บทที่ 613 น้อมพบเทพีหนี่วาในวังเซิ่งหมู่ (1)
ข้าควรทำอย่างไรดี? ข้ากำลังรออยู่บนเมฆ เรื่องมันเร่งด่วนทีเดียว!
บนเส้นทางเมฆของศาลสวรรค์ เปี้ยนจวงเผยรอยยิ้มอันอุ่นอยู่บนใบหน้าของเขา เขายังคงใช้เสียงบุรุษผู้มีเสน่ห์ของเขาเพื่อพูดคุยถึงสิ่งที่น่าสนใจในศาลสวรรค์
เห็นได้ชัดว่า เขาไม่สนใจเทพธิดาที่กำลังฟังอย่างอดทน ทว่าความจริงแล้ว เปี้ยนจวงกำลังเต็มไปด้วยความไม่สบายใจและวิตกกังวล
ข้าเป็นเพียงแค่มนุษย์เซียนเทียนตัวน้อยๆ ที่เพิ่งฝึกบำเพ็ญมานับพันปี แล้วไฉนข้าถึงต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ด้วย?
เมื่อเซียนสตรีประกาศชื่อของจอมปราชญ์ออกมา อักขระเต๋าของจอมปราชญ์ก็ปรากฏขึ้นบนร่างของนาง และดูเหมือนว่า เปี้ยนจวงจะเห็นลูกซิ่วฉิว[1]สีแดงแกว่งไกวไปมาเบาๆ ต่อหน้าต่อตาเขา…
ทันใดนั้น เปี้ยนจวงก็เข้าใจได้ทันทีว่า เซียนสตรีผู้นี้คือ “ทูต” ที่เป็นตัวแทนของจอมปราชญ์!
ตามกฎของศาลสวรรค์ เขาสามารถยับยั้งศิษย์ของจอมปราชญ์ได้ตามต้องการ แต่ไม่อาจหยุด “ทูต” ที่เป็นตัวแทนของคำบัญชาแห่งจอมปราชญ์ได้ พวกเขาเป็นตัวแทนของจอมปราชญ์โดยตรง!
เมื่อเขายืนยันตัวตนของเทพธิดาแล้ว รอยยิ้มของเปี้ยนจวงก็แข็งค้างไปทันที ความจริงแล้ว เขาคิดอะไรหลายอย่างจริงๆ…
เมื่อครึ่งเดือนก่อน เทพวารีได้วางแผนต่อต้านปีศาจและทำลายปีศาจได้นับแสนตน เขายังได้สังหารเหล่าปรมาจารย์เผ่าปีศาจที่รอดชีวิตมาจากสมัยโบราณ
ทุกคนในโลกบรรพกาลล้วนรู้ดีว่า ในสมัยโบราณนั้น เทพีหนี่วาและพี่ชายของนาง ฝูซี ได้เดินทางไปยังโลกบรรพกาล
ในเวลานั้น พวกเขาได้รับเชิญจากจักรพรรดิปีศาจให้เข้าร่วมกับเผ่าปีศาจ ซึ่งจักรพรรดิปีศาจเพิ่งเริ่มก่อตั้งศาลสวรรค์เผ่าปีศาจขึ้นมา และถือได้ว่าพวกเขาถือเป็นแขกรับเชิญของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
หลังจากที่ปีศาจถูกมนุษย์โค่นล้ม สมบัติสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ธงเชิญปีศาจ ก็ตกอยู่ในมือของเทพีหนี่วา และเทพีหนี่วายังปรากฏตัวเพื่อปกป้องเหล่าปีศาจและได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกมัน!
ในขณะนี้ เทพีหนี่วาได้ส่งคนมาเชิญเทพวารี…
หากเทพวารีไป เขาก็อาจจะกลับมาไม่ได้!
เขา เปี้ยนจวง ได้รับทุกสิ่งในวันนี้ได้อย่างไรเล่า? เป็นเทพวารีที่มอบให้เขาทั้งหมดไม่ใช่หรือ?
ในฐานะที่เป็นเซียน เขาต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ ในขณะนั้น เปี้ยนจวงทำได้ดีที่สุดเพียงแค่พยายามช่วยเทพวารีอย่างเต็มที่
ข้าจะช่วยได้อย่างไร?
