บทที่ 611 ใช้ประโยชน์เมื่อหลี่ฉางโซ่วอยู่ในอันตราย (1)
เขาอ่อนล้าทั้งทางอารมณ์และจิตใจ…
บ่อยครั้งหลังจากการระเบิดวิญญาณติดต่อกัน เขามักจะรู้สึกว่าสติอ่อนแอ มึนงงไปหมด และทั่วทั้งร่างว่างเปล่า
ปู่ใหญ่เจดีย์ถามอย่างเป็นห่วงจากใจจริงว่า “เป็นอันใดไป? เจ้าใช้พลังมากเกินไปหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจ
นั่นยังไม่พอ เวลานี้ ข้ายังพักผ่อนไม่ได้ ข้างนอกยังไม่ปลอดภัย แม้ข้าจะมีเจดีย์เสวียนหวงคอยปกป้องข้า แต่ข้าก็ยังต้องระวังตัวให้มากกว่านี้
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ท่องคาถาสงบใจอย่างเงียบๆ แล้วบีบเค้นพลังงานออกมา จากนั้นเขาก็แทบลืมตาไม่ขึ้น…
อา เส้นผมยาวสลวยนี้
นอกจากนี้ยังมีร่างสองร่างที่วางท่าเหมือนตัวละครในภาพยนตร์ยอดนิยมในชีวิตชาติก่อนของเขา คนหนึ่งกางแขนออกในขณะที่อีกคนหนึ่งก็โอบเอวคนตรงหน้าจากทางด้านหลัง และรู้สึกถึงลมที่กำลังพัดเข้ามาทางพวกเขา[1]
ประกอบกับแสงและเงาพร่ามัวยามนี้ ในขณะนั้นเอง มันช่างชวนให้เขาหวนนึกถึง…
“ม้าเอ๋ย แผงคอของเจ้าปลิวเข้าปากข้าแล้ว ม่อ!”
“วัว ระวังคำพูดของเจ้าหน่อย อย่าทำลายช่วงเวลาเช่นนี้! เป็นเรื่องยากที่ข้าจะได้ขี่มังกรบิน! ฮี้~”
หลี่ฉางโซ่วสะดุ้งด้วยความตกใจและสร่างเมาทันที เขาลุกขึ้นยืนเงียบๆ และเดินไปที่ขอบหลังของมังกร เขายกเท้าขึ้นอย่างสงบแล้วเตะหัววัวและหน้าม้าออกไป
“อ๋าวอี่ เราอยู่ที่ใดกันแล้ว?”
“เราได้เข้าสู่ทะเลอุดรแล้ว ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ท่านไม่อยากพักสักครู่หรือ?
อ๋าวอี่ที่กลายร่างเป็นมังกรครามเอ่ยถาม
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะช้าๆ และเดินเอามือไพล่หลัง ตรงไปที่หัวมังกร เขายืนอยู่ข้างๆ เขามังกรของอ๋าวอี่พลางมองดูโลกอันกว้างใหญ่ และอดยิ้มออกมาไม่ได้
เขาได้รับอะไรมากมายจากการต่อสู้ที่ภูเขาเหยาเซิง แต่เขาก็ต้องเสี่ยงอย่างมาก
ในอีกสองร้อยปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย ข้าต้องหยุดคิดวางแผนและปล่อยให้ ‘โชค’ ที่อาจเข้าข้างเขา หลุดลอยไป…
แม้ว่าเขาจะได้รับบุญมากมายจากการถูกปรมาจารย์เต๋าสวรรค์ลักพาตัวไป แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องแบกรับความเสี่ยงที่สอดคล้องกัน
องค์เง็กเซียนได้แบกรับกรรมส่วนใหญ่ของเผ่าปีศาจในครั้งนี้ ทว่าลู่หยาที่ยังไม่ถูกทำลายได้กลายเป็นอันตรายที่ซ่อนอยู่สำหรับหลี่ฉางโซ่วแล้ว… ข้าควรเพียงซ่อนตัวและฝึกบำเพ็ญไปเท่านั้น
เมื่อคิดพิจารณาให้ดีๆ ความจริงแล้ว ผลประโยชน์ที่ได้รับมากที่สุดในครั้งนี้นั้น ไม่ใช่บุญสองส่วนนี้ ทว่าเป็น…
ปรมาจารย์จอมปราชญ์ไท่ชิงได้เทศนา ถ่ายทอดเต๋าให้ข้าโดยตรง!
