ตอนที่ 723 ลงโทษ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 723 ลงโทษ

“ต่อมาเหวินเจวียนเปลี่ยนใจไปรักผู้อื่น…นางหลอกข้าว่าต้องการให้ข้าไปช่วยอธิบายให้ฝูอันเจ๋อเข้าใจ ทว่า สุดท้ายนางกลับจัดฉากใส่ร้ายข้ากับฝูอันเจ๋อ ข้าตัดสินใจปล่อยให้เรื่องเลยตามเลยเพราะอยากได้คู่ครองที่ดีและสมหวังในความรักกับฝูอันเจ๋อเจ้าค่ะ”

ต่งถิงฟางกล่าวเสียงสะอื้น จากนั้นร้องไห้ออกมาเบาๆ “ทว่า ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเหวินเจวียนจะเป็นคนชอบตีสองหน้า นางหลงรักชายอื่นแต่กลับบอกกับฝูอันเจ๋อว่าข้าเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมดเพื่อรักษาภาพลักษณ์กุลสตรีที่ดีของตัวเองเอาไว้เจ้าค่ะ แม้ภายนอกฝูอันเจ๋อจะดูเป็นคนฉลาด ทว่า แท้จริงแล้วเขาเป็นคนหูหนวกตาบอดเจ้าค่ะ เขาเชื่อคำกล่าวของเหวินเจวียนฝ่ายเดียว เขาคิดว่าข้าเป็นบุตรอนุที่หวังสูงอยากเป็นดองกับตระกูลฝู เป็นคนทำลายความรักอันดีงามของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางชอบหน้าข้าเจ้าค่ะ”

บุตรสาวอนุอย่างนางไม่คู่ควรกับบุตรภรรยาเอกของครอบครัวบุตรชายคนโตของตระกูลฝู ทว่า บิดาของนางคือต้าหลี่ซื่อชิง อีกทั้งนางเป็นญาติผู้น้องของไป๋ชิงเหยียนแห่งตระกูลไป๋ ตระกูลฝูจึงฝืนยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ ต่อมาไป๋ชิงเหยียนได้รับแต่งตั้งเป็นองค์หญิง ตระกูลฝูจึงรู้สึกพอใจกับการแต่งงานในครั้งนี้ขึ้นมาทันที

“มารดาของฝูอันเจ๋อเห็นว่าพี่หญิงคือองค์หญิงเจิ้นกั๋ว…เอาแต่คิดอยากให้ข้าขอร้องให้พี่หญิงช่วยสนับสนุนอนาคตของฝูอันเจ๋อ ข้าต่งถิงฟางเป็นเพียงบุตรอนุ ไม่ได้สนิทสนมกับพี่หญิงเท่ากับต่งถิงเจิน ต่อให้ข้าสนิทสนมกับพี่หญิงเหมือนกับถิงเจิน ข้าก็ไม่อยากถูกแม่สามีหลอกใช้เช่นนี้เจ้าค่ะ! ข้ายิ่งกลัวว่าหากข้าแต่งงานไปแล้ว เมื่อตระกูลฝูพบว่าข้าไม่สามารถช่วยสนับสนุนอนาคตของฝูอันเจ๋อได้ ชีวิตของข้าจะยิ่งทรมานมากกว่าเดิมเจ้าค่ะ หากถิงฟางต้องใช้ชีวิตเช่นนั้น ข้ายินดีแต่งงานกับชาวไร่ชาวนาดีกว่าเจ้าค่ะ”

สิ่งที่ต่งถิงฟางกล่าวออกมาในวันนี้ล้วนออกมาจากใจ หญิงสาวเก็บงำถ้อยคำเหล่านี้มานานแล้ว นางไม่สามารถระบายให้อี๋เหนียงที่ทำเป็นแต่ร้องไห้ฟังได้ ยิ่งไม่อาจบอกให้บิดาที่เอาแต่ตวาดนางฟังได้ แน่นอนว่านางไม่มีทางบอกกับมารดาเอกผู้สูงส่งของนาง

ความจริงนางรู้ดีว่าบุตรสาวอนุของจวนอื่นมีชีวิตที่ยากลำบากในเงื้อมือของมารดาเอกมากกว่านางที่อยู่กับมารดาเอกซ่งซื่อหลายเท่านัก!

