ตอนที่ 813 โดนจับกลางดึก (2

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 813 โดน​จับ​กลางดึก​ (2)

ตั้งแต่​ได้​พบ​กับ​หลิน​ม่าย​โดยบังเอิญ​ใน​เมืองหลวง​ เขา​ก็​ติดตาม​เธอ​อย่าง​ลับ​ ๆ และ​สืบค้น​เรื่องราว​ของ​เธอ​

เขา​ไม่เพียง​รู้​ว่า​เธอ​ไป​ได้ดี​ใน​หน้าที่​การงาน​และ​การเรียน​ แต่​ยัง​รู้​ว่า​เธอ​แต่งงาน​แล้ว​

เมื่อ​รู้​ว่า​หลิน​ม่าย​แต่งงาน​แล้ว​ เขา​ก็​โกรธจัด​และ​ด่าทอ​หลิน​ม่าย​ว่า​สำส่อน​ขยัน​สวม​หมวก​เขียว​ให้​เขา​นับ​ครั้ง​ไม่ถ้วน​

ด้วยเหตุนี้​เขา​จึงแอบมอง​ฟางจั๋ว​หรา​น​สามีของ​หลิน​ม่าย​หลายครั้ง​

เขา​ต้องการ​เห็น​ว่า​สามีของ​เธอ​มีหน้าตา​อย่างไร​ ทำไม​เธอ​ถึงยอม​แต่งงาน​กับ​เขา​!

แต่​เมื่อ​ฟางจั๋ว​หรา​น​ขับ​รถจี๊ป​ออก​มาจาก​บ้าน​ เขา​ก็​ขับ​อย่าง​รวดเร็ว​ราวกับ​รีบเร่ง​ ดังนั้น​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​จึงไม่เคย​เห็น​ว่า​เขา​หน้าตา​เป็น​อย่างไร​

แต่​ตอนนี้​เขา​ได้​เห็น​ใบหน้า​ของ​อีก​ฝ่าย​อย่าง​ชัดเจน​ ทั้ง​หล่อเหลา​และ​ดู​เฉลียวฉลาด​

ไม่แปลกใจ​เลย​ที่​ผู้หญิง​คน​นี้​จะยอม​แต่งงาน​กับ​เขา​ เพราะ​เธอ​เห็น​ว่า​เขา​มีหน้าตา​หล่อเหลา​

นัง​ผู้หญิง​หน้าด้าน​!

ฟางจั๋ว​หรา​น​ไม่ได้ยิน​สิ่งที่​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ด่าทอ​หลิน​ม่าย​ใน​ใจ หาก​เขา​ได้ยิน​ เขา​จะต้อง​ทุบ​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​จน​เละ​เป็น​หมู​บะช่อ​อย่าง​แน่นอน​!

เขา​ตรวจสอบ​ผนัง​ พบ​ว่า​ต่อให้​เช็ด​จน​สะอาด​แล้ว​ แต่​สีของ​ผนัง​ก็​เสียหาย​

เขา​มอง​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ที่​กำลัง​กระสับกระส่าย​ “เรือน​สี่ประสาน​ของ​เรา​เป็น​มรดกทางวัฒนธรรม​ หาก​เช็ด​สีออกจาก​ผนัง​บ้าน​ของ​เรา​ไม่ได้​ นาย​ก็​เตรียม​หาเงิน​มาชดเชย​ซะ”

ตอนนี้​ไม่ใช่สอง​ปี​แรก​ของ​การปฏิรูป​และ​การ​เปิด​ประเทศ​ และ​ไม่ใช่ปี​ 1960 และ​ 1970 ซึ่งเป็น​ยุค​ที่​ทุกคน​กลัว​ว่า​ของเก่า​และ​โบราณวัตถุ​ทางวัฒนธรรม​จะนำ​ภัยพิบัติ​มาสู่ตัวเอง​

ดังนั้น​ใน​ทศวรรษ​ที่​ 1960 และ​ 1970 จึงมัก​พบเห็น​ซาก​หม้อ​ดินเผา​โบราณ​หรือ​ซาก​โบราณวัตถุ​ตาม​ข้าง​ถนน​ใน​เมือง​ใหญ่​