ข้าจะทำอะไรได้อีก…
เปี้ยนจวงยิ้มและกล่าวว่า “เทพธิดา ดูสิ ทุ่งถั่วนี้เป็นที่ที่ข้าเคยเพาะปลูกเอาไว้ ตอนนี้มันเจริญเติบโตดีทีเดียว”
“ท่านแม่ทัพ นี่เป็นทางไปยังตำหนักเทพวารีจริงๆ หรือ?” เซียนสตรีถามพลางขมวดคิ้ว
เปี้ยนจวงกล่าวว่า “แน่นอน หลังจากที่เราผ่านสถานที่ข้างหน้าและบินต่อไปข้างหน้าแล้ว เราก็จะพบตำหนักเทพวารี… เทพธิดา ท่านรู้หรือไม่ว่าข้างหน้านี้คืออะไร?”
“ท่านแม่ทัพ ข้ายังพอรู้อยู่บ้าง” เซียนสตรีกล่าวอย่างจริงจังว่า “สถานที่แห่งนี้คือ วังดุสิต ซึ่งจอมปราชญ์ไท่ชิงได้กลายเป็นไท่ซ่างเหล่าจวิน ทว่าวันนี้ ข้ามาที่นี่ตามบัญชาแห่งเทพีหนี่วา ดังนั้นข้าจึงยังไม่สะดวกที่จะไปเยี่ยมเยียน”
“เทพธิดา ท่านช่างรอบรู้ยิ่งนัก!”
เปี้ยนจวงยกนิ้วโป้งให้พลางเอ่ยชื่นชม และกล่าวว่า “จอมปราชญ์เชิญเทพวารี! ย่อมเป็นเรื่องใหญ่! เราจะรอช้าไม่ได้แล้ว! เทพธิดาได้โปรด เราจะไปถึงตำหนักเทพวารีในไม่ช้าแล้ว”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว เปี้ยนจวงก็จงใจขี่เมฆและเดินไปรอบๆ วังดุสิต จากนั้น เขาก็พานางฟ้าไปที่มุมหนึ่งแล้วมุ่งหน้าไปยังตำหนักเทพวารี
นั่นเป็นแผนการยอดเยี่ยมเพียงอย่างเดียวที่ทำได้ชั่วระหนึ่งที่เปี้ยนจวงสามารถคิดได้ในอึดใจสุดท้าย
แม่ทัพสวรรค์ที่เฝ้าประตูอยู่ด้วยกันในตอนนี้ ต้องไปถึงหอสมบัติหลิงเซียวแล้ว …
การจงใจอ้อมไปรอบๆ วังดุสิตนั้น ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถแจ้งเรื่องกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หรือปรมาจารย์คนอื่นๆ แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินได้เท่านั้น ทว่าเขายังซื้อเวลาอย่างเพียงพอให้แม่ทัพสวรรค์คนอื่นๆ เพื่อไปรายงานเรื่องนี้ต่อองค์เง็กเซียนได้อีกด้วย!
เขาคือ รองผู้บัญชาการแห่งกองทัพเรือเทียนเหอที่พอมีไหวพริบเฉียบแหลมอยู่บ้าง
หลังจากนั้นไม่นาน ตำหนักเทพวารีก็ปรากฏให้เห็นในสายตา เซียนสตรีจากวังเทพีหนี่วาจึงกล่าวเบาๆ ว่า “ท่านแม่ทัพ เทพวารีผู้นี้มีบารมียิ่งใหญ่ในศาลสวรรค์มากหรือ?”
เปี้ยนจวงตกตะลึงแล้วเขายิ้มพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่า ท่านเทพวารีเป็นเช่นนั้น…”
“ท่านแม่ทัพ ท่านคิดมากเกินไป” เซียนสตรีกล่าวเบาๆ ว่า “เทพีหนี่วาส่งข้ามาเชิญท่านเทพวารี แล้วข้าจะปิดบังมันจากท่านปรมาจารย์ไท่ชิงได้อย่างไร?”