หากนางไม่เคยเห็นบุตรอนุของตระกูลไป๋ก็ว่าไปอย่าง ทว่า เมื่อนางเห็นบุตรอนุของตระกูลไป๋ได้รับความสำคัญจากคนในตระกูลไป๋เช่นเดียวกับบุตรภรรยาเอก นางจึงอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เจ้าลุกขึ้นมาเถิด ข้าเข้าใจแล้ว ทว่า หากต้องการยกเลิกงานแต่งงานครั้งนี้โดยไม่ทำลายชื่อเสียงของตระกูลไป๋ เจ้าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมเล็กน้อย”

ต่งถิงฟางนึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะยอมช่วยนาง คนในตระกูลต่งไม่เคยมีผู้ใดยินดีฟังคำของนาง ยิ่งไม่เคยมีผู้ใดยอมเสียเวลาช่วยเหลือบุตรสาวอนุอย่างนางมาก่อน

ต่งถิงฟางก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน “ไม่ได้รับความเป็นธรรมแค่ชั่วคราวมิเป็นอันใดเจ้าค่ะ ถิงฟางแค่กลัวว่าจะต้องอยู่อย่างทรมานไปตลอดชีวิต ตอนแรกข้าถูกความรักบังตา ยอมเป็นเครื่องมือของผู้อื่น บัดนี้ข้าตาสว่างแล้ว ข้าควรได้รับบทเรียนนี้เจ้าค่ะ!”

“ดี ทำผิดแล้วรู้จักปรับปรุงตัว เป็นสตรีคนดีของตระกูลต่ง!” ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปาก “หลังจากข้าปรึกษากับท่านป้าสะใภ้แล้ว ข้าจะเชิญฮูหยินฝูมายกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ เจ้าไม่ต้องกลัว หากยกเลิกการแต่งงานแล้วเจ้าไม่อยากอยู่ที่เมืองหลวงต่อ เจ้าสามารถตามข้าไปยังซั่วหยางได้ ข้าจะให้ท่านแม่ช่วยหาคู่ครองที่ดีให้เจ้า”

“พี่หญิง” ต่งถิงฟางน้ำตาไหลอาบหน้า นางคิดว่าปกติพี่หญิงสนิทสนมกับต่งถิงเจินมากกว่า พี่หญิงคงดูถูกบุตรอนุอย่างนางเช่นเดียวกัน นึกไม่ถึงเลยว่าพี่หญิงจะดีกับนางเช่นเดียวกับที่ดีกับถิงเจิน นางยังใจแคบคิดว่าพี่หญิงคงไม่ยอมช่วยเหลือนาง คิดว่าจะคุกเข่าบีบให้พี่หญิงยอมช่วยนางดีหรือไม่ นึกไม่ถึงว่านางยังไม่ทันเอ่ยขอร้อง พี่หญิงจะเอ่ยขึ้นก่อนเช่นนี้แล้ว

ต่อไปนางจะไม่มองพี่หญิงในแง่ร้ายอีกแล้ว

“ข้ายังคิดอย่างคนใจแคบอยู่เลยเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าจะคุกเข่าบีบให้พี่หญิงรับปากช่วยเหลือข้าให้ได้ พี่หญิง ถิงฟางไม่คู่ควรให้พี่หญิงทำดีด้วยเช่นนี้เจ้าค่ะ” ต่งถิงฟางกล่าวเสียงสะอื้น

“เอาล่ะ ลุกขึ้นมาเถิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “น้ำแกงคงเย็นชืดหมดแล้ว”

“ข้าป้อนพี่หญิงเองเจ้าค่ะ” ต่งถิงฟางลุกขึ้นยืน

“ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น เจ้าเอาหมอนมารองด้านหลังให้ข้าที เช่นนี้ข้าจะได้รู้สึกสบายขึ้นหน่อย”

ต่งถิงฟางรีบสอดหมอนไปด้านหลังของไป๋ชิงเหยียนโดยไม่สนใจน้ำตาบนใบหน้าของตัวเอง จากนั้นยื่นช้อนไปที่ริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียน “หากพี่หญิงชอบ ถิงฟางจะทำให้พี่หญิงทานทุกวันเลยเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้ต่งถิงฟางบางๆ ก้มหน้าชิมน้ำแกงในช้อนที่ยื่นมาตรงหน้า รสชาติดีจริงๆ ด้วย

ไม่นานไป๋จิ่นซิ่วจึงกลับเข้ามา นางกล่าวกับต่งถิงฟางยิ้มๆ “ญาติผู้พี่ถิงฟางไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่มีข้าและสาวใช้คอยดูแล ถิงเจินรอญาติผู้พี่อยู่เจ้าค่ะ”

