บทที่ 795 จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ซาง
บทที่ 795 จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ซาง
เพ่ยเหมียนหมานพูดไม่ออก
ทั้งอายทั้งเคือง แล้วนางก็ทุบเขาเบา ๆ
ซูอันต่อสู้กลับอย่างสนุกสนาน เมื่อร่างกายของพวกเขาพัวพันกัน ทั้งคู่ก็ยิ่งร้อนรุ่มขึ้น
ในท้ายที่สุดซูอันจับมือนางไว้ และเพ่ยเหมียนหมานก็หยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน ดวงตากลมโตของนางจ้องตรงมาที่เขา เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความเสน่หา
เมื่อมองไปที่ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของนางซูอันไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป เขาค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้
ร่างกายของเพ่ยเหมียนหมานแข็งค้าง เมื่อนางรู้สึกว่าเขาเข้ามาใกล้นางมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นางผ่อนคลายอย่างรวดเร็วและค่อย ๆ หลับตาลง
เพ่ยเหมียนหมานสั่นเมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากของเขา ราวกับว่ากระแสไฟฟ้าไหลผ่านทั่วร่างกาย แขนของนางขยับโอบกอดเขาโดยไม่รู้ตัว
คู่รักที่เพิ่งเริ่มความสัมพันธ์ต่างก็เป็นแบบนี้ ดื่มด่ำอย่างเต็มที่และแสดงความรักในขณะที่พวกเขาเคลิบเคลิ้มไปกับจุมพิต
หลังจากเวลาที่ยาวนานจนดูเหมือนชั่วนิรันดร์ ริมฝีปากของทั้งสองก็แยกจากกันในที่สุด แก้มของเพ่ยเหมียนหมานเป็นสีดอกกุหลาบ และเสียงของนางก็อ่อนโยนลงและน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก “มีดของเจ้ากำลังทิ่มขาข้า”
ใบหน้าของซูอันเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาไม่รู้จะอธิบายตัวเองอย่างไร
เพ่ยเหมียนหมานนึกขึ้นได้อย่างรวดเร็วต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งคู่เปลือยกายอยู่บนเตียงเดียวกัน ซูอันจะมีมีดติดตัวได้อย่างไร?
นางยกมุมผ้าขึ้นมอง ใบหน้าของนางแดงก่ำ
ซูอันกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่เพ่ยเหมียนหมานหัวเราะคิกคักขึ้นมาก่อน “ข้าสงสัยอยู่เสมอว่าทำไมทุกคนในสถาบันจันทร์กระจ่างถึงแสดงท่าทางแปลก ๆ ตอนหลังจากออกจากมิติลับหยกจรัสแล้ว มีข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ข้าพยายามจับคนมาถามไถ่แต่ไม่มีใครกล้าพูดสักคนเดียว แต่ตอนนี้ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าทำไม”
ซูอันหน้าแดงด้วยความเขินอาย ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งจริง! นางจับนักศึกษาคนอื่นและสอบปากคำพวกเขา!
ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานแดงก่ำ นางพ่นลมหายใจและพูดว่า “ไม่น่าแปลกใจที่คนเหล่านั้นเรียกเจ้าว่าม้า ข้าคิดว่าพวกเขากำลังด่าอะไรเจ้าซักอย่าง แต่ตอนนี้…” คำพูดของนางละลายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก
ซูอันอารมณ์เสีย “ยัยแม่มดร้าย เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าเหรอ? ถ้าข้าสูญเสียการควบคุมตัวเอง เจ้าต้องรับผิดชอบ!”
เพ่ยเหมียนหมานโน้มตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา “ข้าจะรับผิดชอบเอง…”
หัวใจของซูอันเต้นแรง เขาไม่แน่ใจว่านางหมายถึงอะไร
เพ่ยเหมียนหมานยกผ้าห่มขึ้นดูอีกครั้งและพูดอย่างสงสัย “ร่างกายที่บอบบางของชูเหยียนรับมือกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
ซูอันจะสามารถยับยั้งตัวเองอีกได้อย่างไร? เขากดตัวเองลงบนตัวของนาง มองตรงเข้าไปในดวงตาของนาง “ลองแล้วจะรู้”
เพ่ยเหมียนหมานสบตาเขา “คนโง่ ข้าบอกไปแล้วว่าข้าเป็นของเจ้า ทำไมเจ้าถึงยังลังเลอยู่”
ซูอันเปล่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่า เขาประกบริมฝีปากนางและจูบนางอย่างเร่าร้อน
…
ไม่นาน คิ้วที่สวยงามของเพ่ยเหมียนหมานขมวดเข้าหากัน ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดอย่างที่สุด นางเอามือแตะหน้าอกของเขาแล้วพูดว่า “อาซู เดี๋ยวก่อน…”
“มีอะไรเหรอ?” ซูอันสาปแช่งในใจ สายธนูของข้าถูกดึงออกมาจนสุดและพร้อมที่จะยิง! เจ้าพยายามจะฆ่าข้าเหรอ!
ความรู้สึกเจ็บปวดได้กระตุ้นความคิดอื่นในใจของเพ่ยเหมียนหมาน “อาซูเรายังอยู่ในการทดสอบไม่ใช่เหรอ?”
