ตอนที่ 1465 การผงาดขึ้นมาของสามโลกเบื้องล่าง (1) / ตอนที่ 1466 การผงาดขึ้นมาของสามโลกเบื้องล่าง (2)
ตอนที่ 1465 การผงาดขึ้นมาของสามโลกเบื้องล่าง (1)
การสอบสวนดำเนินไปอย่างราบรื่น มันราบรื่นมากเสียจนจวินอู๋เสียอดคิดไม่ได้ว่าต่อจากนี้นางไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ผลักจวินอู๋เย่าออกไปอยู่ตรงหน้าคนจากสิบสองตำหนัก ก็ทำให้คนพวกนั้นรีบเข้ามาหมอบคลานเลียแข้งเลียขาพวกเขาแล้ว
แต่แน่นอนว่านางให้มันเป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น การที่จวินอู๋เย่าไม่เปิดเผยตัวตนของเขามาตลอดเวลานั้นได้บอกนางแล้วว่าเขามีเหตุผลของเขาที่ทำเช่นนั้น ยิ่งกว่านั้นจวินอู๋เสียก็ไม่อยากพึ่งพาคนอื่นมากนัก
จากปากคำของบุรุษชุดดำ นางได้รู้ว่าพวกเขาก็เหมือนบุรุษสองคนที่เทือกเขาเมฆา พวกเขามาจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ และพิษที่พวกเขาบังคับให้เข้าสู่ร่างกายของผู้ลี้ภัยนั้นแตกต่างจากที่รัฐจิ้ว พิษที่พวกเขาใช้ในตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นพิเศษจากพิษที่ใช้ก่อนหน้านี้
ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจใช้ความพยายามอย่างมากในการโจมตีครั้งนี้ เนื่องจากสามโลกชั้นกลางไม่ค่อยสงบสุขเท่าไรนัก ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจอยากใช้โอกาสนี้เสริมอำนาจและตำแหน่งของพวกเขาเพื่อที่จะเหนือกว่าอีกสิบเอ็ดตำหนัก จากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจโจมตีสามโลกเบื้องล่าง หลังจากที่พวกเขารวมสามโลกเบื้องล่างให้เป็นหนึ่งและควบคุมมันได้ พวกเขาก็จะสามารถผูกขาดการค้นหาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิและขัดขวางตำหนักอื่นๆ ไม่ให้ทำภารกิจที่นี่ได้
“สามโลกชั้นกลางไม่ค่อยสงบสุขแล้ว หมายความว่าอย่างไร” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วด้วยความสนใจ
บุรุษชุดดำอธิบายให้นางฟังอย่างตรงไปตรงมา
สามโลกชั้นกลางถูกแบ่งออกเป็น หนึ่งภูมิ สี่โลก เก้าวัง และสิบสองตำหนัก แต่เพราะดินแดนเทพมารปลีกตัวถือสันโดษ หลายปีผ่านไปอำนาจที่เคยสมดุลก็ค่อยๆ พังทลายลง สิบสองตำหนักพยายามที่จะเอาชนะอำนาจของเก้าวัง และเก้าวังก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดยั้งพวกเขา ทำให้สิบสองตำหนักยิ่งอุกอาจมากขึ้น
นอกจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจแล้ว ตำหนักอื่นๆ ก็มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นเช่นกัน แค่วิธีการและจุดประสงค์ของพวกเขาแตกต่างกันเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจในหมู่สิบสองตำหนักนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ทำให้พวกเขากล้าที่จะสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่เช่นนี้ ขณะที่ตำหนักอื่นๆ ทำได้แค่เคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ
สี่โลกมีความมั่นคงมาโดยตลอด และยังคงไม่ยุ่งกับเรื่องทางโลก ขณะที่เก้าวังจะควบคุมสิบสองตำหนักเอาไว้เสมอ ตำหนักแต่ละแห่งได้รวบรวมความแข็งแกร่งเพื่อเตรียมพร้อมที่จะกำราบเก้าวังเป็นการตอบโต้ หลังจากที่ดินแดนเทพมารปิดตัวเองไป คนที่จะแย่งตำแหน่งสูงสุดก็มีเพียงสิบสองตำหนักกับเก้าวังเท่านั้น สี่โลกไม่เคยมีบทบาทอะไรและไม่เคยมีส่วนร่วมในความขัดแย้งใดๆ
ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจต้องการให้ตัวเองได้เปรียบในรอบนี้ แต่จวินอู๋เสียก็ปรากฏตัวขึ้นมาขัดขวางแผนการใหญ่ของพวกเขา
บุรุษชุดดำเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้ตามความเป็นจริง เมื่อจวินอู๋เสียส่งเขาไปพบจุดจบ แววตาของเขาก็แสดงความโล่งใจแฝงด้วยความรู้สึกถูกปลดปล่อย
“ดูเหมือนว่าสามโลกชั้นกลางก็วุ่นวายอยู่เหมือนกัน” เยี่ยเม่ยกล่าวอย่างเศร้าใจ ไม่ได้กลับไปนาน เขาไม่รู้จริงๆ ว่าสามโลกชั้นกลางเปลี่ยนไปเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
“นี่เป็นโอกาสดีสำหรับเราไม่ใช่หรือ” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาส่องประกายเย็นชา ตอนแรกนางอยากแข็งแกร่งเพื่อปกป้องตัวเองและคนที่นางห่วงใย ตอนนี้นางมีพลังแล้ว แต่สิ่งที่อยู่ในสายตานางตอนนี้ ไม่ใช่แค่ความปลอดภัยของนางเพียงคนเดียว
ในขณะที่สิบสองตำหนักกำลังพยายามยึดครองสามโลกชั้นกลาง พวกเขาก็ลากเอาสามโลกเบื้องล่างเข้าไปในแผนของพวกเขาด้วย สามโลกเบื้องล่างตอนนี้ไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านสามโลกชั้นกลาง แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่อยากเอาตัวไปเปื้อนน้ำโคลนพวกนี้ แต่ตระกูลของนางยังอยู่ที่สามโลกเบื้องล่าง หลังจากได้เห็นสิ่งที่สามโลกชั้นกลางทำกับผู้คนในสามโลกเบื้องล่างเหมือนเป็นแค่เบี้ย นางก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“ในเมื่อสามโลกชั้นกลางอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำไม…ไม่นับพวกเราสามโลกเบื้องล่างเข้าไปด้วยเล่า” จวินอู๋เสียยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัว
จวินอู๋เย่าเลิกคิ้วและหันมามองจวินอู๋เสีย “เจ้าคิดจะทำอะไร”
จวินอู๋เสียตอบว่า “ไม่มีอะไรมาก แค่ทำให้พวกเขาไม่เห็นคนจากสามโลกเบื้องล่างเป็นมดปลวกที่สามารถกำจัดได้ตามใจชอบอีกต่อไป ก็แค่นั้น”
ตอนที่ 1466 การผงาดขึ้นมาของสามโลกเบื้องล่าง (2)
แผนการที่ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจกำลังดำเนินการอยู่ถูกจวินอู๋เสียทำลาย ทุกอย่างในเมืองชิงเฟิงกลับสู่สภาวะปกติ เจ้าเมืองถูกเรียกพามาตรงหน้าจวินอู๋เสีย และจวินอู๋เสียได้ให้บทเรียนที่ลืมไม่ลงกับเขาจนเขาสาบานว่าจะปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบของเขา และจะเอาสมบัติเงินทองทั้งหมดที่เขาฮุบไว้ก่อนหน้านี้ออกมาช่วยเหลือผู้ลี้ภัย การจำกัดการอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยเข้ามาเมืองมาได้วันละแค่สามร้อยคนก็ถูกยกเลิก ผู้ลี้ภัยจำนวนมากจึงหลั่งไหลเข้ามาในเมือง
ในขณะที่ผู้ลี้ภัยทางเหนือของเมืองทุกคนยังคงรู้สึกขอบคุณในความเมตตากรุณาของจวินอู๋เสีย พวกเขาทั้งหมดไม่รู้เลยว่าผู้มีพระคุณของพวกเขาได้เดินทางกลับบ้านแล้ว
แหล่งที่มาของพวกคนพิษล่มสลายลงแล้ว จำนวนคนพิษจึงไม่เพิ่มขึ้นอีก จวินอู๋เสีย จวินอู๋เย่า และคนของเขาก็พาตัวเองเข้าไปในสนามรบใหญ่เพื่อกวาดล้างกองทัพคนพิษให้สิ้นซาก
ทั่วทั้งสามโลกเบื้องล่างต่างได้รับรายงานถึงชัยชนะ รัฐต่างๆ รวมพลังกันต่อสู้กับศัตรู เมื่อไม่มีผู้บงการอยู่เบื้องหลังแล้ว พวกคนพิษก็เหมือนมดที่สูญเสียหนวด ไม่สามารถรวมตัวกันเป็นกองกำลังที่มีประสิทธิภาพได้ กองทัพของรัฐต่างๆ ใช้โอกาสที่ได้รับชัยชนะไล่ตามกวาดล้างพวกคนพิษให้หมดสิ้นไปจากสามโลกเบื้องล่าง
สงครามนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ กินเวลาตลอดทั้งปี จนกระทั่งคนพิษคนสุดท้ายถูกกำจัด ทุกคนจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หายนะที่เกิดขึ้นได้ทำลายความสงบสุขที่สามโลกเบื้องล่างเคยมี การแบ่งเขตอำนาจระหว่างรัฐต่างๆ ก็ปั่นป่วนยุ่งเหยิงไปหมด
