ตอนที่ 719 หวาดระแวงเกินกว่าเหตุ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 719 หวาดระแวงเกินกว่าเหตุ

“เจ้าลุกขึ้นมาทำอันใด รีบนอนลงไปเดี๋ยวนี้!” หลิวซื่อรีบประคองไป๋ชิงเหยียนนอนลงตามเดิม

ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดสีขาวที่อยู่บนริมฝีปากทิ้ง จากนั้นกล่าวกับหลิวซื่อยิ้มๆ “แค่แสดงละครตบตาผู้อื่นเท่านั้น ท่านอาสะใภ้สองไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ”

เมื่อครู่หลิวซื่อตกใจจนเกือบร้องไห้ออกมา นางหยิบผ้าเช็ดหน้าไปจากมือของไป๋ชิงเหยียน ใช้นิ้วสัมผัสไปที่คราบขาวซึ่งติดอยู่บนผ้าเช็ดหน้าเบาๆ จึงรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนทาบางอย่างไว้ที่ริมฝีปากของตัวเอง “เจ้าเกือบทำอาหัวใจวายตายแล้ว”

หลิวซื่อเอ็ดไป๋ชิงเหยียนเบาๆ ทว่า นางรู้ดีว่าหากไม่จำเป็นจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางใช้วิธีเช่นนี้

“เหตุใดถึงไม่ส่งคนมาบอกล่วงหน้าก่อน อาจะได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม เจ้าทนหนาวไม่ได้ หากส่งคนมาแจ้งล่วงหน้า อาจะได้ให้คนจุดไฟในหลุมใต้ดินให้มากหน่อย” หลิวซื่อเช็ดปากให้ไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวไปด้วย

“เรื่องเกิดอย่างกะทันหันเจ้าค่ะ ท่านอาสะใภ้สองอย่างโกรธเลยนะเจ้าคะ ครั้งหน้าหากอาเป่ากลับมา อาเป่าจะส่งคนมาบอกล่วงหน้าแน่นอนเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลิวซื่อยิ้มๆ “ท่านอาสะใภ้สองช่วยข้าแสดงละครตบตาผู้อื่นด้วยนะเจ้าคะ”

“อาเข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!” หลิวซื่อตบไปที่หลังมือของไป๋ชิงเหยียนเบาๆ “เจ้าพักรักษาตัวที่เรือนชิงฮุยอย่างสบายใจเถิด บ่าวรับใช้ที่เจ้าทิ้งไว้ที่เรือนชิงฮุยล้วนเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์ เรื่องนี้ไม่มีทางเล็ดลอดออกไปภายนอกแน่นอน”

“ลำบากท่านอาสะใภ้สองแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลิวซื่อ

“เจ้ากล่าวอันใดเช่นนี้ อาช่วยได้แค่บางเรื่องเท่านั้น ภาระทั้งหมดของตระกูลไป๋ล้วนตกอยู่ที่เจ้า เจ้าต้องดูแลร่างกายของตัวเองให้ดี!” หลิวซื่อบีบมือไป๋ชิงเหยียนแน่น

เมื่อไป๋จิ่นซิ่วซึ่งอยู่ที่จวนฉินได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนกระอักเลือดที่จวนขององค์รัชทายาทก็เดาว่าคงเป็นแผนการของพี่หญิงใหญ่ ทว่า หญิงสาวก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี หญิงสาวยัดวั่งเกอใส่อ้อมแขนของฉินหล่างที่กำลังเตรียมตัวสอบชุนเหวยในวันมะรืน จากนั้นสั่งให้คนเตรียมรถม้าไปยังจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วทันที

ฉินหล่างเป็นกังวลเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มอุ้มวั่งเกอออกไปส่งไป๋จิ่นซิ่วที่หน้าประตูจวนพร้อมกล่าวกำชับ “หากอาการของพี่หญิงใหญ่ของเจ้าไม่สู้ดี วันนี้เจ้าไม่ต้องกลับมาที่จวนก็ได้ ข้าจะดูแลวั่งเกอให้ดี”

วั่งเกอเดาออกว่ามารดาของตัวเองจะออกไปด้านนอกจึงยื่นมือน้อยๆ ที่สวมกำไลอายุยืนของตัวเองออกไปหาไป๋จิ่นซิ่ว เมื่อเห็นว่ามารดาจับมือชุ่ยปี้ขึ้นไปบนรถม้าโดยไม่พาตนไปด้วย เสี่ยววั่งเกอจึงเบะปากร้องไห้ออกมาทันที