สิ่งเหล่านี้​เป็น​วัตถุ​โบราณ​ทางวัฒนธรรม​ที่​คนธรรมดา​ไม่สามารถ​รับมือ​ได้​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงทุบ​ทิ้ง​เพื่อ​ไม่ให้​เกิด​ภัยพิบัติ​กับ​ตัวเอง​

ตั้งแต่​ปลายปี​ที่แล้ว​ กระแส​ทุกอย่าง​ก็​เปลี่ยนไป​

เมื่อ​รัฐ​เริ่ม​ปกป้อง​โบราณสถาน​และ​โบราณวัตถุ​ทางวัฒนธรรม​ ผู้คน​จำนวนมาก​ก็​ซื้อ​สิ่งเหล่านี้​เช่นกัน​

มูลค่า​ของ​โบราณวัตถุ​ทางวัฒนธรรม​พุ่ง​สูงขึ้น​ทันที​

อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​อยู่​ใน​เมืองหลวง​มาระยะ​หนึ่ง​แล้ว​ และ​เขา​รู้​เกี่ยวกับ​สถานการณ์​นี้​ดี​

เขา​รู้สึก​ตื่นตระหนก​ใน​ใจ หาก​ฟางจั๋ว​หรา​น​ต้องการ​ให้​เขา​ชดเชย​จริง​ มัน​จะต้อง​ไม่ใช่เงิน​จำนวน​เพียง​เล็กน้อย​แน่​

เขา​ไม่มีเงิน​แล้ว​ แล้ว​เขา​จะชดเชย​ได้​อย่างไร​?

เขา​พึมพำ​ “ฉัน​ไม่มีเงิน​…”

ฟางจั๋ว​หรา​น​พูด​อย่าง​เย็นชา​ “ถ้าไม่มีเงิน​ก็​รอ​เข้า​คุก​ได้​เลย​”

ใบหน้า​ของ​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​พลัน​ซีดเซียว​ในทันที​

เขา​ไม่อยาก​ติดคุก​อีกต่อไป​ ไม่อยาก​ถูก​รังแก​จาก​คนพาล​ใน​คุก​ เพราะ​นั่น​เปรียบ​ได้​กับ​ฝันร้าย​ใน​ชีวิต​ของ​เขา​

เมื่อ​เห็น​เขา​ยืน​นิ่ง​ ฟางจั๋ว​หรา​น​ก็​พูด​อย่าง​หมด​ความอดทน​ “อยาก​ให้​ฉัน​ปล่อย​อา​หวง​ให้​กัด​นาย​ก่อน​จะไป​ที่​สถานีตำรวจ​ไหม​?”

เมื่อ​ได้ยิน​ดังนั้น​ อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ก็​ลาก​เท้า​ของ​ตัวเอง​เดิน​ไป​ยัง​สถานีตำรวจ​ทีละ​ก้าว​ราวกับ​เดิน​สู่แดน​ประหาร​

หลังจาก​เดิน​ไป​ได้​ระยะ​หนึ่ง​ จู่ ๆ เขา​ก็​หยุด​และ​เอ่ย​ “ฉัน​มีความลับ​เกี่ยวกับ​หลิน​ม่าย​ที่จะ​บอก​นาย​ นาย​อยากรู้​ไหม​?”

ฟางจั๋ว​หรา​นข​มวด​คิ้ว​เล็กน้อย​ “ความลับ​อะไร​?”

เขา​ไม่ต้องการ​ล่วงล้ำ​ความเป็นส่วนตัว​ของ​หลิน​ม่าย​ และ​กังวล​ว่า​จะมีเรื่อง​บาง​สิ่งของ​หลิน​ม่าย​ตกไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​ชาย​ผู้​นี้​

แต่​หาก​เขา​ค้นพบ​ เขา​ก็​จะจัดการ​เรื่อง​นี้​แทน​เธอ​

อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ต่อรอง​ “ฉัน​จะบอก​ความลับ​ของหล่อน​ให้​นาย​ฟัง แต่​นาย​ต้อง​ปล่อย​ฉัน​ไป​”

ฟางจั๋ว​หรา​น​โกรธจัด​และ​ต่อย​เขา​ “แก​เพิ่ง​เขียน​ด่า​ภรรยา​ฉัน​บน​กำแพง​บ้าน​ฉัน​ ไม่ว่า​ยังไง​ฉัน​ก็​จะไม่ปล่อย​แก​ไป​ กล้า​ดี​ยังไง​มาต่อรอง​กับ​ฉัน​?!”

อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ถูก​ฟางจั๋ว​หรา​น​ต่อย​จน​โซเซ ไม่สามารถ​ยืน​ได้​อย่าง​มั่นคง​และ​ล้ม​ลง​กับ​พื้น​

ก่อนที่​เขา​จะทัน​ได้​ลุกขึ้น​ ใบ​มีด​คม​ก็​จ่อ​อยู่​ที่​คอ​ของ​เขา​

ฟางจั๋ว​หรา​น​พูด​อย่าง​เย็นชา​ “แก​อาจ​ไม่รู้​ว่า​ฉัน​เป็น​ศัลยแพทย์​ ฉัน​มีวิธี​ฆ่าแก​เป็น​ร้อย​วิธี​ ซึ่งแต่ละ​วิธี​ก็​แนบเนียน​จน​ทำให้​คนอื่น​คิด​ว่า​แก​ฆ่าตัวตาย​เอง​ แก​จะยอม​รับโทษ​แต่​โดยดี​หรือ​จะตาย​อย่าง​เจ็บปวด​?”

อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ตกใจกลัว​จน​เหงื่อ​เย็น​ไหล​ลงมา​ พูด​เสียงสั่น​พร่า​ “ฉัน​… ฉัน​ไม่อยาก​ตาย​…”

“ถ้าอย่างนั้น​บอก​ความลับ​ของ​หลิน​ม่าย​ให้​ฉัน​ฟังเดี๋ยวนี้​”

“หลิน​ม่าย​… หล่อน​ไม่มีความลับ​อะไร​หรอก​ ฉัน​… ฉัน​แค่​อยาก​จะทำลาย​… ทำลาย​ความสัมพันธ์​ของ​นาย​กับ​หล่อน​…”

เดิมที​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ต้องการ​โกหก​ว่า​หลิน​ม่าย​มีความสัมพันธ์​กับ​ชาย​อื่น​ทั้งที่​เธอ​ยัง​ไม่ได้​แต่งงาน​ เพื่อให้​ฟางจั๋ว​หรา​น​เกลียด​เธอ​ จากนั้น​ทั้งสอง​ก็​จะหย่ากัน​

ทำไม​เขา​และ​หลิน​เพ่​ย​ถึงมีชีวิต​ที่​น่าสังเวช​เช่นนี้​ ?

คน​หนึ่ง​นอน​กับ​หญิง​ชรา​ ขณะ​อีก​คน​เสียโฉม​

แต่​หลิน​ม่าย​กลับ​มีหน้าที่​การงาน​และ​การเรียน​ที่​ดี​ มีชีวิตคู่​ที่​มีความสุข​ เขา​จะยอม​ได้​อย่างไร​!

แต่​เมื่อ​เผชิญ​กับ​คำขู่​ฆ่าของ​ฟางจั๋ว​หรา​น​ เขา​ก็​ไม่กล้า​โกหก​

เขา​กลัว​ว่า​ฟางจั๋ว​หรา​น​จะค้นพบ​ความจริง​และ​ฆ่าเขา​

ฟางจั๋ว​หรา​น​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​

เขา​ต่อย​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​จน​หมดสติ​ ก่อน​จะลา​กร่าง​ไป​ทิ้ง​ใน​ป่าละเมาะ​และ​เดิน​จากไป​

ป่า​นี้​เป็น​ป่าชุมชน​ที่​เป็น​แหล่ง​นัดพบ​ของ​ชน​ชาว​นิยม​ไม้ป่าเดียวกัน​ กระทั่ง​เป็นเวลา​ดึกสงัด​แล้วก็​ยังมี​คน​มาเริง​รัก​กัน​

อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ถูก​โยน​ไป​ทิ้ง​ไว้​ที่นั่น​ ผล​ที่​ตามมา​ก็​เป็นอัน​จินตนาการ​ได้​

ภายใน​ไม่กี่​นาที​ เสียงร้อง​ครวญคราง​น่าขนลุก​ของ​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ก็​ดัง​ขึ้น​จาก​ป่า​เล็ก​ ๆ

ฟางจั๋ว​หรา​น​ได้ยิน​แล้วก็​รู้สึก​สาแก่ใจ​มาก​ ชาย​ผู้​นี้​กล้า​ต่อว่า​ภรรยา​ของ​เขา​ สมควร​ได้รับ​การ​ลงโทษ​แบบนี้​!

