บทที่ 616 เทพธิดาริมสระ (2)
ติ๋ง…
ราวกับเสียงของน้ำกำลังหยด และจักรวาลโดยรอบก็ถูกยืดขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขต แล้วร่างของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ พื้นฉากในโถง และบัลลังก์ของราชินีจอมปราชญ์หนี่วาก็หายไปในเวลาเดียวกัน เหลือเพียงหลี่ฉางโซ่วเท่านั้นที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเตี้ย และพื้นที่รอบข้างของเขาก็ว่างเปล่า
เขาเงยหน้ามองขึ้นไปทางบัลลังก์ของจอมปราชญ์ มีศาลาตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเดี่ยว ซึ่งดำรงอยู่ในความว่างเปล่าขาวโพลน มันคือ ศาลาบนเกาะที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้
หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และรู้สึกได้ว่ามีคำว่า “อันตราย” นองเลือด ได้ถูกสลักเอาไว้อยู่บนหน้าผากของเขา!
หลี่ฉางโซ่วไม่อาจรับรู้ถึงอักขระเต๋าของแผนภาพไท่จี๋ หรือตำแหน่งที่อยู่ของท่านปู่เจดีย์ได้ เขามองเข้าไปในตัวของเขาเอง และพบว่า ปราณวิญญาณของเขาแทบจะถูกตรึงแข็งค้างแล้ว…
สถานะของเขาในตอนนี้ ดูราวกับว่า จิตใจของเขาจะถูกกักขัง ติดอยู่ในห้วงเวลาอันน้อยนิด
แน่นอนว่า การยอมจำนนต่อชะตากรรมไม่เคยเป็นคติประจำชีวิตของเขา แม้ในเวลานี้ เขาจะตอบโต้ไม่ได้ ต้องตั้งรับอย่างสิ้นเชิง แต่เขาก็ยังหาโอกาสที่จะพลิกกลับสถานการณ์ได้
เขากระทำมานานมากแล้ว แต่เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะทำผิดพลาด…
อะไรอยู่ในกล่องผ้า? อะไรจะทำให้เขา ปรมาจารย์เต๋าน้อยได้สูญเสียความสำรวมไปในทันที?
ง่ายมาก มันเป็นไพ่หนึ่งใบ
‘ไพ่ตายใบใหญ่ที่สุด’…เป็นไพ่เด็ดในการเล่นไพ่ในชีวิตชาติก่อนของเขา ที่ถูกเรียกว่า ไพ่ต้ากุ่ย[1]
ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็เป็นรายการของที่สงวนเอาไว้สำหรับยอดเขาหยกน้อย ซึ่งเป็น “ไพ่เซียนจิน” ในศึกสู้มหาเทพ!
คนฉลาดคิดใคร่ครวญพันครั้ง ย่อมต้องมีพลาดหนึ่งครั้ง[2] จอมปราชญ์หนี่วานั้น เก่งกาจสุดยอดมากจริงๆ นางสามารถเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในใจของเขาได้ และรู้ว่าเขาจะต้องแสร้งทำเป็นโง่งมที่หน้าศาลาโดยไม่เอาไพ่ใบนั้นออกมาอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่า นางได้ถอยหลังไปหนึ่งก้าวในตอนแรก และจากนั้นก็ลงมือโจมตีหลี่ฉางโซ่วอย่างรุนแรงปางตาย ทำให้เขาสติแตกภายใต้สถานการณ์ที่เปราะบาง!
