บทที่ 745 เป็นคนที่ถูกเกลียด

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 745 เป็นคนที่ถูกเกลียด

บทที่ 745 เป็นคนที่ถูกเกลียด

ต่อหน้าชาวนาเหล่านี้ ผู้หญิงโฉมงามคนนี้ไม่มีอะไรนอกจากความประหลาดใจเล็กน้อย

หลิวเทียนฉือมีใบหน้าที่มีความสุขในตอนแรก แต่หลังจากเห็นเด็กหญิงคนนั้น ใบหน้าของนางก็บิดเบี้ยวน่าเกลียด

ผมเผ้าของเด็กหญิงยุ่งเหยิง และปากก็ยังเลอะด้วยคราบน้ำมัน บางทีเมื่อครู่อาจจะกินอะไรเข้าไปใบหน้าจึงเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเช่นนี้

นอกจากนี้ยังมีมือคู่ดำสกปรกคู่นั้น ไม่รู้ว่าไปจับอะไรมา และเสื้อผ้าบนร่างกายก็ถูกเย็บปะติดกัน ซึ่งมองแล้วทนไม่ได้จริง ๆ

จากนั้นก็เห็นเด็กนั้นก้าวมาข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง

หลิวเทียนฉือตระหนกตกใจและผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว คิ้วของนางขมวดเข้าหากัน แต่ใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนและสุภาพ

เด็กคนนั้นไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวามาก จึงมองไม่เห็นความรังเกียจในสายตาของหลิวเทียนฉือเลย

อย่างไรก็ตาม แววตารังเกียจนั้นไม่สามารถหลอกกู้เสี่ยวหวานได้ เมื่อเห็นความรังเกียจในดวงตาของหลิวเทียนฉือ กู้เสี่ยวหวานก็ขมวดคิ้ว

และได้ยินความอยากรู้อยากเห็นและความชื่นชมของเด็ก “ท่านพี่ ท่านพี่เป็นนางฟ้าลงมาจากสวรรค์ใช่หรือไม่?”

หลิวเทียนฉือยิ้มหวาน พยายามอย่างเต็มที่ที่จะเพิกเฉยต่อความสกปรกของเด็ก และพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ใช่นางฟ้า ข้าก็เหมือนเจ้า เป็นแค่มนุษย์!”

เด็กคงมองไม่ออกว่าความอ่อนโยนและสง่างามเป็นสิ่งจอมปลอม และรู้สึกว่าพี่สาวผู้นี้เป็นคนดี และพูดคุยกับตนเองอย่างอ่อนโยน

แต่เด็กหญิงไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก้าวไปข้างหน้าและต้องการที่จะสัมผัสเสื้อผ้าบนร่างกายของหลิวเทียนฉือ

ครั้นหลิวเทียนฉือเห็นเด็กหญิงเดินตรงเข้ามาก็ผงะและตกใจ นางกลัวว่าเด็กหญิงสกปรกมอมแมมคนนี้จะทำให้เสื้อผ้าบนร่างกายของตนเองสกปรกไปด้วย นางจึงรีบถอยห่างออกไปสองสามก้าว

เมื่อเห็นเด็กหญิงซกมกขยับเข้ามาใกล้คุณหนูของตน เสี่ยวเถาก็รู้สึกขยะแขยง แต่ในเวลานี้นางไม่สามารถกลัวได้ นางต้องปกป้องคุณหนูไว้ก่อน

ดังนั้นนางจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องหลิวเทียนฉือที่อยู่ข้างหลังและพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าเด็กน้อย ตัวเจ้าสกปรกมา เจ้าอย่าเข้ามาใกล้คุณหนูนะ!”

ใบหน้าของเสี่ยวเถาไร้อารมณ์และน้ำเสียงของนางก็แข็งกร้าว เด็กหญิงที่เมื่อครู่เต็มไปด้วยความสุข ครั้นถูกตำหนิจึงเบะปาก และหลั่งน้ำตาออกมาทันที

เมื่อเห็นลูกสาวของตนเองร้องไห้ ผู้เป็นมารดาจึงรีบเข้าไปกอดลูกของตน และปลอบโยนไม่หยุด

มารดาของเด็กหญิงเกิดอาการฉุนเฉียว และเห็นว่าลูกสาวของตนถูกตำหนิอย่างรุนแรง จึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ นางตะเบ็งเสียงดังและเริ่มวิจารณ์ “เจ้าช่างหยิ่งผยองนัก ลูกสาวของข้าเพิ่งพูดว่าคุณหนูของเจ้าดูเหมือนนางฟ้า ทำไมเจ้าต้องมาดุนางด้วย? หรือเจ้าคิดว่าคุณหนูของเจ้าไม่สวย!”

สตรีนางนี้เป็นผู้เช่าที่ดินของครอบครัวกู้เสี่ยวหวาน นางพูดอย่างแข็งขันเด็ดเดี่ยว แม้แต่สามีของนางก็ไม่กล้าขัดขืนคำพูดของนางเลยแม้แต่น้อย

ถึงนางจะอยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียว หากแต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ นางเป็นชาวนาที่ซื่อสัตย์

นอกจากนี้ยังเป็นคนมีสมองอีกด้วย นางโยนความขัดแย้งทั้งหมดให้กับสาวรับใช้คนนั้นโดยสิ้นเชิง ขึ้นอยู่กับว่าสาวรับใช้ตอบสนองอย่างไร

ถ้าเสี่ยวเถาตอบว่าใช่ นางจะทำให้หลิวเทียนฉือขุ่นเคือง แต่ถ้านางตอบว่าไม่ ก็หมายความว่าเด็กน้อยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดผิด แล้วเหตุใดจะต้องถูกนางตำหนิด้วย

ผู้หญิงคนนั้นตะคอกสองสามคำราวกับยิงปืนใหญ่ เสี่ยวเถาไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้มาก่อน ในคราแรกนางเกิดอาการตกใจเล็กน้อย จากนั้นใบหน้าของนางก็แดงก่ำด้วยความโกรธ มองผู้หญิงคนนั้นด้วยความไม่พอใจและเหลือบมองไปที่คุณหนูของตนเอง

สีหน้าของหลิวเทียนฉือเองก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ และคิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากันแน่น

เสี่ยวเถาตกใจและร้องขอความเมตตาทันที “คุณหนู ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น!”