ไป๋จิ่นซิ่วแหวกม่านรถม้าออก มองดูวั่งเกอที่ร้องไห้พลางบิดตัวไปมาอยู่ในอ้อมกอดของฉินหล่างทั้งน้ำตา จากนั้นกล่าวขึ้น “วั่งเกอเป็นเด็กดี เดี๋ยวแม่จะรีบกลับมา…”

กล่าวจบไป๋จิ่นซิ่วข่มใจไม่หันไปมองวั่งเกอที่กำลังร้องไห้อีก หญิงสาวลดม่านลง จากนั้นสั่งให้คนบังคับม้าออกเดินทาง

เมื่อไป๋จิ่นซิ่วไปถึงหน้าจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วก็เห็นหลัวหมัวมัวซึ่งเป็นหมัวมัวข้างกายของมารดายืนรอรับนางอยู่หน้าจวน

“ฮูหยินสองเดาได้ว่าคุณหนูรองจะมาเจ้าค่ะ!” หลัวหมัวมัวก้าวไปด้านหน้า เมื่อไม่เห็นวั่งเกอจึงเอ่ยถาม “เหตุใดคุณหนูรองจึงไม่พาวั่งเกอมาด้วยเจ้าคะ”

ไป๋จิ่นซิ่วเดินจับชายกระโปรงเข้าไปในจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว “วั่งเกอมีฉินหล่างคอยดูแลอยู่ พี่หญิงใหญ่เป็นเช่นไรบ้าง”

“คุณหนูรองไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ไปดูที่เรือนชิงฮุยเถิดเจ้าค่ะ” หลัวหมัวประคองไป๋จิ่นซิ่วเดินเข้าไปด้านในพลางกล่าวเสียงเบา

ไป๋จิ่นซิ่วเดินเข้าไปในห้องของเรือนชิงฮุยอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเห็นพี่หญิงใหญ่ของตนนั่งทานนมหมักอยู่บนโต๊ะข้างเตียงจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ปลดเสื้อคลุมกันลมออก เดินไปผิงไฟไล่ความเย็นหน้าเตาผิง จากนั้นจึงเดินผ่านม่านเข้าไปด้านใน “พี่หญิงใหญ่…”

“นั่งลงเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก “พี่รู้ว่าเจ้าต้องมาทันทีที่รู้เรื่อง พาวั่งเกอมาด้วยหรือไม่”

เมื่อเห็นท่าทียิ้มๆ ของพี่หญิงใหญ่ ไป๋จิ่นซิ่วจึงรู้ทันทีว่าพี่หญิงใหญ่จงใจกระอักเลือดที่จวนองค์รัชทายาท

“ข้าฝากวั่งเกอไว้กับฉินหล่างเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วเท้าศอกลงบนโต๊ะเล็ก จากนั้นขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนพลางเอ่ยถาม “พี่หญิงใหญ่รีบร้อนมาที่เมืองหลวงเพราะเรื่องที่องค์รัชทายาทจะสังหารชาวบ้านของทั้งสองเมืองหรือเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “นอกจากนี้พี่ยังต้องการให้องค์รัชทายาทรับรู้ว่าพี่มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานเพราะช่วยชีวิตเขาเอาไว้จริงๆ เช่นนี้เขาจะได้ไม่ต้องหวาดระแวงเกินกว่าเหตุ”

“จิ่นซิ่วเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า จากนั้นเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา “ข้าสืบเรื่องคนในรายชื่อที่พี่หญิงใหญ่มอบให้ฟ่านอวี๋ไหวแล้วเจ้าค่ะ ฟ่านอวี๋ไหวจัดให้คนสองคนในรายชื่อรับตำแหน่งสำคัญในหน่วย ส่วนคนอื่นๆ ให้ไปรับตำแหน่งที่ไม่สำคัญอันใด ทว่า อีกเจ็ดคนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อกลับสร้างผลงานได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้มีสี่คนได้เลื่อนขั้นไปรับตำแหน่งสำคัญแล้วเจ้าค่ะ ดังนั้นตอนนี้จึงยังดูไม่ออกว่าฟ่านอวี๋ไหวจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาท ทว่า เป็นคนรอบคอบเฉยๆ หรือมีแผนอื่นกันแน่เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าพลางยิ้มออกมาบางๆ “ฟ่านอวี๋ไหวเป็นคนฉลาดจริงๆ เขาให้คนในรายชื่อรับตำแหน่งสำคัญสองคน เมื่อข้าถามถึง เขาจะได้อ้างได้ว่าไม่สามารถจัดคนทั้งหมดให้รับตำแหน่งสำคัญในคราวเดียวกันได้ ต้องค่อยๆ จัดสรร”

