บทที่ 788 ก่นด่าสวรรค์

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 788 ก่นด่าสวรรค์

“เขาถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม?” ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ

ถ้านี่คือซีรีส์เรื่อง ‘ล่าปริศนาสุสานมรณะ’ ขณะนี้คงจะมีบางสิ่งบางอย่างกระโจนเข้าใส่เขาอย่างแน่นอน

หมี่ลี่ชี้ไปที่ศพ “เจ้าดูสิ มีบาดแผลทั้งหมดเจ็ดแห่งบนร่างกายของเขา หกแห่งอยู่ทางซีกซ้าย แขนซ้าย ต้นขา และเชิงกรานของเขาได้รับความเสียหายจากอาวุธทั้งแบบมีคมและไร้คม นี่หมายความว่าก่อนจะถูกฆ่าตาย เขาถูกรุมโจมตีอย่างไร้ความปรานี…”

“เขาถูกบูชายัญทั้งเป็นหรือเปล่า?” ซูอันถามกลับ

หมี่ลี่ส่ายหัว “ข้าไม่คิดอย่างนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ในสมัยของอินซางชื่นชมยินดีกับพิธีบูชายัญทั้งเป็น แต่เหล่าเครื่องบูชายัญนั้นสงวนไว้สำหรับเหล่าเชลยไม่ใช่สำหรับพลเมืองของตนเอง พวกเขาจะไม่ทำกับแม่ทัพตนเองเช่นนี้ และจากบาดแผลของเขา เขาอาจเสียชีวิตในสนามรบ และศพก็ถูกฝังที่นี่พร้อมกับจักรพรรดิที่เหลืออยู่ในเวลาต่อมา”

“โอ้ … ” การวิเคราะห์ของนางดูเหมือนจะสมเหตุสมผลมากสำหรับซูอัน

“นั่นอะไร?” เพ่ยเหมียนหมานอุทาน ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน เพ่ยเหมียนหมานได้สำรวจโลงศพชั้นนอกและชั้นในอย่างละเอียด จนท้ายที่สุดนางก็สังเกตเห็นวัตถุแปลก ๆ

ซูอันมองเข้าไปและสังเกตเห็นแขนเทียมที่ด้านขวาของศพ มันดูเหมือนทำจากทองสัมฤทธิ์ ส่วนมือนั้นเกือบจะเหมือนกับมือจริงและมีเล็บอยู่ด้วย

มีลวดลายเทาเที่ยแกะสลักไว้บนหลังมือ เช่นเดียวกับสิ่งของอื่น ๆ ที่ให้ความสวยงามที่ไม่ธรรมดา

หมี่ลี่กล่าวว่า “นี่อาจเป็นอีกบาดแผลหนึ่ง แขนของเขาอาจถูกตัดขาดในสนามรบ ซึ่งทำให้เขาเลือดออกจนตาย ทว่าจากรูปการณ์ทหารของราชวงศ์ซางน่าจะไม่สามารถเอาแขนของเขาคืนมาจากสนามรบได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงสร้างแขนเทียมเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของเขาสมบูรณ์ในยามที่ไปอยู่ในโลกแห่งความตาย”

“แขนเทียม?” ซูอันอธิบายทุกอย่างให้เพ่ยเหมียนหมานด้วยสีหน้าแปลก ๆ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งของเช่นแขนเทียมจะมีอยู่ในสมัยโบราณเช่นนี้

เพ่ยเหมียนหมานถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ “แม่ทัพที่ตายในสนามรบ! เขาเป็นคนที่น่านับถือ”

หัวใจของพวกเขาเต้นแรงด้วยความชื่นชม

จากนั้นพวกเขาจึงมองไปรอบ ๆ ภายในโลงศพต่อไปอีกเล็กน้อย แม้ว่าจะมีทองคำและหยกล้ำค่าอื่น ๆ อยู่ แต่ก็ไม่พบร่องรอยของตราหยก

ซูอันกำลังจะปิดฝากลับไปดังเดิม แต่ทว่าหมี่ลี่เอ่ยขึ้นขัดด้วยความประหลาดใจ “เจ้าจะออกไปง่าย ๆ แบบนี้เหรอ?”

“จะต้องทำอะไรอีกล่ะ?” ซูอันรู้สึกสับสน ชายหนุ่มไม่เข้าใจในสิ่งที่นางพูด

“เจ้าไม่เอาสมบัติเหล่านี้ติดตัวไปด้วยเลยหรือไง? เจ้ามีพื้นที่เพียงพอในดวงแก้วผู้รอบรู้” หมี่ลี่ดูค่อนข้างไม่พอใจ “เจ้าลงมาที่นี่เพื่อที่จะมาหาสมบัติแท้ ๆ แต่จะกลับออกไปมือเปล่าแบบนี้เนี่ยนะ?”

ซูอันส่ายหัวอย่างหนักแน่นคัดค้านนาง “ข้าไม่ใช่พวกโจรปล้นสุสาน ข้าจะขโมยสิ่งของเหล่านี้ได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการขโมยของ ๆ บุคคลที่มีเกียรติยามเมื่อเขามีชีวิตอยู่”

“เจ้านี่มันสุดจะบื้อโง่เง่า!” หมี่ลี่ไม่พอใจที่นางไม่สามารถชักจูงเขาได้ นางเบือนหน้าหนี

ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +22…22…22…

เพ่ยเหมียนหมานไม่สนใจสมบัติใด ๆ เช่นกัน ทั้งสองมีความคิดคล้ายคลึงกันอย่างชัดเจนก่อนจะพากันเดินจากไป

แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงดังเอี๊ยดลั่นมาจากข้างหลังพวกเขา ทั้งสองสะดุ้งโหยงและรีบหันกลับไปดู

พวกเขาสังเกตเห็นว่าฝาโลงศพที่ซึ่งเคยปิดแน่นเมื่อครู่ ตอนนี้มันได้เลื่อนไปด้านข้างแล้ว

เพ่ยเหมียนหมานตัวสั่น “อาซู เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าปิดฝาสนิทดีแล้ว?”