“นี่…”
เซียนสตรียังคงยิ้มและกล่าวต่อไปว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านซื่อสัตย์จงรักภักดีและน่าชื่นชมอย่างยิ่ง ทว่าขอท่านโปรดพาข้าไปพบท่านเทพวารีโดยเร็วด้วยเถิด หากขืนข้าทำหน้าที่ที่เทพีหนี่วามอบหมายให้ข้า ล่าช้าไป มันย่อมจะดูเป็นการไม่เคารพพระนาง”
“เฮ้ ใช่ ใช่ เช่นนั้น ตอนนี้เราไปกันเถิด เราจะไปถึงที่นั่นในไม่ช้า” เปี้ยนจวงปาดเหงื่อเย็นๆ ออกจากหน้าผากและไม่กล้าสร้างปัญหาอีกต่อไป จากนั้นเขาก็ขี่เมฆและมุ่งตรงไปยังตำหนักเทพวารี
ในเวลาเดียวกันนั้น…
ที่ด้านนอกหอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อย
มีระลอกคลื่นบางๆ เกิดขึ้นในจักรวาล ภาพลวงตาของแผนภาพไท่จี๋ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นช้าๆ และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็เดินเข้ามา
“หลับหรือ” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขมวดคิ้วและมองไปที่หลี่ฉางโซ่วซึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้โยก เขารู้สึกลำบากใจ
แน่นอนว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ย่อมรู้ว่า หลี่ฉางโซ่วเหนื่อยล้าทางจิตใจเนื่องจากการระเบิดทำลายภูเขาเหยาเซิง
เพราะในท้ายที่สุด เขาก็ได้ดู “การถ่ายทอดสด” การต่อสู้ระหว่างศาลสวรรค์กับเผ่าปีศาจผ่านแผนภาพไท่จี๋เป็นเวลาสองสามวัน
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วยังคงพักผ่อนอยู่ ทว่าตอนนี้เทพธิดาที่ราชินีจอมปราชญ์ส่งมา เกือบจะมาถึงตำหนักเทพวารีแล้ว…
ย่อมจะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไปหากจะปล่อยให้ทูตของราชินีจอมปราชญ์ต้องรอจนกว่าหลี่ฉางโซ่วจะตื่นขึ้น
“ฉางเกิง… ฉางโช่ว?”
คนที่นอนหลับใหลอยู่ไร้การตอบสนอง
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกำลังจะเรียกเขาอีกสองสามครั้ง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่งได้ จากนั้นกระบี่ยาวสามชุ่นก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้วแทงเข้าที่หลังมือของหลี่ฉางโซ่ว
หากกระบี่เล็กๆ แทงเขา เขาก็จะมีโอกาสสั่งสอนศิษย์น้องในอนาคตของเขาอย่างถูกต้อง!
กระบี่เล็กๆ เผยความคมเล็กน้อย แต่เมื่อมันบินไปรอบๆ หลี่ฉางโซ่วในระยะสามฉื่อ ก็เพียงพอที่จะทำร้ายหลี่ฉางโซ่วได้…
“นั่นใครกัน!?!” หลี่ฉางโซ่วลืมตาขึ้นและหายไปทันทีพร้อมกับเกิดเสียงดังโครมคราม!
ทันใดนั้นยอดเขาหยกน้อยก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้ามากมายมหาศาลได้ไหลเวียนอยู่ในภูเขา และฐานค่ายกลก็ส่องแสงสว่างขึ้นมากะทันหัน ทันที แล้วค่ายกลสังหารสิบแปดค่ายกล และค่ายกลกับดักสามค่ายกล ก็ถูกเปิดใช้งานพร้อมๆ กัน!
จากนั้นเขาก็มองไปที่สภาพแวดล้อมของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ อักขระเต๋าไหลเวียนและหยุด “วัตถุ” จากทั่วทุกทิศทาง ที่กำลังยิงตรงไปที่เขา
บางส่วนของวัตถุเหล่านี้ รวมถึงมีดอาบยาพิษหลายสิบเล่ม ยันต์วาดสายฟ้าสีม่วงดำระดับสุดยอดสองสามชิ้น แกนทองคำระเบิดสามชิ้น และรากฐานค่ายกลขนาดเล็กมากกว่าสิบฐาน…
………………………………………………………………..
[1] หรือลูกบอลแพรปักเป็นลูกทรงกลมที่ทำจากผ้าไหมประเภทหนึ่งถือเป็นสัญลักษณ์มงคลชนิดหนึ่งของจีน
—————————————-