ที่นั่น ผู้หญิงคนนั้นกำลังปกป้องลูกตนเอง และจ้องมองที่เสี่ยวเถาด้วยความโกรธ ในเวลานี้คนรอบข้างต่างก็ยืนขึ้นทีละคนและเดินไปทางด้านนั้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

หลิวเทียนฉือรู้ว่าตอนนี้เสี่ยวเถาทำให้ทุกคนขุ่นเคือง

เมื่อมองไปที่เด็กอีกครั้ง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็พยายามจะระงับอาการคลื่นไส้ นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและเอื้อมมือไปสัมผัสตัวเด็กหญิง

แม่ของเด็กหญิงระมัดระวังตัวราวกับจงอางหวงไข่ นางยืดตัวขึ้นและขวางเด็กให้ไปอยู่ข้างหลัง

เด็กหญิงอยู่ในอาการหวาดกลัวเช่นกัน และรีบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังแม่ของนาง

หลิวเทียนฉือสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า และมือที่ยื่นออกไปก็ชะงักหยุดอยู่ตรงนั้นอย่างงุ่มง่าม ไม่เอามันกลับก็ไม่ดี หรือเอามันกลับมาก็ไม่ได้

เด็กหญิงยังคงร้องไห้งองแง กู้เสี่ยวหวานรีบคว้าขนมสองสามชิ้นจากโต๊ะข้าง ๆ ย่อตัวลงตรงหน้าเด็กหญิง ยื่นมือออกเผยให้เห็นขนมในฝ่ามือของนางและปลอบโยน “เด็กน้อย เจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ ข้ามีขนมมาให้!”

เด็ก ๆ ก็เป็นแบบนี้ ตราบใดที่มีของอร่อยมาปลอบใจเวลาร้องไห้ พวกเขาก็จะลืมความเศร้าเหล่านั้นทันที

เมื่อเด็กหญิงเห็นกู้เสี่ยวหวานนำขนมมาให้ นางก็คลี่ยิ้มอีกครั้ง และเอื้อมมือไปคว้าขนมในมือกู้เสี่ยวหวาน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณเจ้าค่ะ!”

กู้เสี่ยวหวานลูบศีรษะของเด็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของนาง และส่งเสียงหัวเราะไปด้วยกัน

หลิวเทียนฉือเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างกู้เสี่ยวหวานและเด็กคนนั้นทุกอย่าง

ตอนนั้นเด็กคนนี้ชี้มาที่ตัวเองและเรียกขานตนเองว่านางฟ้า แต่ต่อมานางก็เกิดอาการหวาดกลัว เมื่อหลิวเทียนฉือได้ยินว่าทุกคนเริ่มยกย่องกู้เสี่ยวหวาน หลิวเทียนฉือก็รู้สึกถึงความเกลียดชังที่ไม่สามารถบรรยายได้ในใจของตน

แต่นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะระงับความโกรธเอาไว้ในใจ และในที่สุดนางก็ได้แต่ยิ้มอย่างเคอะเขิน แต่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดึงมือกลับมา “เสี่ยวเถา รีบไปขอโทษแม่นางคนนี้เร็วเข้า!”

ทันใดนั้น น้ำเสียงก็แข็งกร้าวขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าหลิวเทียนฉือโกรธ เสี่ยวเถาทำได้เพียงเม้มปากและก้าวไปข้างหน้าทันที โค้งคำนับและพูดว่า “ขออภัยแม่นาง!”

เมื่อเห็นว่านางได้ขอโทษแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ตำหนิอะไรอีก นางกอดเด็กหญิงแล้วถอนหายใจอย่างเย็นชา ลอบมองเสี่ยวเถาเล็กน้อยและหมุนกายจากไป

เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว หลิวเทียนฉือก็ไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป มีเนื้อและกระดูกกองเละเทะอยู่บนพื้น และบนกระโปรงของนางก็มีคราบฝุ่นเต็มไปหมด

สภาพแวดล้อมแบบนั้นทำให้รู้สึกแย่เมื่อคิดถึงมัน

สีหน้าของหลิวเทียนฉือเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ตอนนี้นางกลายเป็นคนอ่อนโยนทันที เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน นางก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ “แม่นางกู้ได้รับรู้เจตนาดีของข้าแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่รบกวนทุกคนอีก ถ้าในอนาคตมีโอกาสก็ไปหาข้าที่บ้านตระกูลเจียง ข้าชอบผ้าเช็ดหน้าและตุ๊กตาที่เจ้าปักมาก!”

หลิวเทียนฉือยิ้มหวานดูเหมือนไร้พิษภัย

แต่ฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วและมองนางอย่างเย็นชา

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่หลิวเทียนฉือที่อยู่ข้างหน้า แม้ว่าจะกังวลอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่กู้เสี่ยวหวานก็เป็นคนที่อยู่ในโลกนี้มาเกือบสามสิบปีในชีวิตที่แล้ว ตอนนี้หลิวเทียนฉือในสายตาของนางก็เป็นแค่เด็ก