ซูอันกลืนน้ำลาย “ข้าปิดดีแล้วนะ!”

เช่นนั้นนี่มันคงหมายความว่าศพกำลังจะออกมาใช่ไหม?

ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของพวกเขา มือที่แห้งเหี่ยวก็เอื้อมออกมาจากภายในและคว้าจับด้านข้างของโลงศพไว้ อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างชัดเจน

“ว้าย!” เพ่ยเหมียนหมานร้องออกมาด้วยความกลัว ภาพนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปแม้แต่สำหรับผู้บ่มเพาะก็ตาม

“พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันก่อน!” ซูอันรู้ว่าสถานการณ์กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็ว เขาคว้าแขนเพ่ยเหมียนหมานแล้ววิ่งออกไป

“มอ…!”

เสียงร้องอันทรงพลังของกระทิงตัวผู้ดังก้องไปทั่วห้อง

จากนั้นจู่ ๆ บางสิ่งที่มีร่างขนาดยักษ์พุ่งเข้าใส่พวกเขาทั้งสองคน!

ทั้งคู่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับการโจมตีครั้งนี้ และหลบไปด้านข้างอย่างหวุดหวิด เมื่อภัยคุกคามผ่านไป ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าอะไรกำลังโจมตีพวกเขา

มันคือกระทิงตัวใหญ่! มันมีรูปร่างแบบเดียวกับรูปหล่อกระทิงสัมฤทธิ์ที่พวกเขาสังเกตเห็นก่อนหน้านี้ แต่ไอ้ตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า…

จากนั้นเมื่อพวกเขามองไปทางที่รูปหล่อกระทิงสัมฤทธิ์ตัวนั้นเคยอยู่ พวกเขาสังเกตเห็นว่าขณะนี้มันหายไปแล้ว!

ฝาโลงศพถูกผลักออกจนสุด ศพแห้งในนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานต่างก็จ้องไปที่มัน อ้าปากค้าง

กระทิงกระโดดโลดเต้นไปที่ศพที่เพิ่งลุกขึ้นอย่างมีความสุข ทั้งสองดูสนิทสนมกันอย่างเห็นได้ชัด

ซูอันอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ผู้อาวุโส พวกเราเพียงแค่ผ่านทางมา และด้วยความเคารพต่อท่าน พวกเราไม่ได้แตะต้องของ ๆ ท่านแม้เพียงสักชิ้น อีกทั้งเรายังพยายามปิดโลงของท่านให้เป็นเหมือนดังเดิม ท่านไม่จำเป็นต้องเห็นเราเป็นผู้บุกรุก!”

ดูเหมือนศพจะได้ยินเขา มันจ้องเขม็งที่ซูอัน ปากของมันเปิดอ้าและเปล่งเสียงพูดด้วยความยากลำบากอย่างมาก “คนนอก ผู้บุกรุกต้องตาย…!”

เมื่อพูดจบ มันก็ยกแขนขึ้นเรียกหอกที่วางอยู่ตรงผนังห้องให้ลอยเข้ามาอยู่ในมือของมันก่อนที่จะฟาดฟันหอกอย่างไร้ปรานี

พลังหอกสีเขียวพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคน ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานรีบใช้วิธีการเฉพาะของตนเองเพื่อป้องกันตัวเอง แต่ก็ยังกระเด็นไปกระแทกกำแพงด้านหลัง ทรายและฝุ่นจากด้านบนตกลงมาฟุ้งไปทั่ว

ซูอันสั่นสะท้าน ง่ามนิ้วมือของเขามีเลือดออก นี่แค่เพียงการโจมตีธรรมดาแต่มันก็อัดแน่นไปด้วยพลังมากมายแล้ว!

ความแข็งแกร่งของศพแม่ทัพเหนือกว่านักรบโครงกระดูกก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด…

ทั้งสองคนไม่สามารถเอาชนะนักรบโครงกระดูกได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นพวกเขาจะเผชิญหน้ากับแม่ทัพผู้นี้ได้อย่างไร?

ซูอันนึกเจ็บใจ ถ้าข้าเป็นพระเอก และสิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปในลักษณะเดียวกับในบรรดานวนิยายบนเว็บไซต์ ข้าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะระดับห้าหรือหกที่ดูอวดเก่งอย่างโง่ ๆ เท่านั้น

พวกเขาจะเดินไปมาเยาะเย้ยข้าและย้ำให้รู้ว่าความแข็งแกร่งระหว่างเราแตกต่างกันมากเพียงใด แต่แล้วท้ายที่สุดข้าจะได้ตบหน้าไอ้พวกโง่นั่นทั้งหมดในภายหลัง!

แต่ทว่าทำไมชะตากรรมของข้าตั้งแต่มาโลกนี้มันถึงได้บัดซบนัก!

ทำไมศัตรูของข้าแต่ละคนมันถึงมีแต่ไอ้พวกระดับแปด ระดับเก้า และแม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ก็โผล่มาเต็มไปหมด?

บัดซบ! บัดซบฉิบหายเลย… นี่มันบ้าอะไรกัน??!!

ไอ้สวรรค์บัดซบเฮงซวย!