ตอนที่ 630 แผนการเล็กๆ แก้แค้นครั้งใหญ่ (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 630 แผนการเล็กๆ แก้แค้นครั้งใหญ่ (3)

“ข้าอายตัวเองนัก ทำให้ท่านต้องขบขันแล้ว กิจการประเภทนี้ไม่อาจอยู่บนโต๊ะ[1]ได้”

เปี้ยนจวงถอนหายใจและกล่าวว่า “แม้หอเทียนหยาจะไม่เคยทำอะไรที่ขัดกับมโนธรรมของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ในกิจการสายงานนี้…ช่างเถิด ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ

เรื่องเป็นเช่นนี้ บนเกาะกูหลิงแห่งทะเลทักษิณ มีหอสาขาที่ตระกูลของข้าเพิ่งเปิดขึ้น

วันนี้ มีนักพรตเต๋าชราสองคนจากสำนักบำเพ็ญประจิมแอบมาพบกับสามราชาปีศาจโบราณแห่งเผ่าปีศาจในหอ เพื่อหารือถึงเรื่องวิธีจัดการกับศาลสวรรค์และเทพวารี!”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและถามว่า “พวกเขามีแผนการเฉพาะที่เป็นรูปธรรมชัดเจนแล้วหรือไม่”

“ขอรับ แต่ระดับฐานพลังของคนในหอมีจำกัด เนื้อหาที่พวกเขาได้ยินมานั้น จึงไม่มีรายละเอียดมากนัก”

เปี้ยนจวงกล่าวเสียงทุ้มต่อไปว่า “บางที พวกเขาอาจต้องการใช้แผนกลยุทธ์ยุแยงให้แตกกันโดยหว่านความบาดหมางเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋า และศาลสวรรค์ และพวกเขายังใช้กลยุทธ์ยืมมีดฆ่าคนเพื่อกำจัดด้วย…

แค่กๆ มันไม่ดีสำหรับท่าน!”

ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วค่อยๆ หรี่ลงช้าๆ เขานั่งลงบนเก้าอี้กลมและครุ่นคิด

ในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “เปี้ยนจวง”

“ข้าอยู่นี่แล้วขอรับ!”

“ขอบใจที่มาส่งข้อความล่วงหน้าในครั้งนี้ แต่มีบางสิ่งที่เจ้าต้องจดจำไว้”

หลี่ฉางโซ่วอธิบายอย่างจริงจังว่า “เมื่อเจ้าทำงานในสายงานใด เจ้าต้องเคารพสายงานนั้น แม้กระทั่งหอเทียนหยาก็เป็นเช่นเดียวกัน

เจ้าต้องนึกถึงการให้บริการคุณภาพสูงและเป็นมืออาชีพแก่แขกของเจ้า ไม่ใช่พยายามค้นหาข้อมูลของพวกเขา

หากเจ้ากระทำเช่นนั้น มันจะทำลายชื่อเสียงของเจ้าอย่างง่ายดาย”

เปี้ยนจวงอดจะตกตะลึงไปชั่วขณะไม่ได้ ครั้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาก็ทำการคารวะเต๋าให้หลี่ฉางโซ่วในทันที

“ขอบคุณท่านเทพวารีที่ชี้แนะขอรับ ข้าจะเตือนตระกูลของข้าว่า ต่อจากนี้ไป พวกเขาจะส่งจดหมายของตระกูลมาให้ข้าได้เท่านั้นขอรับ!”