“พี่หญิงใหญ่หมายความว่าฟ่านอวี๋ไหวไม่ได้จงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทจริงๆ หรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วฟังออกทันที

“เหตุการณ์กบฏเพิ่งจบลงไม่นาน ตำแหน่งสำคัญในกองกำลังรักษาพระองค์ยังว่างอยู่อีกหลายตำแหน่ง เป็นโอกาสดีที่บรรดาตระกูลต่างๆ จะแทรกคนของตัวเองไปรับตำแหน่ง พี่เสนอให้ฟ่านอวี๋ไหวดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ อีกทั้งมอบรายชื่อคนอีกเจ็ดคนให้เขา ทว่า เขากลับเลือกเพียงสองคนเท่านั้น ส่วนสี่คนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อกลับได้เลื่อนขั้นให้รับตำแหน่งสำคัญ นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ เอนกายพิงหมอนอิง นิ้วมือจับพู่ของหมอนอิงเล่น กล่าวยิ้มๆ “หากพี่เดาไม่ผิด ในราชสำนักคงมีคนมีอำนาจอยากแทรกคนของตัวเองเข้าไปในกองกำลังรักษาพระองค์เช่นเดียวกับเรา ฟ่านอวี๋ไหวไม่อยากล่วงเกินผู้ใดทั้งสิ้นจึงช่วยผลักดันคนของทุกฝ่ายอย่างละคนสองคนเพื่อรักษาน้ำใจ ส่วนอีกหกคนที่พวกเราส่งไปอย่างลับๆ กลับถูกฟ่านอวี๋ไหวเลื่อนขั้นถึงสี่คน ฟ่านอวี๋ไหวคงอยากฝึกอบรมคนของตัวเองมากกว่า”

“บัดนี้ฟ่านอวี๋ไหวคือหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์แล้ว เขาอยากสร้างคนของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด” ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “โชคดีที่พี่หญิงใหญ่คาดการณ์ถูกจึงให้ลุงผิงส่งรายชื่อไปเพียงเจ็ดคนนะเจ้าคะ”

“จริงสิเจ้าคะ ก่อนหน้านี้องค์รัชทายาททรงตรัสว่าจะหาตัวคนร้ายที่ลอบสังหารพระองค์จนพี่หญิงใหญ่โดนธนูยิงเข้าที่กลางอกแทนพระองค์ให้เจอให้ได้ ปรากฏว่าพระองค์จับตัวทหารหน่วยกล้าตายของหลิ่วรั่วฟูได้ ทว่า ทหารหน่วยกล้าตายกลุ่มนั้นไม่ยอมรับว่าลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท สุดท้ายเรื่องจึงจบลงโดยการโยนความผิดทั้งหมดให้หลิ่วรั่วฟูไปเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาร้อนขึ้น จากนั้นเป่าไล่ไอร้อนในถ้วย “เสียนอ๋องร่วมมือกับเหลียงอ๋องก่อกบฏ เสียนอ๋องต้องการชีวิตขององค์รัชทายาทมากที่สุด องค์รัชทายาทรงปักใจเชื่อไปแล้วว่าหลิ่วรั่วฟูเป็นคนทำเรื่องนี้ ผลการสืบสวนจะเป็นเช่นไรไม่สำคัญ ในสายตาขององค์รัชทายาทการมีคนผิดและสรุปคดีได้เร็วที่สุดเพื่อทำให้ฮ่องเต้พอพระทัยสำคัญกว่าความจริงมากนัก”

“องค์รัชทายาท…” ไป๋จิ่นซิ่วเม้มปากแน่น จากนั้นกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก “ตั้งแต่ที่ฮ่องเต้พักรักษาอาการประชวรของตัวเองและมอบหมายงานในราชสำนักให้องค์รัชทายาทจัดการ องค์รัชทายาททรงขยันมากเพคะ ทว่า หกวันก่อนมีคนเห็นองค์รัชทายาทเสด็จไปยังซอยที่เต็มไปด้วยสถานเริงรมย์ เมื่อวานมีคนเห็นเกี้ยวจากหอนางโลมถูกแบกเข้าไปในจวนขององค์รัชทายาท ได้ยินว่าพระชายาเอกโมโหจนเกือบเจ็บท้องคลอดเจ้าค่ะ”