ต่งถิงฟางมองออกว่าไป๋จิ่นซิ่วมีเรื่องการต้องการสนทนากับไป๋ชิงเหยียนตามลำพัง นางจึงพยักหน้าแล้วหันไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “หากพี่หญิงใหญ่มีเรื่องอันใด ส่งคนมาตามข้าได้ตลอดนะเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เจ้าไปพักเถิด”

มองส่งต่งถิงฟางเดินจากไป ไป๋จิ่นซิ่วจึงจับชายกระโปรงเดินย่ำไปบนพื้นไม้พะยูงเหลืองไปนั่งลงบนปลายเตียงของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวเสียงเบา “พี่หญิง แม่ทัพฝูรั่วซีลอบมาขอพบพี่หญิงอยู่ที่ประตูข้างของจวนเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนที่กำลังดื่มยาอยู่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น “เหตุใดเขาถึงมาเวลานี้ ได้บอกหรือไม่ว่ามีเรื่องด่วนอันใด”

“แม่ทัพฝูกล่าวเพียงว่ามีเรื่องสำคัญต้องการพบหน้าพี่หญิง ไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากไปกว่านี้เจ้าค่ะ” เมื่อไป๋จิ่นซิ่วเห็นไป๋ชิงเหยียนวางช้อนลงจึงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้พี่สาว

ไป๋ชิงเหยียนรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปาก “เจ้าไปเชิญแม่ทัพฝูมาด้วยตัวเอง ให้เขาอยู่ด้านนอกฉากกั้นก็พอ”

“เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นซิ่วจับชายกระโปรงเดินออกไปด้านนอกเพื่อเชิญแม่ทัพฝูรั่วซีมาที่นี่ด้วยตัวเอง

เมื่อไป๋จิ่นซิ่วจากไป ไป๋ชิงเหยียนจึงเรียกสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเขามาเก็บถ้วยอาหารออกไป ขณะนั้นเองหญิงสาวได้ยินเสียงขององครักษ์ลับจึงลุกขึ้นเดินไปริมหน้าต่าง จากนั้นเอื้อมมือเปิดหน้าต่างออกเล็กน้อย

“คารวะนายหญิง!” เมื่อองครักษ์ลับเห็นไป๋ชิงเหยียนเปิดหน้าต่างออกจึงรีบคุกเข่าลงบนพื้น

ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยเห็นหน้าองครักษ์ลับผู้นี้มากก่อนจึงเอ่ยถามขึ้น “มีเรื่องอันใด”

“นายหญิง วันนี้มีคนลอบเข้าไปในจวนของเหลียงอ๋องขอรับ ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นั้นคือผู้ใด เดิมทีข้าตั้งใจสะกดรอยตามไปสืบดู ทว่า คนผู้นั้นมีวรยุทธ์เก่งกาจมาก ข้าตามไปได้หนึ่งชั่วยาม คนผู้นั้นพาข้าอ้อมวนไปมาจนสุดท้ายข้าจึงพลัดหลงจากเขาขอรับ ทว่า ก่อนหน้านี้ข้าเห็นแม่ทัพฝูรั่วซีลอบติดตามเขาไปเช่นกันขอรับ ข้ามารับโทษจากนายหญิงขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น ฝูรั่วซีคงมาเพราะเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

ผู้ใดกันที่สามารถสลัดองครักษ์ลับซึ่งเก่งวิชาตัวเบาหลุดได้ ทว่า กลับโดนฝูรั่วซีที่แขนขาดข้างหนึ่งสะกดรอยตามได้นะ เรื่องนี้ค่อนข้างแปลก…

“ข้ารู้แล้ว ต่อไปจับตาดูจวนเหลียงอ๋องให้ดี บัดนี้ข้าต้องการกำลังคนจึงละเว้นโทษเจ้าไว้ก่อน ไปเถิด”

องครักษ์ลับรับคำแล้วหายไปจากระเบียงทางเดินทันที

ไม่นานไป๋จิ่นซิ่วจึงพาฝูรั่วซีในชุดเสื้อคลุมและหมวกคลุมสีดำเข้ามาในเรือนชิงฮุย

บ่าวรับใช้ในเรือนชิงฮุยล้วนเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่ไป๋ชิงเหยียนเหลือไว้ดูแลเรือนชิงฮุย ไป๋จิ่นซิ่วจึงไม่จำเป็นต้องระแวง หญิงสาวพาฝูรั่วซีเข้าในเรือนทันที

ฝูรั่วซีที่ร่างเต็มไปด้วยไอเย็นเดินเข้าไปด้านใน จากนั้นคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งเพื่อทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนด้านนอกฉากกั้น “คารวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ”