บทที่ 692 เพื่อนคนเดียว

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ทันทีที่พูดออกมา พิชิตก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบได้เงียบลง ไร้เสียงใดๆ

และเขาเอง ก็ราวกับว่าวิญญาณหลุดออกไป รู้สึกแข็งทื่อ มือที่กำโทรศัพท์อยู่ ก็ปล่อยโดยที่ไม่รู้ตัว โทรศัพท์ร่วงลงมาจากมือ ตกลงบนพื้น ทำให้เกิดเสียงที่แตกกระจาย

เสียงนี้ เมื่อมารุตได้ยิน ก็ตะโกนขึ้น “คุณหมอพิชิต?คุณหมอพิชิต?”

พิชิตไม่ตอบอะไร ยังคงยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม ใบหน้าเต็มไปด้วยการตกใจและสับสน

นวิยา……ตายแล้ว……

ผ่านไปสักพัก พิชิตก็ตอบสนองกลับที่มารุตพูดเมื่อครู่ นวิยาตายแล้ว!

นวิยาตายแล้วจริงๆ !

ร่างกายพิชิตสั่นสะท้าน ในที่สุดก็พยุงตัวไม่อยู่ เข่าทั้งสองข้างอ่อนลง จนกระแทกลงไป คลุกเข้าอยู่บนพื้น หลังจากนั้นก็กุมไปที่หัว ตะโกนออกมาราวกับจะขาดใจ “อ้าอ้าอ้า!”

เห็นได้ชัดว่าเขานั้น รับไม่ได้ที่ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้

ถึงแม้เขาจะรู้ว่าจุดจบของนวิยาไม่สามารถหนีความตายได้ สะกดจิตตัวเองทุกวัน เพื่อให้ตัวเองเตรียมใจไว้

แต่ทว่าเขาไม่คิดว่า วันนั้นมันจะมาถึงไวขนาดนี้ เขายังลืมเธอไม่ได้ และยังไม่ได้เตรียมใจ

น้ำตาเม็ดใหญ่ของพิชิตร่วงลงมา ร่างกายสั่นไปทั้งตัว

ทั้งหมอพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลเห็นเข้า ก็รีบเข้ามาถาม “คุณหมอพิชิต เป็นอะไรไปคะ?ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

พิชิตไม่ตอบสักคำถาม เขาเอื้อมมือไปสัมผัสที่พื้นอย่างสั่นเทา คลำหาโทรศัพท์ แนบโทรศัพท์ไว้ที่ข้างหูแล้วถามมารุตด้วยน้ำเสียงสั่น “มารุต นายบอกฉันมา ว่านายโกหกฉันอยู่ นายกำลังโกหกฉันอยู่ใช่ไหม?นวิยาไม่ได้ตายใช่ไหม?”

มารุตหลับตา ถอนหายใจ “ขอโทษครับคุณหมอพิชิต ผมเข้าใจความรู้สึกหมอ แต่ผมไม่ได้โกหกหมอครับ นวิยาตายแล้วจริงๆ ศพของเธอ ถูกไปโรงพยาบาลรุ้งจรัสครับ”

โรงพยาบาลรุ้งจรัส คือโรงพยาบาลที่พงศกรเคยทำงานอยู่

ได้ยินที่มารุตพูด หัวใจของพิชิตราวกับว่ามีคนมาคว้าและบีบไว้แน่น เจ็บปวดเหลือเกิน เหมือนจะหายใจไม่ออก

เขากำโทรศัพท์แน่น “ทำไม?ทำไมถึงเร็วขนาดนี้ พวกนายฆ่าเธอใช่ไหม?”

เขารู้มาตลอด ว่านัทธีไม่ได้วางแผนจะส่งนวิยาให้ตำรวจ วางแผนจะแก้แค้นเองกับมือต่างหาก

ดังนั้นนัทธีฆ่านวิยามีความเป็นไปได้สูงที่สุดแล้ว

มารุตขมวดคิ้ว “คุณหมอ คุณเข้าใจพวกเราผิดแล้วครับ พวกเราอยากฆ่าเธอจริง แต่เราไม่ได้ทำจริงๆ ครับ เธอฆ่าตัวตาย”

“ฆ่าตัวตาย?” ม่านตาของพิชิตหดลง “จะเป็นไปได้ยังไง…..นวิยาจะฆ่าตัวตายได้ยังไง!”