กว่า​ครึ่ง​ชั่วโมง​ต่อมา​ เมื่อ​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​เดิน​ออก​มาจาก​ป่า​ ท่า​ทางการ​เดิน​ของ​เขา​ก็​ดู​แปลก​ไป​

เขา​คิด​ว่า​ฟางจั๋ว​หรา​น​จะปล่อย​เขา​ไป​หลังจาก​ลงโทษ​เขา​อย่าง​โหดเหี้ยม​ เพื่อ​ที่​เขา​จะได้​ไม่ต้อง​ไป​ที่​สถานีตำรวจ​

แต่​เขา​ไม่คาดคิด​ว่า​ฟางจั๋ว​หรา​น​จะรอ​เขา​อยู่​ไม่ไกล​ ดังนั้น​เขา​จึงทำได้​เพียง​เดิน​เข้า​ไปหา​อีก​ฝ่าย​

ฟางจั๋ว​หรา​นม​อง​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​ ซึ่งทำให้​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ขนลุก​

“คิด​จะแจ้งตำรวจ​เหรอ​? จะบอก​ตำรวจ​ว่า​ฉัน​ทำร้ายร่างกาย​แก​เหรอ​? เกรง​ว่า​แก​คง​ต้อง​ผิดหวัง​ กฎหมาย​ของ​จีน​ไม่คุ้มครอง​เรื่อง​ทำนอง​นี้​หรอก​”

แม้ว​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​จะไม่เข้าใจ​กฎหมาย​ แต่​เขา​ก็​ไม่ได้​ตั้งใจ​ที่จะ​หา​ตำรวจ​ใน​เรื่อง​นั้น​ เขา​ไม่อาจ​ยอม​เสี่ยง​เพื่อ​ทำให้​ตัวเอง​ติดคุก​ได้​หรอก​

แต่​เมื่อ​เขา​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ยัง​สถานีตำรวจ​ อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ยอมรับ​เพียง​ว่า​เขา​ใช้สีแดง​เขียน​คำ​หยาบคาย​บน​ผนัง​เรือน​สี่ประสาน​ของ​หลิน​ม่าย​

เขา​ปฏิเสธ​อย่าง​แน่ว​น่​ที่จะ​ยอมรับ​ว่า​ตน​เป็น​ผู้วางเพลิง​ โดย​ยืนกราน​ว่า​มีคน​พยายาม​ใส่ร้าย​เขา​

แม้อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​จะไม่เข้าใจ​กฎหมาย​ แต่​เขา​ก็​รู้​ว่า​การเขียน​ประโยค​ดูหมิ่น​บน​กำแพง​ลานบ้าน​ของ​คนอื่น​และ​การ​ทำลาย​โบราณวัตถุ​ทางวัฒนธรรม​ของ​คนอื่น​ไม่ใช่อาชญากรรม​ที่​สมควร​ตาย​ และ​ไม่มีการรับประกัน​ว่า​จะถูก​จำคุก​

แต่​ความผิด​ฐาน​วางเพลิง​น้้นพูด​ยาก​ หาก​พยายาม​วางเพลิง​ก็​จะถูก​พิพากษา​โทษหนัก​

ขณะที่​เขา​อยู่​ใน​คุก​ เพื่อน​นักโทษ​คน​หนึ่ง​ของ​เขา​ถูก​ตัดสิน​จำคุก​สิบห้า​ปี​ใน​ข้อหา​พยายาม​วางเพลิง​

แม้ว่าการ​ปราบปราม​ใน​ตอนนั้น​จะรุนแรง​และ​โทษหนัก​ แต่​ตอนนี้​การ​ปราบปราม​ผ่าน​ไป​แล้ว​และ​โทษ​จะไม่รุนแรง​นัก​ ทว่า​ก็​ยัง​ต้อง​ติดคุก​หลาย​ปี​