ในโลกบรรพกาล ผู้คนสามารถอ้างได้ว่าเป็นศิษย์ในนามของปรมาจารย์จอมปราชญ์หลังจากได้ฟังคำเทศนาเต๋าของปรมาจารย์จอมปราชญ์เพียงครั้งเดียว
แต่จอมปราชญ์ก็ได้ถ่ายทอดเต๋าให้เขาโดยตรงเช่นนั้น และยังให้ “คำสอนของบทคุณธรรมแห่งน้ำของไท่ชิง” แก่เขาอีกด้วย!
หากหลี่ฉางโซ่วเต็มใจ เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่า จอมปราชญ์เป็นอาจารย์ของเขาและเรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์ เขายังไม่ได้รับการยอมรับเป็นศิษย์ อย่างเป็นทางการ เขาคงยังทำไม่มากพอ
จงมั่นคงให้มากขึ้น
ถามใจข้า ถามธรรมชาติของข้า เข้าใจตัวเอง และแสวงหาความสงบสุข…
เรื่องของเผ่ามังกรได้รับการจัดการแล้ว ความโอหัง อวดอำนาจวางโตของเผ่าปีศาจได้ถูกกำราบลงแล้ว เรื่องของแดนยมโลกนั้นก็ค่อยๆ วางแผนไปได้
เวลาต่อจากนี้ เขาเพียงต้องย้ายยอดเขาหยกน้อยไปยังวังดุสิตโดยไม่มีใครสังเกตเห็น จากนั้น เขาก็จะอยู่ที่บ้านและทำความเข้าใจเต๋าใหญ่แห่งนิรกรรม
นั่นคือ รากฐานของการแข็งแกร่งขึ้น!
อ๋าวอี่ถามว่า “พี่ชาย ท่านต้องการให้พาทูตเกี่ยววิญญาณขึ้นมาหรือไม่ขอรับ?”
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่หัววัวและหน้าม้าซึ่งกำลังวิ่งบนผิวน้ำทะเลอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังห่างจากมังกรครามตัวน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ เขาส่ายศีรษะและขอให้มังกรน้อยบินย้อนวนกลับไปเป็นครึ่งวงกลม…
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น หลี่ฉางโซ่วยุ่งอยู่กับการระเบิดภูเขาเหยาเซิงและการชิงกระบี่ทำลายล้างมนุษย์ เขาแก้ปัญหาการมีบุตรยากในเผ่าเวทได้สำเร็จ โดยทั่วไปแล้ว เขาได้ประสบกับอันตรายและความยากลำบากมากมาย!
เมื่อเขามาถึงดินแดนเทวะอุดร เขาเห็นจอมเวทใหญ่ทั้งสี่ หลี่ฉางโซ่วหยิบผลึกบันทึกเหตุการณ์ออกมาและอธิบายแผนการของเผ่าปีศาจ เขายังหยิบกระบี่ทำลายล้างมนุษย์ที่สูญเสียการทำงานออกมาด้วย…
เหล่าจอมเวทใหญ่ผลัดกันถือกระบี่ทำลายล้างมนุษย์สลับกันไป ครั้นเมื่อพวกเขารู้สึกถึงร่องรอยของวิญญาณแท้ที่ล่วงลับไปแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนเดือดดาลจัด!