เมื่อหลี่ฉางโซ่วสูญเสียการควบคุมสีหน้าท่าทีของเขาเอง เขาก็พ่ายแพ้ในรอบนี้…
แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังรู้สึกว่า ไม่ใช่เรื่องน่าอายเกินไปนักที่จะพ่ายแพ้ให้จอมปราชญ์…
หากเขาสามารถกลับไปมีชีวิตได้ เขาจะคัดลอกพระสูตรมั่นคงสักสองสามพันจบ
หลี่ฉางโซ่วเข้าใจได้โดยธรรมชาติ
เมื่อเขาจัดการกับการถามคำถามสามข้อจากราชินีจอมปราชญ์ที่หน้าศาลา เขาก็ไม่ควรทำผิดพลาดมากเกินไป…ทว่าราชินีจอมปราชญ์ก็ได้ยืนยันมั่นใจแล้วว่า เขามาจากอีกที่หนึ่ง
ในเวลานั้น ราชินีจอมปราชญ์เพียงกำลังพิสูจน์ยืนยันว่า เขาคือคนที่นางกำลังมองหาหรือไม่…
ในขณะนั้น ศาลาค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นช้าๆ แล้วหลี่ฉางโซ่วก็ลุกยืนขึ้น ราวกับว่าจิตใจของเขากำลังล่องลอยเรื่อยไปในความว่างเปล่า และปราณวิญญาณของเขาก็ได้หลุดลอยออกจากร่างของเขาไปแล้ว เขารู้สึกว่า เขาเบาราวขนนก และสัมผัสไม่ได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขาเอง
ราชินีจอมปราชญ์ไม่ได้สังหารเขาโดยตรง ดังนั้นจึงน่าจะมีโอกาสที่เขาจะพลิกกลับมาได้ในเรื่องนี้ เขาได้ยินเสียงของหนี่วาที่ข้างหูของเขา คราวนี้ นางไม่มีอักขระเต๋าลึกลับและไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกมากนัก
มันราวกับว่า นางได้เปลี่ยนเป็นคนอีกคนหนึ่ง โนเวล-พีดีเอฟ
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อเจ้า แม้สถานการณ์ของเจ้าจะพิเศษ แต่ปราณก็ไม่ได้แตกต่างจากปราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เจ้าสามารถกลายเป็นเซียนและมีชีวิตตลอดไปได้ เพราะเจ้าได้รับการยอมรับจากเต๋าสวรรค์แล้ว
แน่นอนว่า เต๋าสวรรค์ย่อมรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของเจ้า ในฐานะที่เคยเป็นผู้สร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก่อน ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เข้ามาเถิด”
และพร้อมด้วยเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ทันใดนั้นก็มีศาลามาถึงด้านหน้าของหลี่ฉางโซ่ว จากนั้นประตูไม้สองบานก็ค่อยๆ เปิดออก แล้วเผยให้เห็นการจัดวาง ตกแต่งสิ่งต่างๆ ภายในนั้น
มันปูด้วยพรมโทนสีอบอุ่น ผ้าม่านแขวนอยู่ทั่วทุกที่ ที่ด้านหนึ่ง มีสระน้ำซึ่งเต็มไปด้วยแสงอาทิตย์ที่แผ่ปกคลุมอยู่อย่างหนาทึบ มีชั้นวางตำราสองชั้นอยู่ข้างๆ มัน มีผลไม้และอาหารรสเลิศต่างๆ หลากหลายที่วางกระจายอยู่บนพื้น
เวลานี้ ในสระน้ำที่เต็มไปด้วยแสงเจิดจ้า มีเทพธิดาในชุดเสื้อคลุมหลวมๆ เปล่งแสงสีทองเบาบางออกมาทั่วทั้งร่าง…
นางกำลังนอนกอดหมอนยาวนุ่มๆ ในอ้อมแขน อยู่ข้างสระ หางงูสีสันสดใสของนางซ่อนอยู่ในสระ นางนอนยันคางของนางอยู่บนมือซ้ายเรียวยาวของนางในขณะที่มือขวาของนางกำลังพลิกดูตำราที่ห่อหุ้มด้วยแสงเซียน และนางก็หาวออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย
พระมารดา พระมารดาศักดิ์สิทธิ์หนี่วา?
มีเสียงน้ำให้ได้ยินบ้างเล็กน้อย และราชินีจอมปราชญ์ก็กล่าวออกมาโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองว่า “การมีอุบายที่ไม่ดี ก็ยังดีกว่าที่ไม่มีอุบาย จงอย่ารู้สึกต่ำต้อยเพียงเพราะเจ้าไม่ได้มาจากโลกบรรพกาล
ปราณของสิ่งมีชีวิตนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่า เป็นเพียงการสั่นสะท้อนที่ได้ระดับกันระหว่างวิญญาณแท้และเต๋าใหญ่”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน …
คำพูดเหล่านั้นมีเต๋าใหญ่แห่งชีวิต แต่หลี่ฉางโซ่วไม่มีอารมณ์ที่จะทำความเข้าใจในขณะนี้
ลูกกระเดือกของหลี่ฉางโซ่วกระดกขึ้น แล้วเขาก็เอ่ยถามเบาๆ ว่า “สหายบ้านเดียวกัน[3]?”
เทพธิดาริมสระน้ำกล่าวอย่างสงบว่า “ไม่ใช่ พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนแห่งโลกบรรพกาล”
หลี่ฉางโซ่วกระตุกมุมปากเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “แล้วท่าน…”
“เจ้าฉลาดมาก เจ้าต้องเดาได้มาก่อนแล้วว่า ข้าสัมผัสกับตัวแปรเช่นเจ้าได้”
พระมารดาศักดิ์สิทธิ์หนี่วาหยิบจอกแก้วที่ด้านข้างแล้วดูดหลอดหยกเบาๆ พลางส่งเสียงโฮ่โฮ่ ออกมาสองสามครั้ง
หลี่ฉางโซ่วพูดไม่ออก …
ไฉนจู่ๆ ข้าถึงรู้สึกว่ากำลังพูดคุยอยู่กับลูกพี่ลูกน้องที่อยู่บ้านตลอดทั้งปีในชีวิตชาติก่อนของข้า!?!