“ดี” หลี่ฉางโซ่วยิ้มรับ จากนั้น เขาก็หยิบยันต์หยก ซึ่งมีเวทหลบหนีสองอย่างอยู่ข้างในนั้นออกมา และผลักมันให้ไปอยู่ในมือของเปี้ยนจวง

เปี้ยนจวงลิงโลดใจยิ่งนักพลางกล่าวขอบคุณหลี่ฉางโซ่วซ้ำแล้วซ้ำเล่า และฉีกยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุขเมื่อเขาจากไป

“เจ้าหมอนี่…”

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะ แต่เขาก็มีสติตื่นตัวยิ่ง

เห็นได้ชัดว่า เปี้ยนจวงและหอเทียนหยาถูกผู้อื่นใช้งานแล้ว

เป็นความจริงที่สำนักบำเพ็ญประจิมและเหล่าปีศาจแอบพบกันอย่างลับๆ แต่สิ่งที่พวกเขากำลังวางแผนอยู่นั้น ก็ควรค่าให้ใคร่ครวญ โนเวล-พีดีเอฟ

ดูเหมือนว่า จะมีเหตุผลที่ดีที่พวกเขาได้พบกันในหอเทียนหยา ที่นั่น เป็นสถานที่ที่มีทั้งปลาและมังกรอยู่รวมกัน[2] มันง่ายที่จะซ่อนร่างของพวกเขา และมันยังเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมที่ผู้เป็นเซียนธรรมดาจะไม่อาจนึกถึงได้

ทว่านั่นก็เป็นเพียงความเข้าใจผิด…

ทะเลทักษิณเป็นสถานที่ขนาดใหญ่ และใหญ่พอๆ กับทั้งตรีสหัสโลกธาตุเช่นกัน จึงย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเขาจะหาสถานที่แอบพบปะกันอย่างลับๆ แล้วเหตุใดพวกเขาถึงต้องไปพูดคุยเรื่องสำคัญมากเช่นนี้ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน?

เป็นเรื่องยากที่ทุกคนจะคาดเดาได้ว่าพวกเขาเลือกที่จะพบกันในโลกใบเล็กแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพลังเต๋าสวรรค์ที่อ่อนแอ

หากอีกฝ่ายต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น[3] พวกเขากำลังพยายามแหวกหญ้าให้งูตื่นตกใจหรือไม่?

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดวนเวียนอยู่ในใจและในไม่ช้า เขาก็ได้รับคำตอบ

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เปลี่ยนความสนใจไปที่คลังเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในวิหารหลักของสำนักเทพทะเลในเมืองอันสุ่ย เขาเลือกตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ และแปลงร่างมันให้เป็นเด็กสาว นางหมุนเวียนเป็นวงกลมในพื้นดินโดยใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายอยู่พักหนึ่ง

หลังจากแน่ใจว่า ไม่มีผู้ใดมองอยู่ เขาก็รีบพุ่งไปที่ทะเลทักษิณและกระโดดขึ้นไปบนแนวปะการังที่คุ้นเคย…

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หยิบเต๋าซุน[4]ขึ้นมาและเป่ามันช้าๆ

ในทะเลแห่งนี้ มีปลาหลายสิบตัวปล่อยเสี้ยวพลังโลหิตออกมาเล็กน้อยพร้อมๆ กัน พลังโลหิตเจือจางในน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว และปลาหลายสิบตัวนั้น ก็ยังคงแหวกว่ายต่อไป

ผู้บำเพ็ญเหวินจิ่งซึ่งกำลังเข้าปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่ในถ้ำลับที่เชิงเขา ขมวดคิ้ว

เสียงของเต๋าซุน…

“ภูเขาวิญญาณตื่นตัว จงระงับการสื่อสารทั้งหมด เราจะสังเกตสถานการณ์ในอีกร้อยปี”

นั่นเป็นสัญญาณลับที่ถูกสร้างขึ้นมานานแล้ว

ผู้บำเพ็ญเหวินจิ่งถอนหายใจ…

เสียงของเต๋าซุนยังหมายความว่า ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีก่อนที่นางจะออกจากสำนักบำเพ็ญประจิมและกลับสู่อ้อมกอดของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ในสวนด้านหลังของวังดุสิต

ราชินีเช่นข้าจะกลายเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของสัตว์ร้ายบรรพกาลแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมจริงๆ! ร่องรอยของข้าอาจถูกสำนักบำเพ็ญประจิมชำระล้างจนหมดเกลี้ยง!