แน่นอนว่า เผ่าเวทย่อมรู้สึกขอบคุณหลี่ฉางโซ่ว ทว่าเผ่าเวทนั้นก็ยากจนและไม่อาจสร้างของขวัญที่เหมาะสมเพื่อขอบคุณเขาได้
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ได้สาบานเอาไว้แล้วว่าจะไม่ออกไปจากดินแดนเทวะอุดรอีก พวกเขาจึงไม่อาจทำงานให้หลี่ฉางโซ่วได้
ในขณะนั้น จอมเวทใหญ่จึงรู้สึกอึดอัดใจยิ่ง …
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ชาวเผ่าเวทอยู่ในสายการสืบสานของเทพผานกู่ ต่อให้พวกเขาจะทำอันใดผิดพลาด แต่เผ่าพันธุ์ของพวกเขาจะไม่ถูกทำลายจนสิ้นเผ่าพันธุ์ ข้าเพียงแค่ฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ และทำตามพระบัญชาขององค์เง็กเซียนเท่านั้น ในภายภาคหน้า ชาวเผ่าเวทจะเจริญรุ่งเรืองในดินแดนเทวะอุดรและทำให้ชายแดนทางตอนเหนือของดินแดนเทวะอุดรมั่นคง ซึ่งนั่นก็ช่วยให้ศาลสวรรค์คลายความกังวลไปได้มากอยู่แล้ว แล้วไยท่านต้องคิดมากกับการให้ของขวัญขอบคุณข้าด้วย?”
จอมเวทใหญ่ทั้งสี่ล้วนโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็โบกมือและจากไปอย่างสง่างาม
เป็นคน ต้องรู้จักพอ[2]
พวกเผ่าเวทยากจนมากพออยู่แล้ว หากยังไปทำร้าย ซ้ำเติมพวกเขาอีก มันคงไร้มนุษยธรรมมากเกินไป…
เนื่องจากจิตใจของเขาเหนื่อยล้าเกินไป หลี่ฉางโซ่วจึงปล่อยให้หัววัวและหน้าม้ารวมถึงเหล่าปรมาจารย์อีกหกคนของเผ่าเวทกลับไปที่แดนยมโลกด้วยตัวเอง
หลี่ฉางโซ่วขอให้อ๋าวอี่กลับไปที่ศาลสวรรค์และช่วยเขาขอลากับแม่ทัพตงมู่โดยบอกว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ เขาใช้ความพยายามทุ่มเทมากเกินไป จึงจำเป็นต้องพักผ่อนสักหนึ่งหรือสองเดือน…
หลังจากทำเช่นนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อรีบกลับไปที่สำนักตู้เซียน
ยิ่งเขาเข้าใกล้สำนักตู้เซียนมากเท่าใด หลี่ฉางโซ่วก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยล้ามากขึ้นเท่านั้น บัดนี้ความอ่อนล้าในใจก็ถาโถมเข้าใส่เขาราวกับกระแสน้ำซัดสาดรุนแรง
นั่นคือ ผลพวงที่ตามมาของการเปิดใช้งานค่ายกลระเบิดวิญญาณปีศาจดินสองระลอกติดต่อกัน แม้มันจะเป็นวิธีการที่เพียงพอ แต่ก็ส่งผลกระทบรุนแรงมาก
วิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นตัวคือ การพักผ่อนอย่างเต็มที่และนอนหลับให้สนิท
“ปู่ใหญ่เจดีย์ ท่านช่วยละเว้นกฎเกณฑ์เดิมๆ และปกป้องข้าเมื่อข้าพักผ่อนหลังจากนี้ได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา!”
จากนั้นคลื่นแห่งเจตจำนงวิญญาณก็ส่งมาจากเจดีย์เสวียนหวงว่า “ศิษย์น้อย จงหลับให้สบาย ไม่ต้องห่วง ต่อให้เจ้าจะนอนในรังปีศาจ เราก็จะไม่มีปัญหา!”
“ศิษย์น้อย การระเบิดวิญญาณของเจ้าดีขึ้นเรื่อยๆ! แม้ในตอนนี้ เจ้าจะยังทำร้ายพวกปรมาจารย์ที่แท้จริงไม่ได้ แต่นี่ก็นับว่าดีมากแล้ว!”