“ท่านปรมาจารย์…”
“เรียกข้าว่า พระมารดาศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่ชอบถูกเรียกว่าปรมาจารย์
นอกจากนี้ แม้ข้าจะเป็นมนุษย์ แต่ข้าก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเจ้า อย่าเรียกข้าว่า ท่านยาย มารดา บรรพบุรุษของเจ้าโดยตรง มันจะทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดอยู่สักหน่อย ”
“อา พระมารดาศักดิ์สิทธิ์…”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่าตัวเขาเองกำลังจะแตกแยกออก!
เขาฝืนบังคับตนให้สงบสติอารมณ์ลง และก้มศีรษะลงพลางกล่าวว่า “ท่านคงไม่ได้เรียกศิษย์มาที่นี่เพียงเพื่อจะทำให้ศิษย์หวาดกลัวเท่านั้น ศิษย์ยังอยากขอให้พระมารดาศักดิ์สิทธิ์โปรดบอกศิษย์มาให้ชัดเจนด้วยเถิดขอรับ”
“แน่นอน ข้าเสี่ยงที่จะถูกศิษย์พี่ไท่ชิงตำหนิที่เรียกเจ้ามาที่นี่ ดังนั้นข้าย่อมมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ” พระมารดาศักดิ์สิทธิ์กล่าว
จากนั้นนางก็ชี้ไปที่ชั้นวางตำราข้างๆ นางอย่างไม่ใส่ใจ แล้วตำราสองสามเล่มก็ตกลงมาวางอยู่ตรงหน้าหลี่ฉางโซ่ว
ความจริงแล้ว ตำราเหล่านี้ ล้วนทำมาจากกระดาษเยื่อไม้วิญญาณซึ่งมีพลังแห่งชีวิตที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต!
หากสิ่งเหล่านี้ถูกสร้างเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์!
เฮ่ย วิกฤตยังไม่แก้ไข แล้วไยยังคิดถึงลูกท้ออีก…
หลี่ฉางโซ่วเปิดตำราเหล่านี้ออก และก็พบว่าพวกมันล้วนว่างเปล่าทั้งหมด…
“สถานที่แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยพลังเวทของข้า ข้าอยู่ที่นี่มาเป็นร้อยปีแล้ว และข้าก็อยู่ข้างนอกเพียงขณะเดียวเท่านั้น”
จอมปราชญ์หนี่วากล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นว่า “จงเขียนเรื่องราวให้สมบูรณ์และยอดเยี่ยมที่สุดออกมา แล้วข้าจะไม่เอาความให้เจ้ารับผิดที่เจ้าหลอกลวงข้าในวันนี้”
“เรื่องราวหรือขอรับ?” หลี่ฉางโซ่วรู้สึกงงงวยจริงๆ
“เจ้าสามารถเขียนบันทึกการเดินทางท่องเที่ยวหรือวาดภาพได้ เจ้าต้องมีตัวละครมากกว่านี้ และเรื่องราวต้องมีความขัดแย้งที่เข้มข้นรุนแรง
ดีที่สุดหากมันไม่อาจคาดคิดได้และสมเหตุสมผล โครงเรื่องควรสมเหตุสมผลและเหมาะสม เพียงเท่านั้น ก็ถือว่าเป็น ผลงานชิ้นเอกได้แล้ว”
เทพธิดาที่อยู่ริมสระน้ำอธิบายอย่างจริงจัง แล้วเชิดคางขึ้นเล็กน้อยไปทางชั้นวางตำราพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องเขียนเรื่องที่เคยเขียนมาก่อนให้ซ้ำซาก”
หน้าผากของหลี่ฉางโซ่วเต็มไปด้วยเส้นสายสีดำและเงียบงันทันที จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงพร้อมกับก้าวเดินไป
ชั้นวางตำรานี่มันอันใดกัน!?!
………………………………………………………………..
[1] ความจริงแล้ว ไพ่ตายใบใหญ่ที่สุดหรือไพ่เอซใหญ่ เป็นไพ่ที่มีสัญญาลักษณ์เดียวที่มีอยู่ด้วยกันสีชนิดคือ ไพ่โพธิ์ดำ ไพ่โพธิ์แดง ไพ่ข้าวหลามตัด ไพ่ดอกจิก ซึ่งในเกมไพ่ส่วนใหญ่จะถือว่ามีคะแนนสูงสุด เป็นไพ่ตัวกินที่ทำให้ชนะขาด แต่ในที่นี้ ไพ่ตายใบใหญ่ที่สุดนี้จะเป็นไพ่ต้ากุ่ย ซึ่งเปรียบได้ดั่งไพ่โจ๊กเกอร์ใหญ่ ซึ่งจะแทนไพ่ที่มีแต้มสูงสุดได้เช่นกัน
[2] หมายถึงแม้คนฉลาดจะใช้ความคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนในการแก้ปัญหาแล้ว แต่ก็ยังอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้
[3] หมายถึงมาจากที่เดียวกัน บ้านเดียวกัน หมู่บ้านเดียวกัน
—————————————-