ซูอันพยักหน้า เขาจำเหตุผลที่พวกเขามาที่นี่ได้เช่นกัน
เพ่ยเหมียนหมานเม้มริมฝีปากครู่หนึ่ง แล้วถามความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีเพียงทั้งสองคนเท่านั้นที่รู้ เมื่อเขาตอบถูกทุกข้อ นางถอนหายใจและพูดว่า “ข้ากังวลว่าตัวเองอาจจะหลงไปกับภาพลวงตาบางอย่าง นี่เป็นเหตุผลที่ข้าต้องยืนยันตัวตนของเจ้าก่อน”
ซูอันหัวเราะและพูดว่า “เหมียนหมานใหญ่ เจ้าเฉียบแหลมจริง ๆ” ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย การทดสอบนี้ควรจะเกี่ยวกับอะไรกันแน่? เป็นไปได้ไหมว่าการทดสอบนี้เป็นกับดักน้ำผึ้งจริง ๆ?
ซูอันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวงดงามมาก และดูเหมือนว่ามีคนคอยคุ้มกันอยู่นอกห้อง เขาเอาผ้าห่มห่มเพ่ยเหมียนหมานแล้วตะโกน “ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาเดี๋ยวนี้!”
ประตูถูกเปิดด้วยเสียงลั่นดังเอี๊ยด หญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาช้า ๆ
หน้าตาของนางจัดได้ว่าสวยเหนือหญิงสาวชาวบ้านทั่วไปในโลกที่แล้วของเขา นางคงถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในชั้นเรียน
อย่างไรก็ตามซูอันเคยชินกับการมีเพ่ยเหมียนหมานที่สวยงามเลิศเลออยู่ข้างกาย ดังนั้นเขาจึงมีภูมิคุ้มกันต่อสาวงามอย่างมาก ชายหนุ่มจึงไม่หวั่นไหวง่าย ๆ กับสาวสวยธรรมดา ๆ แบบนี้
ทว่าชุดของหญิงสาวที่เดินเข้ามานั้นค่อนข้างสะดุดตาเป็นเพราะนางไม่ได้ใส่อะไรมากนัก นางสวมชุดรัดตัวขนาดเล็กและกระโปรงสั้นซึ่งปกปิดส่วนสำคัญไว้
เอวที่เพรียวบางรวมทั้งขาที่ได้สัดส่วนดีของหญิงสาวเปิดโล่ง ความอ่อนเยาว์ของนางแสดงออกอย่างเต็มที่
หลังจากการตกใจครั้งแรกผ่านไป ซูอันก็ตระหนักว่าในสมัยโบราณสินค้าวัสดุบางอย่างอาจจะขาดแคลน อุตสาหกรรมการปั่นด้ายและทอผ้ายังไม่รุ่งเรือง ผู้คนจึงมักสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น หญิงสาวคนนี้คงไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดเผยเนื้อหนังของตัวเอง
เขาถอนหายใจด้วยความอิจฉา ผู้ชายในสมัยโบราณช่างโชคดีจริง ๆ!
ระหว่างที่จิตใจของเขากำลังล่องลอยอยู่นั้น นางกำนัลทักทายพวกเขาด้วยความเคารพ “องค์จักรพรรดิมีรับสั่งใดให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ?”
“จักรพรรดิ?” ซูอันตกใจ ดวงตาของเพ่ยเหมียนหมานก็เบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องที่นางไม่คาดคิดเช่นกัน
“เราอยู่ในราชวงศ์ใด” ซูอันรีบถาม
“ราชวงศ์?” นางกำนัลดูสับสน นางไม่เข้าใจคำถาม
ซูอันกระแอมอย่างรวดเร็วและลองอีกครั้ง “อาณาจักร…อาณจักรของข้ามีชื่อว่าอะไร?”
คราวนี้นางกำนัลเข้าใจเขา “นี่คืออาณาจักรซาง มีอะไรผิดปกติเพคะฝ่าบาท? เหตุใดพระองค์ถามคำถามข้าแปลก ๆ?”
ซูอันตกใจ ชายหนุ่มกังวลว่าเขาเพิ่งจะพลาดแสดงไม่เนียนต่อหน้านางกำนัลผู้นี้ไป
แต่หลังจากคิดทบทวนอยู่สักพัก เขาก็ตระหนักว่าเขาเป็นองค์จักรพรรดิดังนั้นเขาจะต้องกังวลกับนางกำนัลไปทำไม ท้ายที่สุดบรรดาผู้ที่อยู่ในราชวงศ์ซางมีอำนาจจะสั่งบูชายัญใครก็ย่อมได้
ดังนั้นเขาจึงแสดงสีหน้าจริงจังและเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงดังก้อง “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงย้อนถามข้ากลับ!”
นางกำนัลกลัวมากจนทรุดตัวลงกับพื้นเมื่อเห็นความโกรธที่ซูอันแกล้งทำ ร่างกายของนางสั่นสะท้านขณะที่พูด “ฝ…ฝ่าบาทหม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย! ได้โปรดอย่าสั่งลงโทษหม่อมฉันเลย หม่อมฉันจะไม่กล้าทำอีกแล้ว!”
จากการแสดงออกที่แสนหวาดกลัวของนางเพียงอย่างเดียวซูอันสามารถสัมผัสได้ว่าวิธีการลงโทษของราชวงศ์ซางน่ากลัวเพียงใด
การขู่เข็ญผู้หญิงแบบนี้ทำให้เขารู้สึกแย่มาก อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มก็จำจุดประสงค์ของตัวเองได้ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำใจให้แข็งเข้าไว้ “พูดชื่อข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
นางกำนัลละล่ำละลัก “ฝ่าบาท ได้โปรดยกโทษให้หม่อมฉันด้วย! หม่อมฉันไม่กล้าเอ่ยพระนามอันรุ่งโรจน์ของพระองค์!”
ซูอันพ่นลมหายใจ “ถ้าข้าบอกให้พูดก็พูด ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นเนื้อสับ!”
———————–