“เรื่องเป็นแบบนี้ครับ คุณนวิยาฆ่าตัวตายจริงๆ เธอรู้ว่าเราไม่ปล่อยเธอไปแน่ แล้วก็รู้ว่าตัวเองถึงทางตัน เธอเลยฆ่าตัวเองตายครับ คุณหมอพิชิตรักเธอขนาดนั้น คุณน่าจะรู้นิสัยเธอดีนะครับ หยิ่งยโส ถือตัวเองดีเป็นที่ตั้ง คนแบบนี้ จะยอมถูกคนอื่นจัดการได้ยังไงกันครับ?” มารุตพูด

พิชิตอ้าปากค้าง พูดไม่ออก

เพราะอย่างที่มารุตพูด นวิยาหยิ่งยโส ถือตัวเองเป็นที่ตั้ง ต่อให้ถึงทางตันจริงๆ ก็ไม่มีทางยอมเอาชีวิตตัวเองให้คนอื่นไปจัดการ จึงทำได้แค่จบชีวิตตัวเอง

ดังนั้นนวิยาฆ่าตัวตายจริงๆ !

เมื่อตระหนักได้อย่างนี้ พิชิตก็ไม่พูดอะไรต่อ ก้มหัวต่ำลง ทำให้คนอื่นมองเห็นสีหน้าเขาไม่ได้ชัด

แต่เสียงสะอื้นของเขา กลับเผยให้เห็นว่าเขากำลังร้องไห้

มารุตก็ได้ยินเช่นกัน นอกจากถอนหายใจแล้ว เขาก็ทำอย่างอื่นไม่ได้

เขารู้ว่าทำไมพิชิตถึงได้ร้องไห้เสียใจขนาดนี้ คนที่รักสุดหัวใจตายไป จะไม่เสียใจเหรอ?

ถึงแม้ตอนนั้นคุณหมอพิชิตจะบอกว่าไม่ได้รักนวิยาแล้ว และจะไม่มาเจอนวิยาอีก แต่ช่วงเวลาสั้นๆ แค่นี้ คุณหมอพิชิตจะตัดได้เร็วขนาดนั้นได้ที่ไหนกัน

เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินว่านวิยาตายแล้ว ถึงได้กลายเป็นอารมณ์แบบนี้

คิดเท่านี้ มารุตก็ผลักแว่น แล้วปลอบเขา “คุณหมอพิชิต ผมรู้ว่าหมอเสียใจ แต่ตอนนนี้เธอได้ตายไปแล้ว หมอ……เลิกเศร้าไหม?”

“เลิกเศร้า?” พิชิตเสียงต่ำหัวเราะเยาะตัวเอง

เขาจะเลิกเศร้าได้ไง คนรักจากไปนะ จะให้เขามีความสุขเหรอ?

“นายบอกว่า ตอนนี้นวิยาอยู่โรงพยาบาลรุ้งจรัสใช่ไหม?” พิชิตยืนขึ้น ถามด้วยเสียงที่แหบ

มารุตพยักหน้า “ใช่ครับ ส่งไปห้องดับจิตโรงพยาบาลรุ้งจรัสเมื่อไม่นานมานี้เอง”

พิชิตไม่ถามต่อ แล้วกดวางโทรศัพท์ หลังจากนั้นก็ถอดแว่นออกมาเช็ดน้ำตา แล้ววิ่งไปที่ลิฟต์ ชุดผ่าตัดที่สวมอยู่ก็ไม่ได้เปลี่ยน รีบวิ่งออกจากโรงพยาบาลไป นั่งแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลรุ้งจรัส

อีกฝั่ง มารุตเห็นว่าโทรศัพท์ถูกตัดสาย ใบหน้าไม่ได้แปลกใจนัก

ตอนที่พิชิตถามว่านวิยาอยู่ที่ไหน เขาก็เดาผลลัพธ์ออก

เชื่อว่าตอนนี้ คุณหมอพิชิต พี่ได้กำลังเดินทางไปโรงพยาบาลรุ้งจรัส

มารุต ถอนหายใจ แล้วนำเรื่องนี้ไปบอกนัทธี

วารุณีที่เพิ่งจะอาบน้ำออกมา เห็นนัทธีเปลี่ยนจากชุดนอน เป็นชุดไปรเวท อดไม่ได้ที่จะตะลึง “ที่รัก ดึกขนาดนี้แล้ว คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ?”