ดังนั้น​เขา​จึงไม่ยอมรับ​ว่า​ตน​ได้​ทำการ​วางเพลิง​ และ​ไม่ได้​จุดไฟ​ตั้งแต่แรก​

แม้ว่า​ตำรวจ​จะสอบปากคำ​เขา​เป็นเวลา​หลาย​ชั่วโมง​ แต่​เขา​ก็​ปฏิเสธ​ที่จะ​ยอมรับ​

นอกจากนี้​ ชาย​ลึกลับ​ที่​ตะโกน​ว่า​ ‘มีคน​จุดไฟ​’ ก็​ไม่ปรากฏตัว​ ทำให้​คดี​นี้​เต็มไปด้วย​ความสงสัย​

แม้ว่า​คดี​ลอบ​วางเพลิง​จะได้รับ​การระงับ​ชั่วคราว​ แต่​ตำรวจ​ยังคง​รู้สึก​ว่า​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​มีแรงจูงใจ​ใน​การ​วางเพลิง​

ตัว​เขา​เอง​สารภาพ​ว่า​เขา​เกลียด​หลิน​ม่าย​อย่าง​สุดซึ้ง​ นั่น​คือ​เหตุผล​ที่​เขา​เขียน​ประโยค​นั้น​บน​กำแพง​ลานบ้าน​ของ​เธอ​กลางดึก​

เนื่องจาก​เขา​เกลียด​หลิน​ม่าย​มาก​ หาก​เขา​คิด​จะลอบ​วางเพลิง​บ้าน​ของ​เธอ​จริง​ แน่นอน​ว่า​เพลิง​นั้น​จะไม่เล็กน้อย​เช่นนี้​

ตำรวจ​ควบคุมตัว​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​เป็นเวลา​หนึ่ง​สัปดาห์​ใน​ข้อหา​ทำลาย​โบราณวัตถุ​ทางวัฒนธรรม​และ​ทรัพย์สิน​ของ​ผู้อื่น​

พวกเขา​ใช้ตลอดทั้ง​สัปดาห์​เพื่อ​ดู​ว่า​จะสามารถ​แก้ปัญหา​คดี​ลอบ​วางเพลิง​ได้​หรือไม่​

ฟางจั๋ว​หรา​น​พา​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ไป​ยัง​สถานีตำรวจ​เพื่อ​ลง​บันทึกประจำวัน​ก่อน​จะกลับบ้าน​ไป​นอน​

ใน​ช่วง​พักกลางวัน​ของ​วันรุ่งขึ้น​ เขา​ใช้เวลา​โทร​ไป​ยัง​สถานีตำรวจ​และ​ได้​ทราบ​ว่า​ตำรวจ​ยัง​ไม่ได้​ตัดสิน​ว่า​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​เป็น​ผู้วางเพลิง​หรือไม่​ ซึ่งเขา​ก็​ไม่สนใจ​

เพราะ​เขา​รู้​ความจริง​เกี่ยวกับ​คดี​ลอบ​วางเพลิง​ และ​อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​ก็​ถูก​ภรรยา​ของ​เขา​ข่มเหง​

เขา​สามารถ​ใช้ทุก​วิถีทาง​เพื่อ​จัดการ​กับ​พวก​สวะ​ตราบใดที่​ไม่เป็นการ​ทำร้าย​ผู้บริสุทธิ์​

แม้อู๋​เสี่ยว​เจี๋ยน​อาจ​รอดพ้น​จาก​คดี​ลอบ​วางเพลิง​ แต่​ความผิด​ซ้ำสอง​ใน​การ​ทำลาย​ทรัพย์สิน​ของ​ครอบครัว​และ​ทำลาย​โบราณวัตถุ​ทางวัฒนธรรม​ก็​เพียง​พอที่จะ​เอาผิด​เขา​ได้​

………………………………………………………………………………………………………………………..

สาร​จาก​ผู้แปล​

อย่า​คิด​งัดข้อ​กับ​พี่​หมอ​ของ​ม่าย​จื่อ​เด็ดขาด​ แก​สู้เขา​ไม่ได้​หรอก​สวะ​เสี่ยว​เจี๋ยน​

ไหหม่า​(海馬)