ตอนที่ 1461 โผล่หัวออกมา (3) / ตอนที่ 1462 โผล่หัวออกมา (4)
ตอนที่ 1461 โผล่หัวออกมา (3)
เยี่ยเจี๋ยที่เงียบสนิทอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินคำพูดของจวินอู๋เย่าก็เริ่มจางหายไปแทบจะทันที แล้วเปลี่ยนร่างเป็นเยี่ยกูที่ถูหมัดด้วยความคาดหวัง เตรียมพร้อมออกอาละวาด
“นายท่านวางใจได้ ถ้าพวกมันกล้าโผล่หัวออกมา ข้ารับประกันได้ว่าจะไม่มีใครรอดออกจากเมืองชิงเฟิงได้แม้แต่คนเดียว” เยี่ยกูมีสีหน้าตื่นเต้นกระหายเลือด ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพราตรี เขาอยู่เฝ้าพิทักษ์สุสานนานเกินไปแล้ว จึงโหยหาการสู้รบที่นองโลหิตและตื่นเต้น
จวินอู๋เย่ายิ้มและไม่พูดอะไรอีก
ด้านนอกหอพัก จวินอู๋เสียและบุรุษชุดดำกำลังเผชิญหน้ากัน ลั่วซีที่ตอนแรกหยิ่งผยองมาก พอได้เห็นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่ส่องสว่างอยู่บนร่างของจวินอู๋เสีย ก็หุบปากเงียบทันที แม้จะมีบุรุษชุดดำหนุนหลังอยู่ แต่เขาก็ไม่กล้าไปยั่วยุผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงตรงๆ!
“เจ้ามาจากตำหนักไหน” บุรุษชุดดำจ้องมองจวินอู๋เสีย เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครในสามโลกเบื้องล่างที่สามารถทะลวงเข้าสู่พลังขั้นสีม่วงได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แม้ว่าพลังวิญญาณขั้นสีม่วงจะสามารถรักษาความเยาว์วัยไว้ได้ แต่ก็ไม่ได้เยาว์วัยถึงขนาดนี้ แม้แต่ในสามโลกชั้นกลาง คนที่สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นสีม่วงตั้งแต่อายุน้อยแบบนี้ก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากมาก
“ตำหนักไหน” จวินอู๋เสียเหยียดยิ้มเย็นชา “ข้าไม่ได้มาจากตำหนักไหนทั้งนั้น ในโลกนี้ไม่ได้มีเพียงคนจากสิบสองตำหนักที่สามารถทำอะไรตามใจชอบได้ ดินแดนที่เท้าของเจ้าเหยียบอยู่นั้นเป็นของสามโลกเบื้องล่าง ไม่ใช่สถานที่ที่คนจากสามโลกชั้นกลางอย่างพวกเจ้าจะมายุ่งวุ่นวายได้!”
“พูดจาโอหัง! คิดว่าเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงแล้วยิ่งใหญ่นักหรืออย่างไร เดี๋ยวข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างพลังขั้นสีม่วงกับพลังขั้นสีม่วงเอง!” พอสิ้นเสียงของบุรุษชุดดำ เขาก็กลายเป็นแสงสีม่วงพุ่งตรงเข้าหาจวินอู๋เสียอย่างรวดเร็ว!
ร่างของจวินอู๋เสียก็กลายเป็นแสงสีม่วงในเวลาเดียวกัน
แสงจากพลังวิญญาณขั้นสีม่วงทั้งสองเป็นเหมือนกับสายฟ้าสองสายเข้าปะทะกันพาดผ่านกันไปมากลางอากาศภายใต้ท้องฟ้าโปร่ง!
แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงทั้งสองที่ต่อสู้กันอยู่ ทำให้ผู้ลี้ภัยที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก
ดวงตาหลายคู่ที่ซ่อนอยู่ในเงามืดเฝ้ามองการต่อสู้ครั้งใหญ่อย่างตั้งใจ และให้ความสนใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“เด็กคนนั้นมาจากไหน จากวิธีที่เขาพูด ฟังเหมือนเขาไม่ได้มาจากสิบสองตำหนัก หรือข้าควรจะพูดว่าฟังเหมือนเขาไม่ได้มาจากสามโลกชั้นกลางด้วยซ้ำ และเขาก็ยังเด็กมาก เป็นไปได้หรือว่าสามโลกเบื้องล่างก็สร้างอัจฉริยะปีศาจอย่างนี้ได้ด้วย” บุรุษคนหนึ่งขมวดคิ้วมองจวินอู๋เสียที่กำลังต่อสู้กับบุรุษชุดดำ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง การแบ่งเขตอำนาจในสามโลกเบื้องล่างจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ข้าเคยเจอบุรุษชุดดำคนนั้นมาก่อน เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ แม้ว่าพลังของเขาจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่เก่งที่สุด เขาก็ยังไม่ใช่คนที่พวกเราจะเอาชนะได้ แต่เด็กคนนั้นต่อสู้กับเขาได้อย่างไม่เสียเปรียบเลย แค่เรื่องนั้นอย่างเดียวก็ทำให้ข้าประหลาดใจมากแล้ว” บุรุษอีกคนพูดพลางลูบคาง
คนที่สามารถต่อสู้ได้เทียบเท่ากับผู้อาวุโสคนหนึ่งของสิบสองตำหนักนั้นพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก และคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองชิงเฟิงกลุ่มนี้ไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวใดๆ เพราะพวกเขาพบว่าตำหนักเปลวเพลิงปีศาจได้ส่งผู้อาวุโสคนหนึ่งของพวกเขามาดูแลสถานที่นี้
พวกเขามีกันอยู่แค่ไม่กี่คน ไม่สามารถเอาชนะผู้อาวุโสได้
ความคิดเดียวกันดูเหมือนจะผุดขึ้นภายในจิตใจของทุกคนที่มาจากสามโลกชั้นกลางซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเงามืด พวกเขาเฝ้ามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการผงาดขึ้นมาของสามโลกเบื้องล่าง!
บุรุษชุดดำและจวินอู๋เสียต่อสู้กันแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่ซัดกันไปแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยกระบวนท่า เขาคิดว่ากับคู่ต่อสู้อายุน้อยเช่นนี้ แม้ว่าจะทะลวงถึงขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงแล้ว แต่พลังก็คงยังไม่มั่นคง แต่หลังจากปะทะกันแล้ว ภัยคุกคามที่จวินอู๋เสียนำมาสู่เขานั้นเกินกว่าความคาดหมายของเขา!
ตอนที่ 1462 โผล่หัวออกมา (4)
การโจมตีที่ทรงพลังมาติดต่อกันโดยไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย!
บุรุษชุดดำรู้สึกประหลาดใจมาก ถ้าเขาไม่ได้เห็นหน้าของจวินอู๋เสียชัดๆ และรู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขายังอายุน้อย บุรุษชุดดำคงคิดว่าจวินอู๋เสียเป็นผู้อาวุโสจากตำหนักอื่นปลอมตัวมา
แต่บุรุษชุดดำไม่รู้ว่าถึงจวินอู๋เสียจะยังเด็ก แต่พรสวรรค์ของนางก็ท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ฝึกฝนอย่างเข้มงวดในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้พัก ความทุ่มเทของนางไม่ได้น้อยไปกว่าใครเลย
อีกสิ่งที่ผลักดันให้นางก้าวไปไกลเช่นนี้ นอกจากพรสวรรค์และความขยันทุ่มเทแล้ว ก็มาจากการที่นางได้ครอบครองของวิเศษที่มีอำนาจมากที่สุดซึ่งช่วยปกป้องและเสริมพลังของนาง บวกกับมีเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดและทรงพลังที่สุดของสามโลกชั้นกลางคอยชี้แนะการฝึกให้นางด้วยตัวเอง ปัจจัยสองอย่างนี้ทำให้พลังของจวินอู๋เสียพัฒนาและยกระดับไปได้ด้วยความเร็วเหนือคนอื่นๆ!
แสงจากพลังวิญญาณส่องสว่างแวบไปมาอย่างต่อเนื่อง เสียงปะทะกันดังกึกก้องจนทุกคนรู้สึกปวดแก้วหู
บุรุษชุดดำไม่เคยคิดฝันเลยว่า เขาซึ่งเป็นผู้อาวุโสแห่งตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ จะถูกผู้เยาว์คนหนึ่งจากสามโลกเบื้องล่างกดดันอย่างหนักถึงขนาดนี้
ตอนแรกเขาคิดว่าจะสามารถส่งจวินอู๋เสียลงนรกได้อย่างรวดเร็ว แต่หลังจากแลกหมัดกันนับไม่ถ้วน บุรุษชุดดำก็ตระหนักว่าเขาต้องเค้นเอาสามารถในการต่อสู้ทั้งหมดของเขาออกมา ตั้งแต่วันที่เขาได้เป็นผู้อาวุโสแห่งตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ เขาก็ไม่เคยเจอเรื่องน่าโมโหขนาดนี้มาก่อน!
สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นก็คือ เขาพบว่าการเคลื่อนไหวของเด็กนั่นลื่นไหลและแม่นยำมากขึ้นในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป การโจมตีก็เฉียบคมขึ้น พลังวิญญาณของคู่ต่อสู้ของเขาก็ดูเหมือนไม่รู้จักหมด การโจมตีทุกครั้งก็ดุร้ายขึ้นกว่าครั้งก่อน ขณะที่พลังวิญญาณของเขาถูกใช้หมดไปเรื่อยๆ ในใจของบุรุษชุดดำก็ร้อนรนกระวนกระวายมากขึ้นจนทำให้การเคลื่อนไหวของเขาปั่นป่วน
จวินอู๋เสียสังเกตเห็นทั้งหมด หลังจากบรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วง ระยะเวลาที่นางได้ใช้พลังก็สั้นมาก ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจพลังวิญญาณขั้นสีม่วงของนางอย่างถ่องแท้ แต่จากการต่อสู้ครั้งนี้ นางสามารถเติมเต็มช่องว่างที่นางไม่คุ้นเคยและทำให้มันราบรื่นขึ้น แทนที่จะพูดว่านางกำลังต่อสู้กับบุรุษชุดดำอย่างสุดความสามารถ พูดว่านางทำเหมือนคู่ต่อสู้เป็นคู่ฝึกซ้อมของนางจะดีกว่า ไม่เคยคิดที่จะจบการต่อสู้โดยเร็ว แต่กลับคงสถานการณ์ที่พวกเขาต่อสู้กันอย่างเท่าเทียมเอาไว้
เมื่อมาถึงจุดนี้ มันอาจจะไม่ชัดเจนสำหรับคนอื่นๆ ที่เฝ้าดูอยู่ แต่สำหรับกลุ่มคนจากสิบสองตำหนักที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองชิงเฟิง มันไม่มีอะไรจะชัดมากไปกว่านี้อีกแล้ว
มองเผินๆ เหมือนบุรุษชุดดำจะต่อสู้กับจวินอู๋เสียได้อย่างสูสี แต่พวกเขาทุกคนต่างเห็นว่าจวินอู๋เสียไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของนาง ดูเหมือนว่าเด็กนั่นกำลังเล่นกับคู่ต่อสู้ของเขา
“ไม่จำเป็นต้องดูต่อแล้ว กลับกันเถอะ คราวนี้ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจสูญเสียครั้งใหญ่ทีเดียว พอคิดว่าปีศาจร้ายกาจเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในสามโลกเบื้องล่าง ภารกิจของพวกเราในสามโลกเบื้องล่างนับแต่นี้ต่อไปต้องยากขึ้นอย่างแน่นอน” บุรุษคนหนึ่งที่ตัดสินใจว่าเขาเห็นมากพอแล้วพูดขึ้น ก่อนจะหันหลังจากไปทันที
แทนที่จะอยู่เสียเวลาที่นี่ สู้นำข่าวกลับไปบอกผู้อาวุโสที่ตำหนักจะดีกว่า
ไม่นาน คนของสิบสองตำหนักที่ซ่อนตัวอยู่ก็จากไปหมดอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น พวกเขาไม่รอให้จวินอู๋เสียพบพวกเขาและลากตัวพวกเขาออกมาฟาดฟันอย่างโหดเหี้ยม
ถึงอย่างไร…
พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับผู้อาวุโส ถ้าแม้แต่บุรุษชุดดำคนนั้นยังสู้จวินอู๋เสียไม่ได้ พวกเขาคงไม่มีทางสู้ได้เลย
ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างลับๆ โดยไม่มีใครรู้
สถานการณ์กำลังเลวร้ายลงสำหรับบุรุษชุดดำ แต่จู่ๆ จวินอู๋เสียก็ดูเหมือนจะพอแล้ว ตอนที่บุรุษชุดดำพยายามจะพลิกสถานการณ์ จวินอู๋เสียก็เพิ่มพลังวิญญาณของนางให้ขึ้นสู่จุดสูงสุดในชั่วพริบตา!
ด้วยการเตะที่รุนแรงและทรงพลังของนาง ทำให้บุรุษชุดดำพุ่งตรงไปที่พื้น!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น!
เมฆฝุ่นคละคลุ้งขึ้นมาอย่างมหาศาล…