หลี่ฉางโซ่วพูดไม่ออก
บางที นี่อาจเป็นคำชม
ด้วยจิตตานุภาพที่แข็งแกร่งของเขา หลี่ฉางโซ่วก็ได้กลับสู่สำนักตู้เซียน แล้วกลับไปที่ยอดเขาหยกน้อยอย่างเงียบๆ
เส้นทางยาวร้อยลี้ ไปถึงเก้าสิบเพียงแค่ครึ่ง[3] ยิ่งเขาเดินทางเข้าใกล้ช่วงเวลา ‘สุดท้าย’ มากเท่าใด เขาก็ยิ่งยากจะมีกำลังใจและอดทนได้มากขึ้นเท่านั้น
เดิมทีหลี่ฉางโซ่วต้องการหามุมและใช้วิชาจำแลงกายเพื่อซ่อนตัวก่อนที่จะพักผ่อนเท่านั้น
ทว่าเมื่อเห็นเก้าอี้โยกของเขา จิตใจของเขาก็ไม่อาจเหนี่ยวรั้งตัวเองได้อีกต่อไป เขาเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไป แล้วเอนหลัง นอนลงไปเช่นนั้นทันที
ผลกระทบทางจิตใจของการระเบิดวิญญาณติดต่อกันห้าครั้งนั้นรุนแรงเกินไป คราวหน้าอย่าทำเช่นนี้อีกจะดีกว่า…
ในขณะนั้น เจดีย์เสวียนหวงก็เปล่งประกายแสงสว่างอ่อนๆ และปรากฏขึ้นเหนือปราณวิญญาณของหลี่ฉางโซ่ว แล้วปล่อยลมปราณเย็นๆ พัดโชยออกมาเพื่อช่วยให้หลี่ฉางโซ่วคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไปได้
ปราณวิญญาณตัวร้ายของหลี่ฉางโซ่วง่วงงุนเล็กน้อยแล้ว เขาปรารถนาจะขอบคุณปู่ใหญ่เจดีย์และดูว่า หลิงเอ๋อร์ฝึกบำเพ็ญเป็นอย่างไรแล้ว ทว่าขณะที่ความคิดโลดแล่นผ่านเข้ามาในหัวของเขา ปราณวิญญาณตัวร้ายของเขาก็ผล็อยหลับไป…
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกว่าเขาใช้ทรัพยากรฟุ่มเฟือยเกินไปที่ปล่อยให้เจดีย์เสวียนหวงซึ่งเปรียบได้กับสมบัติวิญญาณเซียนเทียนขั้นสูงสุด มาคอยเฝ้าปกป้องดูแลเขาในยามที่เขาหลับใหล
ในเวลานั้น เขานอนหลับไปและส่งเสียงกรนออกมาเบาๆ
ไม่นานต่อมา หลิงเอ๋อร์ซึ่งกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ที่ประตู ก็ถูกเสียงกรนนั้นดึงดูดทั้งที่นางได้ยินเพียงสองครั้ง นางจึงลืมตาขึ้นช้าๆ
ศิษย์พี่นอนหลับหรือ?!
ใบหน้าสวยของหลิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนเบาๆ และมองไปที่ร่างบนเก้าอี้โยก
หลังจากตั้งใจฟังให้ดีแล้ว นางก็รู้ว่าเสียงกรนนั้น มาจากปากและจมูกของร่างนี้จริงๆ!
“ศิษย์พี่?”
หลิงเอ๋อร์ยกมือขึ้น แล้วสะกิดหลังมือของหลี่ฉางโซ่วเบาๆ นางแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจในทันทีและรู้สึกตื้นตันใจยิ่ง!
นานกี่ปีแล้ว? ข้าได้สัมผัสร่างที่แท้จริงของศิษย์พี่อีกครั้ง!
ไม่ถูกต้อง…
นี่เป็นโอกาสที่ดี!
………………………………………………………………..