หลายรัฐต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนักถึงขนาดที่ผู้ครองรัฐก็ยังตายไปในการต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีรัฐเล็กๆ อีกจำนวนหนึ่งที่ถูกพวกคนพิษกวาดล้างจนล่มสลาย ชัยชนะที่ได้มายังทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับบาดแผลมากมายที่สงครามได้ทิ้งเอาไว้
เดิมทีรัฐต่างๆ ที่กระจายกันอยู่ในสามโลกมีจำนวนมากกว่าร้อยรัฐ แต่หลังจากถูกกองทัพคนพิษรุกราน ก็เหลือรัฐอยู่ไม่ถึงครึ่งของจำนวนเดิม แม้ว่าผู้ครองรัฐจะยังอยู่ แต่รัฐของพวกเขาก็เปลี่ยนไปจนจำไม่ได้แล้วจากสงครามที่ดุเดือด พวกคนพิษถูกสร้างขึ้นโดยมีประชาชนของพวกเขาเป็นพื้นฐาน นั่นหมายความว่าทั้งคนพิษที่ตายและทหารที่ถูกฆ่าในสงครามล้วนเป็นคนของสามโลกเบื้องล่าง ดังนั้น นี่จึงเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่ทำลายความสงบสุขที่มีมาอย่างช้านานของสามโลกเบื้องล่าง
ในส่วนที่เกี่ยวกับสถานการณ์นั้น พันธมิตรสามรัฐซึ่งมีรัฐเหยียนเป็นผู้นำ ได้ริเริ่มส่งคำเชิญไปยังผู้ครองรัฐทุกรัฐ เชิญพวกเขามารวมตัวกันที่เมืองหลวงของรัฐเหยียน
หลังจากผ่านความหายนะครั้งใหญ่นี้ ทุกรัฐที่โชคดียังรอดอยู่ได้นั้น เกือบทั้งหมดล้วนได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังสนับสนุนของพันธมิตรสามรัฐ ความไว้วางใจที่พวกเขามีต่อพันธมิตรสามรัฐในตอนนี้จึงมากกว่าที่พวกเขาเคยให้กับรัฐอื่นๆ ในอดีต
ผู้ครองรัฐทุกคนในสามโลกเบื้องล่างมารวมตัวกันที่เมืองหลวงของรัฐเหยียน พวกเขาอยู่ในเมืองตลอดเจ็ดวัน ในเจ็ดวันนั้นสิ่งที่ผู้ครองรัฐได้ฟังและได้เห็นนั้นไม่มีผู้อื่นได้ล่วงรู้
สิ่งเดียวที่ทุกคนทั่วโลกรู้ก็คือ นับตั้งแต่การประชุมเจ็ดวันสิ้นสุดลง โฉมหน้าของสามโลกเบื้องล่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
หลังจากผู้ครองรัฐทุกคนกลับไปยังรัฐของตัวเอง พวกเขาก็ประกาศทันทีว่าพวกเขาได้สละสิทธิ์และอำนาจเหนือรัฐของตนทั้งหมด รัฐต่างๆ จะไม่มีอยู่อีกต่อไป นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ก็มีเพียงประเทศเดียวในสายตาของทุกคนในสามโลกเบื้องล่าง ดินแดนแห่งการอุบัติ
สามโลกเบื้องล่างถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวโดยที่ไม่มีการแบ่งแยกรัฐอีกต่อไป ผู้ครองรัฐเดิมของแต่ละรัฐจะละทิ้งมงกุฏผู้ครองรัฐ และกลายเป็นผู้อาวุโสในดินแดนแห่งการอุบัติ
ในขณะเดียวกัน ตัวตนของผู้นำดินแดนแห่งการอุบัตินั้นลึกลับมาก ทั้งสามโลกเบื้องล่างรู้เพียงว่าพวกเขายังมีผู้ปกครองคนเดียว แต่ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร
ในตอนที่ดินแดนแห่งการอุบัติเกิดขึ้นมา คนของสามโลกเบื้องล่างก็ได้รับข่าวที่น่าประหลาดใจมาก พวกเขาทุกคนจะมีโอกาสได้สัมผัสกับพลังของพลังวิญญาณขั้นสีม่วง!
เคล็ดทักษะที่ลึกลับอย่างหนึ่งได้กระจายไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วสามโลกเบื้องล่าง ความลับที่ครั้งหนึ่งเคยรู้กันเฉพาะในสามโลกชั้นกลางเท่านั้นถูกเปิดออกให้ทุกคนในสามโลกเบื้องล่างได้รู้
สามโลกเบื้องล่างกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ และทั้งหมดนี้สามโลกชั้นกลางก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลย เนื่องจากสามโลกชั้นกลางเองก็กำลังเจอกับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน