิ่งใหญ่เพียงใดพ่ะย่ะค่ะ นั่นคือความดีความชอบที่จะถูกกล่าวขานไปอีกนับพันปีพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วสามารถสั่งให้องครักษ์ไป๋ไปยับยั้งคนของพระองค์ไม่ให้สังหารชาวบ้านหวาหยางและฉินไหวก่อนได้ จากนั้นนางค่อยให้คนนำสูตรยามามอบให้องค์ชาย ให้องค์ชายเป็นคนสร้างผลงานในครั้งนี้ องค์ชายเป็นถึงรัชทายาท องค์ชายต้องการชื่อเสียงและคุณธรรมเช่นนี้ก่อนขึ้นครองราชย์ ให้ชาวบ้านรับรู้ว่าองค์ชายคือโอรสแห่งสวรรค์ เป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกเขาให้รอดจากความตาย ทว่า องค์หญิงเจิ้นกั๋วกลับอยากมีชื่อจารึกไว้ในบันทึกเอง ไม่คิดถึงองค์ชายเลยสักนิด…”

สิ้นเสียงของฟางเหล่า เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนซึ่งสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวหนา ใบหน้าซีดเซียว เดินกุมหน้าอกข้ามธรณีประตูเข้ามาในโถงรับรองโดยมีเฉวียนอวี๋คอยประคอง

“ช่วงปลายปีของรัชศกชิ่งเต๋อปีที่สิบห้า เมืองเจียวโจวเกิดโรคระบาดขึ้น ทั่วทั้งแคว้นหวาดหวั่น ชาวบ้านอพยพหนีเอาตัวรอด! โรคระบาดแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หมอล้มตายมากมาย ทุกคนหลบหนีโรคนี้แทบไม่ทัน! ราชสำนักสั่งปิดเมือง เมืองเจียวโจวเต็มไปด้วยซากศพและกองกระดูกที่สูงเท่าภูเขา ท่านอาไป๋ซู่ชิวของข้าขอใช้คำสั่งทางทหารเดินทางไปยังเมืองเจียวโจว อาศัยวิชาแพทย์ของตัวเองช่วยเหลือชาวบ้าน! ท่านพ่อของข้านำกองทัพไป๋คุ้มกันท่านอาไปส่งยังเมืองเจียวโจว นางอยู่ในนั้นนานถึงเก้าสิบหกวัน! ในที่สุดก็ยุติโรคระบาดและช่วยชีวิตชาวบ้านให้หายจากโรคระบาดได้ ความดีความชอบเช่นนี้ยังไม่พอจารึกไว้ในบันทึกอีกหรือ! ตระกูลไป๋มีชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักไปทั่วใต้หล้า ข้าจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้สร้างชื่อเสียงให้ตระกูลไป๋อีกหรือ! ฟางเหล่าใจแคบเกินไปหรือไม่!”

กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนกุมหน้าอก งอตัวพลางไอออกมาอย่างรุนแรง

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” เฉวียนอวี๋ประคองไป๋ชิงเหยียนอย่างเป็นกังวล ขอบตาของเขาแดงก่ำ

เมื่อครู่เฉวียนอวี๋เตรียมพาคนออกไปรับไป๋ชิงเหยียนที่นอกเมือง นึกไม่ถึงว่าเขายังเดินไปไม่ถึงเรือนหน้าก็เห็นบ่าวรับใช้พาองค์หญิงเจิ้นกั๋วเข้ามาในจวนรัชทายาทเสียก่อน เฉวียนอวี๋รีบเข้าไปช่วยประคองไป๋ชิงเหยียน

หลายเดือนมานี้เฉวียนอวี๋อยู่ข้างกายรัชทายาทตลอดเวลา เขาย่อมรู้เรื่องที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วเกือบเอาชีวิตไม่รอดถึงสองครั้งเมื่อซั่วหยางย่างเข้าฤดูหนาว เมื่อได้พบหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋วอีกครั้งและเห็นว่าหญิงสาวซูบผอมลงถึงเพียงนี้ เฉวียนอวี๋รู้สึกปวดใจมาก ทว่า เขาไม่คิดเลยว่าเมื่อประคององค์หญิงเจิ้นกั๋วเดินเข้ามาในโถงรับรองจะได้ยินฟางเหล่ากล่าวให้ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วต่อหน้ารัชทายาทเช่นนี้อีก

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว” รัชทายาทคาดไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะมาถึงเร็วเพียงนี้

ไป๋ชิงเหยียนปล่อยมือจากเฉวียนอวี๋ จากนั้นโน้มกายทำความเคารพรัชทายาทอย่างยากลำบาก

“ไป๋ชิงเหยียนคารวะองค์รัชทายาทเพคะ”

รัชทายาทรีบเดินอ้อมโต๊ะเข้าไปประคองไป๋ชิงเหยียน

“ร่างกายเจ้าเป็นเช่นนี้เหตุใดยังต้องทำความเคารพอีก มานั่งพักก่อน!”

รัชทายาทประคองให้ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงด้วยตัวเอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

“เร็ว! รีบนำน้ำร้อนมาให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วเร็วเข้า!”

เมื่อสัมผัสไอเย็นจากร่างของไป๋ชิงเหยียน รัชทายาทจึงนึกขึ้นได้ว่าไป๋ชิงเหยียนทนหนาวไม่ได้ เขารีบกล่าวขึ้น “เฉวียนอวี๋ไปนำเตาผิงเข้ามาอีกสองสามเตา นำเตาอุ่นมือของเรามาให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย!”