ตอนนี้มันใกล้เวลานอนแล้ว อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้า นอกจากจะออกไปข้างนอก เธอก็นึกไม่ออกแล้วว่าเขาจะทำอะไร

นัทธียกคางขึ้น ไม่ปิดบัง “พิชิตรู้แล้วนวิยาตาย มารุตบอกว่าความรู้สึกพิชิตพังทลาย ตอนนี้พิชิตไปโรงพยาบาลรุ้งจรัสแล้ว เห็นศพของนวิยาแล้ว ผมกลัวเขาจะทำเรื่องโง่ๆ เลยว่าจะไปดูสักหน่อย”

ถึงแม้ว่าเขาจะแตกหักกับพิชิตแล้ว แต่ท้ายสุดก็คือเพื่อนกันตั้งแต่ยังเด็ก

เขาไม่สนใจพิชิตไม่ได้จริงๆ

วารุณีพูดขึ้นอย่างฉับพลัน “อย่างนี้นี่เอง งั้นฉันไปด้วยค่ะ”

“คุณอยู่บ้านเถอะ ข้างนอกมันหนาวเกินไป ผมจะรีบกลับ” นัทธีเดินไปตรงหน้าเธอ เอื้อมมือออกไป ลูบเบาๆ ที่หัวของเธอ

วารุณีมองที่เขา “งั้นก็ได้ค่ะ คุณไปคนเดียว ถ้าคุณหมอพิชิตลงไม้ลงมือคุณจะทำยังไง?”

นวิยาตายไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะฆ่าตัวตาย แต่ก็เป็นเรื่องยากที่พิชิตจะไม่ระบายอารมณ์โกรธใส่เขา

นัทธีหรี่ตาลง พ่นลมอย่างเย็นชา “สบายใจเถอะ เขาตัวเล็กอย่างนั้น จะตีใครได้?”

ไม่ใช่ว่าเขาอวดดี พิชิตเตี้ยกว่าเขาอยู่ครึ่งหัว รูปร่างก็บางกว่าเขา ไม่มีทางต่อกรกับเขาได้อยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เขาต่อสู้เป็น พิชิตไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่แล้ว

ได้ยินที่นัทธีพูด วารุณีนึกได้ว่าเขาเล่นมุก ก็ยิ้มออกมาย่างอดไม่ได้ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็ไปเถอะค่ะ รีบไปรีบกลับ ฉันรอคุณอยู่ที่บ้าน”

“อื้ม” นัทธีพยักหน้า แล้วเกี่ยวเข้าที่ท้ายทอยของเธอ จูบลงบนริมฝีปากของเธอ แล้วออกจากห้องไป

เขาออกไปได้ไม่นาน ป้าส้มก็ยกนมขึ้นมาให้ “คุณผู้หญิง คุณผู้ชายจะออกไปไหนเหรอคะ?”

“ไปหาพิชิต เขาเป็นห่วงว่าพิชิตจะทำเรื่องโง่ๆน่ะ” วารุณีรับนมแล้วพูด

ป้าส้มพยักหน้า “แบบนี้นี่เอง งั้นไม่แปลกใจหรอกค่ะ คุณหมอพิชิต เป็นเพื่อนคนเดียวของคุณผู้ชายนี่คะ”

“คนเดียว?” วารุณีเลิกคิ้ว “นัทธีไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนเหรอ?”

เธอแสดงความรู้สึกแปลกใจมาก

เธอรู้ว่าพิชิตเป็นเพื่อนของนัทธี แต่ไม่คิดว่า จะเป็นคนเดียว

ยังไงช่วงเวลาแห่งการเติบโตของทุกคน ก็ต้องมีเพื่อนสักสองสามคน ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเพื่อนพวกนี้จะกลายเป็นคนแปลกหน้า แต่อย่างน้อยก็ต้องมีสักสองสามคน

แต่กับนัทธีตั้งแต่เล็กจนโต มีแค่พิชิตคนเดียว

“ใช่ค่ะ คนเดียว คุณผู้ชายนอกจากคุณหมอพิชิตแล้ว ก็ไม่มีเพื่อนคนอื่นอีก เพราะคุณผู้ชายโตกว่าวัน แถมนิสัยเย็นชา คะแนนดีเยี่ยม แล้วก็ไม่ชอบเล่นกับเพื่อนที่รุ่นราวอายุคราวเดียวกัน มีแต่พวกลูกคุณหนูอยากเล่นกับคุณผู้ชาย”

พูดเท่านี้ ป้าส้มก็ถอนหายใจ “แต่คุณผู้ชายเย็นชาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ที่สำคัญที่สุดคือ คุณผู้ชายยอดเยี่ยมเกินไป พ่อแม่ของพวกลูกคุณหนู ชอบเอาพวกเขามาเปรียบเทียบกับคุณชาย เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ พวกลูกคุณหนู ก็เลยค่อยๆ ตีออกห่างคุณชาย”