บทที่ 623 การผจญภัยที่น่าอัศจรรย์ของฉีหยวน (3)
กลิ่นอายลมปราณของทหารสวรรค์นับหมื่นเชื่อมต่อกัน และพลังของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าพลังสะกดข่มของเซียนจินหลายสิบคนที่มารวมตัวกัน!
ในขณะนั้น ฉีหยวนหน้าซีดเล็กน้อย และกล่าวออกมาเบาๆ ว่า “พลังสวรรค์ของศาลสวรรค์นั้น ช่างทรงพลังแข็งแกร่งยิ่ง”
“ในตอนนี้ เป็นสถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ มีมารปีศาจสร้างปัญหาไปทั่วทุกที่”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “สหายเต๋า ท่านอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีเหล่าปีศาจโบราณได้ส่งทหารปีศาจหลายแสนมารวมตัวกัน และปรมาจารย์เผ่าปีศาจหลายตนก็ได้ยั่วยุศาลสวรรค์
องค์เง็กเซียน แห่งศาลสวรรค์จึงได้ส่งกำลังพลสามแสนนายไปปราบปรามกลุ่มปีศาจเหล่านั้น
หลังจากนั้นเผ่าปีศาจทั้งหมดต่างก็วุ่นวายระส่ำระสาย ว่ากันว่ามีปีศาจเฒ่ากลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่วังเซิ่งหมู่ของเทพีหนี่วาและพร่ำรำพันพลางสะอื้นไห้…
สหายเต๋า ลองเดาสิ?”
ฉีหยวนยิ้มและกล่าวว่า “มีอันใดกัน?”
“ราชินีจอมปราชญ์ผู้ทรงคุณธรรมมหาศาลและมีความเมตตาอันยิ่งใหญ่ได้ส่งเทพธิดาสองสามคนเพื่อมาสังหารปีศาจเฒ่าและทุบตีพวกมันเหล่านั้น แล้วยังเตือนพวกมันว่า อย่าได้ต่อสู้กับศาลสวรรค์”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม้ว่าปีศาจทั่วหล้าจะไม่ได้เชื่อมั่น แต่ศักดิ์ศรีของศาลสวรรค์ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และมีผู้คนมากมายมาเข้าร่วม
เช่นนั้น จึงสมควรอย่างยิ่งแล้วที่ท่านจะไปรับบุญที่ศาลสวรรค์”
ฉีหยวนพยักหน้า แม้เขาจะไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ แต่เขาก็พบว่าคำพูดของหลี่ฉางโซ่วนั้นน่าตื่นเต้น และเขาก็ยังรู้สึกสนใจมาก
ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันนั้น พวกเขาก็มาถึงประตูสวรรค์บูรพา
ทันใดนั้น แม่ทัพสวรรค์ก็ก้าวออกมาข้างหน้าและถามพวกเขาทั้งสองคนว่า พวกเขามาจากที่ใดและกำลังมาทำอะไรในศาลสวรรค์
ฉีหยวนเงยหน้าขึ้นมองกระบี่จักรพรรดิสวรรค์ที่แขวนอยู่เหนือประตูศิลาหยกขาว แล้วปราณวิญญาณของเขาก็กำลัง… กำลังสั่นสะท้าน
เขารู้สึกผิดเล็กน้อยที่มาทางประตูหลัง[1]
หลี่ฉางโซ่วก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อตอบคำถามสองสามคำ จากนั้นก็หันกลับมารอกับอาจารย์ของเขาที่ประตูสวรรค์บูรพาในขณะที่แม่ทัพสวรรค์คนก็หนึ่งรีบไปที่ตำหนักเทพวารี
หลังจากนั้นไม่นานนัก ก็มีเด็กสาวแสนงามคนหนึ่งขี่เมฆมาถึง และทั้งเหล่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ทั้งหมดต่างก็ก้มศีรษะโค้งคำนับให้นางและเรียกขานนางว่า ‘ฝ่าบาท’
หลี่ฉางโซ่วประสานมือคารวะและคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ไยฝ่าบาทถึงเสด็จออกมา?”
ผู้ที่มานั้นก็คือ หลงจี๋
หลงจี๋ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าอยู่ในระหว่างเรียนกับท่านอาจารย์ ผู้ใดคือ นักพรตเต๋าฉีหยวน โปรดมากับข้า?
ฉีหยวนมองไปที่ “ปรมาจารย์เต๋าน้อย” ที่อยู่ข้างๆ เขาอย่างรู้สึกสับสนมึนงงเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้าและโค้งคำนับให้กับหลงจี๋
องค์หญิงหลงจี๋ซึ่งอยู่ในขอบเขตเซียนเทียนแล้ว โบกมือของนางเบาๆ และเมฆสีขาวก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าของฉีหยวน แล้วพาเขาไปที่ประตูสวรรค์บูรพา
จากนั้น หลงจี๋ก็ขยิบตาไปให้ “ปรมาจารย์เต๋าน้อย” ในขณะที่ปรมาจารย์เต๋าน้อยก็คลี่ยิ้มแล้วขี่เมฆจากไป โนเวล-พีดีเอฟ
หลี่ฉางโซ่วจงใจกระทำการเช่นนี้ ด้วยมีข้อพิจารณามากมายหลายประการ
การกระทำที่ใหญ่ที่สุดคือ การจงใจใส่ข้อบกพร่องและจุดอ่อนของเขาเอาไว้ในเงื้อมมือการควบคุมดูแลขององค์เง็กเซียน …
ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ในยามนี้ของหลี่ฉางโซ่วและองค์เง็กเซียน เวลานี้ มาพูดกันถึงความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายระหว่างองค์เง็กเซียน และเทพแห่งอำนาจกันเถิด
หลังจากวันนี้ แม้องค์เง็กเซียนจะไม่อาจยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างฉีหยวนและร่างหลักของเทพวารีได้ แต่องค์เง็กเซียนก็จะรู้ว่า ฉีหยวนต้องเป็น “ญาติมิตร” ที่สำคัญยิ่งของเทพวารีอย่างแน่นอน
ตราบเท่าที่เทพวารียังคงมีคุณค่าต่อศาลสวรรค์และองค์เง็กเซียน องค์เง็กเซียนก็จะปกป้องฉีหยวน…
ฉีหยวนมองไปที่ด้านหลังของเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าเขา และอดจะถามออกมาไม่ได้ว่า “นี่…ฝ่าบาท?”