เฉวียนอวี๋นำหมอนอิงไปสอดไว้ทางด้านหลังไป๋ชิงเหยียนที่กำลังนั่งหอบอยู่ จากนั้นยัดเตาอุ่นมือของรัชทายาทใส่มือของไป๋ชิงเหยียน

ลมหายใจของไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ เป็นปกติ หญิงสาวหันไปก้มศีรษะขอบคุณรัชทายาท

“ขอบพระทัยองค์ชายมากเพคะ”

เมื่อฟางเหล่าเห็นว่าทันทีที่รัชทายาทเห็นร่างที่ซูบผอมอ่อนแอและใบหน้าที่ไร้สีเลือดของไป๋ชิงเหยียน แววตาของรัชทายาทไม่มีความหวาดระแวงและสงสัยอีกต่อไป มีเพียงความกังวลเท่านั้น ฟางเหล่าจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

ฟางเหล่าลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมไม่ได้ใจแคบพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้ทุกคนต่างเป็นคนขององค์ชาย พวกเราต้องคิดและทำเพื่อองค์ชายตลอดเวลา ที่สำคัญตอนนี้องค์ชายยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ พระองค์กำลังต้องการชื่อเสียงอันดีงาม และถึงแม้องค์ชายจะขึ้นครองราชย์แล้ว พวกเราก็ควรช่วยองค์ชายสร้างชื่อเสียงที่อันดีงามที่จะถูกกล่าวขานไปอีกนับพันปีถึงจะถูกพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไปทางฟางเหล่า “ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งรู้ข่าวว่าท่านหมอหงคิดค้นสูตรยารักษาโรคระบาดสำเร็จแล้ว ยังไม่ทันได้สอบถามรายละเอียดจากท่านหมอหง คนที่รัชทายาทส่งมาบอกไป๋ชิงเหยียนว่าองค์รัชทายาททรงมีคำสั่งลับให้สังหารชาวบ้านหวาหยางและฉินไหวก็มาถึงจวนไป๋พอดี หากฟางเหล่าไม่เชื่อสามารถเรียกตัวคนส่งจดหมายมาสอบถามเรื่องนี้ดูก็ได้ ไป๋ชิงเหยียนให้คนเร่งเดินทางนำสูตรยาไปยังเมืองหวาหยางและฉินไหวโดยไม่หยุดพักก็เพราะคำนึงถึงชื่อเสียงขององค์ชาย มิเช่นนั้นหากไม่เห็นสูตรยา คนของรัชทายาทจะเชื่อคำขององครักษ์ไป๋อย่างนั้นหรือ!”

รัชทายาทสบตากับฟางเหล่าแวบหนึ่ง ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่ารัชทายาทเป็นคนสั่งให้คนไปบอกให้ไป๋ชิงเหยียนทราบเรื่องคำสั่งลับอย่างนั้นหรือ!

ไป๋ชิงเหยียนหอบหายใจแรง “บัดนี้องค์ชายทรงทำภารกิจแทนฝ่าบาท หากชาวบ้านที่ติดเชื้อในเมืองทั้งสองถูกสังหาร ผู้อื่นจะไม่สงสัยว่าเป็นฝีมือขององค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ ชื่อเสียงขององค์ชายคงถูกประณามไปอีกร้อยปี ฟางเหล่าเป็นคนสุขุมรอบคอบถึงเพียงนี้ เหตุใดเรื่องแค่นี้ถึงคิดไม่ได้กัน!”

ไป๋ชิงเหยียนไอออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดปาก ไอหนักจนใบหน้าซีดเผือด เมื่อเปิดผ้าเช็ดหน้าออก ในนั้นเต็มไปด้วยเลือดสด ริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนกลายเป็นสีม่วงช้ำ

เมื่อเฉวียนอวี๋เห็นรอยเลือดบนผ้าเช็ดหน้าของไป๋ชิงเหยียนก็หวาดกลัวทันที เขารีบคุกเข่าลง ก้มศีรษะคำนับรัชทายาทด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“องค์ชาย องค์หญิงเจิ้นกั๋วขี่ม้ามาจากเมืองซั่วหยางเพราะรีบร้อนอยากมาพบองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ หนทางลำบากมาก…ร่างกายของนางไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เร็ว…รีบไปตามหมอหลวงมา!” เมื่อรัชทายาทมองเห็นเลือดแดงบนผ้าเช็ดหน้าของไป๋ชิงเหยียน เขาจึงตะโกนเสียงดังลั่นอย่างตกใจ

“องค์ชาย…” ไป๋ชิงเหยียนรีบซ่อนผ้าเช็ดหน้าไว้ในแขนเสื้อราวกับกลัวว่ารัชทายาทจะมองเห็น หญิงสาวจับข้อของรัชทายาทพลางกล่าวเสียงอ่อนแรง

“องค์ชาย หม่อมฉันมิเป็นอันใดเพคะ ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้คนนำสูตรยาไปขัดขวางคนขององค์ชายโดยพลการ หม่อมฉันสมควรตาย ทว่า ต่อให้หม่อมฉันต้องตาย หม่อมฉันก็ไม่อาจปล่อยให้องค์ชายถูกตราหน้าว่าเป็นคนสังหารชาวบ้านของทั้งสองเมืองเพคะ…”