———-
บทที่ 785 ปักใจเชื่อ
เด็กสาวชี้ไปที่ทางเดินซึ่งทอดยาวไปสู่ความมืดมิด “ในส่วนลึกนั้นมี ‘บททดสอบ’ ข้าเคยได้ยินมาว่าถ้าผู้ใดสามารถผ่านบททดสอบได้ ไม่เพียงแต่จะสามารถออกจากที่นี่ได้ แต่ยังสามารถได้รับพรที่เหนือจินตนาการอีกด้วย น่าเสียดายที่ ‘บททดสอบ’ นี้มีข้อจำกัดพิเศษที่ทำให้ข้าไม่สามารถเข้าไปร่วมด้วยได้”
เพ่ยเหมียนหมานคิดทบทวนและถามว่า “เจียงเจียง ถ้าเจ้าเข้าไปไม่ได้ เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
เด็กสาวตอบกลับ “ข้าเคยได้ยินคนสร้างที่นี่พูดอย่างนี้เมื่อในอดีต พวกเขามองไม่เห็นข้า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ตระหนักว่ามีคนอื่นกำลังแอบฟังอยู่”
ซูอันพบว่าสิ่งนี้น่าสนใจ ตอนนั้นนางน่าจะกลายเป็นวิญญาณไปแล้ว ดังนั้นนางคงได้ยินความลับของที่นี่มามากมาย
จู่ ๆ เด็กสาวก็เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคน “พี่ชาย พี่สาว พวกท่านสองคนช่วยอะไรข้าหน่อยได้ไหม?”
ซูอันคิดถึงวิธีที่ผู้คนในอินซางปฏิบัติต่อเชลยของพวกเขา และสามารถจินตนาการได้ว่าประสบการณ์ของนางน่าขมขื่นเพียงใด ในใจเขาเต็มไปด้วยความสงสารทันที
“บอกมาเลยเจียงเจียง ข้าจะพยายามช่วยเจ้าอย่างดีที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้”
“ขอบคุณพี่ชาย!” เด็กสาวยิ้มหวาน นางชี้ไปที่ทางเดินซึ่งมุ่งลึกเข้าไปสู่บริเวณอันมืดมิด “ในส่วนลึกนั้นมันน่าจะมีตราหยกที่ซ่อนอยู่ มันเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของอนารยชนตะวันออกของเราซึ่งมีข่าวลือว่าสามารถใช้มันสื่อสารกับสวรรค์ได้ หลังจากที่เราพ่ายแพ้ในสงครามครั้งก่อน เผ่าของข้าหลายคนถูกจับและใช้เป็นเครื่องบูชา พวกเขาไม่สามารถตายตาหลับได้ ข้าไม่รู้ว่าท่านเคยเจอพวกเขาหรือเปล่า แต่ข้าได้ยินมาว่าวิญญาณของพวกเขาถูกกักขังอยู่ที่บันไดข้างบน ด้วยตราหยกนั้น ข้าสามารถทำพิธีและช่วยให้วิญญาณของพวกเขาพบกับความสงบสุขได้”
“วิญญาณพวกนั้นเป็นพวกพ้องของเจ้า!” ซูอันอุทานอย่างขมขื่น วิญญาณพวกนั้นเกือบกินเนื้อของเขาแล้ว
เด็กสาวร้องไห้เมื่อได้ยินเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขา “ข้าขอโทษพี่ชาย พวกเขาไม่ได้ทำเพราะพวกเขาต้องการ…”
“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ” ซูอันรีบปลอบนาง “ดูสิ เราทุกคนยังปลอดภัยดีใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเจ้าหาตราหยกนั่นเอง”
“ขอบคุณ!” เด็กสาวยิ้มอย่างมีความสุข “จริงสิ มีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะให้ท่านช่วย…ท่าน…ช่วยตามหาหัวที่หายไปของข้าด้วยจะได้ไหม?”
ซูอันตกตะลึงไปชั่วขณะ
ทำไมมันฟังดูแปลกและน่าขนลุก?
“ข้าทำให้พวกท่านกลัวหรือเปล่า…?” เด็กสาวรู้สึกอับอาย นางอธิบายต่อด้วยความขมขื่น “จากที่ข้าจำได้ คนของอินซางพาข้ามาที่นี่ในฐานะนักโทษ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ การสังเวยมนุษย์เป็นการถวายเครื่องบูชาที่ดีที่สุดและเพราะข้าเป็นนักโทษพิเศษ ราชวงศ์ซางจึงไม่ลังเลเลยที่จะตัดศีรษะข้าและวางไว้ในสุสานของราชวงศ์ซางเพื่อถวายเป็นเครื่องบูชา…”
“เจียงเจียง…” แม้แต่เพ่ยเหมียนหมานก็เริ่มสะอื้นเมื่อได้ยินเกี่ยวกับอดีตที่น่าเศร้าของเด็กสาว และอยากจะกอดปลอบโยนนางโดยไม่รู้ตัว น่าเสียดายที่อีกฝ่ายเป็นร่างวิญญาณ ดังนั้นมือจึงทะลุผ่านตัวเด็กสาวไป
ซูอันเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจเช่นกัน “ไม่ต้องกังวล ข้าจะหาหัวที่หายไปของเจ้าให้เจออย่างแน่นอน แต่ว่าอาจติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง…คือข้าไม่แน่ใจว่าจะรู้ได้ยังไงว่าหัวไหนเป็นของเจ้า?”
นับตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในมิติลับนี้ พวกเขาได้เห็นโครงกระดูกอยู่ในทุกที่ หลุมที่พวกเขาตกลงไปตอนอยู่ชั้นบนมีโครงกระดูกมากกว่าหมื่นโครง และแม้กระทั่งลงมาข้างล่างนี้ โครงกระดูกที่พวกเขาเห็นเพิ่มก็น่าจะไม่ต่ำกว่าพันเช่นกัน
และเนื่องจากสถานที่ที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าต่อไปคือสุสานราชวงศ์ซาง ซูอันแน่ใจว่าภายในนั้นจะต้องมีโครงกระดูกรออยู่อีกมหาศาล การค้นหาหัวกะโหลกของเจียงเจียงจากโครงกระดูกนับไม่ถ้วนนั้นไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร
เด็กสาวกล่าวว่า “ในอดีตข้าเคยได้ยินบางคนพูดถึงเรื่องนี้ เนื่องจากสถานะพิเศษของข้า ราชวงศ์ซางจึงนำหัวของข้าใส่ในเหยี่ยนแล้วต้ม ข้าไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยนัก หากท่านพบกระโหลกศีรษะที่มีขนาดประมาณคนในวัยเดียวกับข้าอยู่ในภาชนะ นั่นอาจเป็นกระโหลกของข้า”
ซูอันสลดใจเช่นเดียวกับเพ่ยเหมียนหมานและหมี่ลี่
ชะตากรรมของเด็กสาวคนนี้ช่างน่าเศร้า นางถูกศัตรูจับได้ และถูกตัดหัวก่อนจะนำไปต้ม
ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของพวกเขา เด็กสาวยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกพี่ชายพี่สาว แม้ว่าในตอนนั้นข้าจะเจ็บปวด แต่เนื่องจากทุกอย่างผ่านมานานแล้ว ความเจ็บปวดทั้งหลายนั้นข้าลืมมันไปแทบจะหมดสิ้น”
เสียงของซูอันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “เจียงเจียง ข้าจะนำหัวของเจ้าและตราหยกนั้นกลับมาให้เจ้าอย่างแน่นอน เพื่อที่เจ้าและพวกพ้องของเจ้าทุกคนจะได้พักผ่อนอย่างสงบสุข”
“ขอบคุณพี่ชาย” เด็กสาวยิ้มหวาน “ข้าจะพาท่านไปที่ทางเข้าสุสาน”
เด็กสาวพาพวกเขาเดินไปตามทางเดินโดยมีเหล่ากุมารทองคลานตามไปด้วย
พวกเขาเคยหวาดกลัวกุมารทองมาก่อน แต่ตอนนี้พวกมันกลับดูน่ารักทีเดียว
“เจ้าควรระวังตัวเอาไว้นะ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในหัวของเด็กสาวคนนี้บ้าง คำพูดทุกอย่างของนางอาจเป็นหลุมพราง” หมี่ลี่เตือนเขาในใจ
ซูอันส่ายหัว “พี่หญิงใหญ่ ท่านจะหวาดระแวงทุกอย่างไปหมดไม่ได้ แม้ว่าท่านจะเคยถูกหักหลังมาในอดีต”
หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “งั้นเจ้าอธิบายให้ข้าฟังที เหตุใดคนในตระกูลของนางทั้งหมดจึงกลายเป็นวิญญาณร้าย ในขณะที่นางเพียงคนเดียวที่รักษาเจตจำนงของตัวเองไว้ได้? ตอนนั้นนางยังเด็กมาก และอาจจะอ่อนแอกว่าผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ในกลุ่มของนางเสียด้วยซ้ำ”
“ข้าเห็นด้วยว่ามันดูแปลก ๆ นิดหน่อย” ซูอันพูดเสียงต่ำ “แต่ข้าเชื่อใจนาง ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงใจในคำพูดของนาง และในสายตาของนางด้วย”
“เฮอะ!” หมี่ลี่เยาะเย้ย “นี่เจ้ายังไม่รู้อีกหรือไงว่าผู้หญิงบางคนโกหกเก่งจนกลายเป็นพรสวรรค์? หลายอาณาจักรใช้ประโยชน์จากสายลับหญิง และทั้งหมดล้วนมีพรสวรรค์ด้านการแสดง ผู้ที่หลงกลอุบายของพวกนางมักจะตกอยู่ในความไม่รู้ตลอดไป”
ซูอันส่ายหัว “ข้ารู้ว่ามีคนแบบนั้นอยู่ แต่เจียงเจียงไม่ใช่หนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน”
“แล้วเจ้าจะเสียใจเมื่อรู้ว่าถูกหลอก!” เมื่อหมี่ลี่เห็นว่าซูอันปักใจเชื่อเช่นนี้แล้ว นางจึงไม่สนใจที่จะพยายามโน้มน้าวให้เขาคิดอย่างอื่นอีกต่อไป “อ้อ อีกอย่าง เจ้ารู้หรือไม่ว่า ‘เหยี่ยน’*[1] ที่นางพูดถึงหน้าตาเป็นอย่างไร?”
“แน่นอน มันเป็นเครื่องครัวสำหรับทำอาหารแบบดั้งเดิม เครื่องครัวนี้มีส่วนประกอบสองชิ้นซ้อนทับกัน ชิ้นแรกส่วนบนนั้นคล้ายกับหม้อก้นลึกซึ่งถูกเรียกว่า ‘เจิง’ ชิ้นนี้ใช้สำหรับวางวัตถุดิบอาหาร ตรงก้นของ ‘เจิง’ จะถูกเจาะเป็นรูมากมายเพื่อให้ไอน้ำไหลผ่านขึ้นมา ชิ้นที่สองส่วนล่างถูกเรียกว่า ‘ปี่’ มันคล้ายกับอ่างน้ำขนาดเล็กรวมกับเตาหลอมเพราะมันมีสามขาตั้งยันพื้นอยู่ข้างล่าง ชิ้นส่วนที่สองนี้เอาไว้ใส่น้ำสำหรับต้มให้เดือด พูดง่าย ๆ มันคือเครื่องครัวที่เอาไว้ใช้สำหรับทำอาหารประเภทนึ่ง” ซูอันตอบ
หมี่ลี่รู้สึกตกใจ “เจ้ารู้อะไรแบบนี้ด้วยจริง ๆ เหรอ?”
นางต้องการให้คำแนะนำบางอย่างแก่เขาเพื่อให้หาส่วนกระโหลกของเจียงเจียงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีน้อยคนมากที่จะรู้จัก ‘เหยี่ยน’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทำอาหารแบบโบราณเช่นนี้ แต่ทว่าคำแนะนำของนางดูเหมือนจะไม่จำเป็นเลย
[1] จากผู้แปล: **หลักการใช้ 甗 ‘เหยี่ยน’ คล้ายกับ ‘ซึ้ง’ บ้านเราค่ะ แต่รูปร่างจะแตกต่างออกไปพอสมควร**