“หือ?”
หลงจี๋ไพล่มือเล็กๆ ของนางไปไว้ด้านหลังและหันหน้าไปมองพร้อมกับเผยรอยยิ้มสง่างามที่เหล่าเซียนสตรีแห่งสระหยกมักจะมีและกล่าวว่า “สหายเต๋า มีอันใดผิดไปหรือ?”
“ท่าน ท่านคือ…”
หลงจี๋กล่าวเสียงดังคมชัดว่า “ข้ามีนามว่า หลงจี๋ และข้าก็เป็นศิษย์ของท่านเทพวารี ทว่าท่านเทพวารีคิดว่า ข้ามีความเข้าใจต่ำเกินไป ดังนั้นเขาจึงสอนกลยุทธ์และวิธีการวางแผนบางอย่างให้ข้าเท่านั้น สหายเต๋า ท่านโชคดีจริงๆ ที่ได้รับการแนะนำจากท่านเทพวารี”
ฉีหยวนถามเบาๆ ว่า “อืม เหตุใดสหายเต๋าถึงถูกเรียกขานว่า ‘ฝ่าบาท’?”
“บิดาของข้านั่งอยู่ในหอสมบัติหลิงเซียว และเป็นผู้ปกครองของสามอาณาจักร ส่วนมารดาของข้าก็เป็นหัวหน้าบรรดาเซียนแห่งสระหยก ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกข้าว่า ‘ฝ่าบาท’”
หลงจี๋ถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “ความจริงแล้ว ข้าไม่มีความเป็นเทพในศาลสวรรค์ ข้าเป็นเพียงแค่เซียนพเนจรเท่านั้น”
ธิดาขององค์เง็กเซียน และองค์ราชินีได้พาเขาไปที่ประตูหลังด้วยตัวเองและเปิดประตูให้…
นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนตะลึงงันไปเล็กน้อย
หลงจี๋บินไปกับฉีหยวนสักพักหนึ่งและบินผ่านบรรดาวังอมตะที่แออัดหนาแน่นไปได้สองสามแห่ง
นางข้ามขั้นตอนสองสามขั้นตอนแรกและร่อนลงหยุดที่หน้าหอทงหมิง
มีเทพเซียนหลายสิบคนที่กำลังยุ่งอยู่ในหอ พวกเขาล้วนตื่นตระหนกตกใจในทันทีและรีบลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับ
“ฝ่าบาท หากพระองค์ประสงค์สิ่งใด ขอทรงโปรดแจ้งพวกเราเถิด”
หลงจี๋หยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อของนาง และเอ่ยสียงสนุกสนานราวกับเสียงวิหคน้อยชนิดหนึ่ง
“นี่คือ ผู้ฝึกบำเพ็ญจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่เทพวารีได้แนะนำมา เขาต้องการจะเป็นเทพน้อยที่ดูแลจัดการภูเขา ในจดหมายนี้ น่าจะได้เขียนระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อส่งจดหมายในนามผู้อื่น และไม่มีอันใดอื่นอีก”
ทันใดนั้นเทพผู้ชอบธรรมระดับสี่ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในหอทงหมิงวันนี้ ได้ก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อรับจดหมายทันที
จากนั้นเขาก็เปิดมันออกและอ่านอย่างระมัดระวัง และทันใดนั้นเขาก็เผยท่าทีตระหนักรู้และคลี่ยิ้มออกมาทันที
“ในเมื่อเป็นเทพวารีแนะนำมาเอง เขาย่อมต้องเป็น… คนชั้นสูงของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…”
เอ่อ เซียนจั๋วนี่นะหรือ?
“ช่างเป็นคนเก่งกาจอะไรเยี่ยงนี้!
ขอสหายเต๋าฉีหยวน โปรดเข้ามารอข้างในสักพัก ตำแหน่งเทพนี้สามารถสร้างขึ้นได้ในครึ่งวัน!”
ฉีหยวนโค้งคำนับด้วยการทำคารวะเต๋าและกล่าวว่า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสขอรับ”
“ไม่ ไม่ ไม่ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้!” เทพเซียนผู้นั้นรีบกล่าวว่า “เรียกข้าว่า สหายเต๋าก็ได้ อย่าเรียกข้าว่าผู้อาวุโสเลย”
หลงจี๋ยิ้มอยู่ข้างๆ เขาและกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น สหายเต๋าฉีหยวนก็รออยู่ที่นี่เถิด ข้าจะกลับไปฟังท่านอาจารย์บรรยายเดี๋ยวนี้!”
………………………………………………………………..
[1] ประตูหลังในที่นี้คือ การไปหาคนของผู้ที่มีอำนาจ เพื่อขอบางสิ่งบางอย่างที่จะเป็นผลประโยชน์แทนที่จะไปหาบุคคลที่มีอำนาจนั้นโดยตรง
—————————————-