น่าเสียดาย…

ผู้บำเพ็ญเหวินจิ่งยกมือขึ้นเช็ดมุมปาก จากนั้นนางก็หลับตาลงและหัวเราะเบาๆ … ข้าไม่ได้เห็นสวามีของข้ามานานแล้ว ข้าคิดถึงเขา

ในเมืองอันสุ่ย เด็กสาวเล่นดนตรีบางอย่างก่อนจะทิ้งตัวลงไปน้ำทะเลและมุ่งหน้าตรงไปยังเกาะกูหลิงในทะเลทักษิณ

เพื่อความปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลี่ฉางโซ่วจะต้องไปตรวจสอบดู

ทว่าเพียงในขณะที่หลี่ฉางโซ่วเพิ่งไปได้ครึ่งทาง ก็มีแขกผู้ทรงเกียรติสองคนได้มาถึงวิหารเทพทะเลแห่งเมืองอันสุ่ย

เขาคือ จ้าวกงหมิงที่รีบขี่เมฆพุ่งตรงมาพร้อมกับฉยงเซียวที่ดูไม่มีความสุข

หลี่ฉางโซ่วไม่กล้ารอช้า และรีบออกไปต้อนรับจ้าวกงหมิงและฉยงเซียวก่อนจะพาพวกเขาไปที่ห้องโถงด้านหลัง

เขาไม่คาดคิดว่า ข่าวที่จ้าวกงหมิงและน้องสาวของเขานำมานั้น จะคล้ายกับข่าวที่เปี้ยนจวงมอบให้เขา มันเป็นเรื่องการพบกันระหว่างสำนักบำเพ็ญประจิมและปีศาจโบราณแห่งเผ่าปีศาจ

หลังจากนั้น จ้าวกงหมิงก็ยังอธิบายสั้นๆ ว่าเขาพบกับคนจากสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสามคนได้อย่างไร และขั้นตอนการหลอกลวงพวกเขาทั้งสามคน…

จ้าวกงหมิงยิ้มและกล่าวว่า “ครั้งนี้ ข้าได้พบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

มีศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมที่แต่งกายด้วยชุดสีขาวและขี่สุนัขล่าเนื้อสีเขียว ความจริงแล้ว เขามีกระดูกสันหลัง[5]อยู่บ้าง และยอมตายดีกว่ายอมจำนน และข้าก็ไม่อาจทำได้สำเร็จ”

หลี่ฉางโซ่วกะพริบตา “เขามีนามอันใดหรือ?”

“ตี้จั้ง?” ฉยงเซียวตอบด้วยความเบื่อหน่าย “ข้าคิดว่านั่นคือนามของเขา”

หลี่ฉางโซ่วลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางสงบทันที และกล่าวอย่างจริงจังว่า “พี่ชาย เทพธิดา ตอนนี้ท่านยุ่งอยู่หรือไม่”

จ้าวกงหมิงโบกมือของเขาและกล่าวว่า “เจ้าพูดมาเถิด!”

“ไล่ล่า!”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างแน่วแน่ว่า “เรามาดูกันว่า เราจะสามารถหาคนผู้นี้และทำลายวิญญาณของเขาได้หรือไม่!”

จ้าวกงหมิงและฉยงเซียวอดจะตกตะลึงไม่ได้ พวกเขาไม่เคยเห็นหลี่ฉางโซ่วเปิดเผยด้านที่เด็ดขาดและโหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อน

………………………………………………………………..

[1] แสดงให้เห็นอย่างเปิดเผย

[2] มีคนทุกประเภท ร้อยพ่อพันแม่ มีทั้งคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน

[3] ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัว และระวังตัวมากขึ้น

[4] เครื่องดนตรีประเภทเป่าชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นวงรีรูปไข่

[5] มีพลังแข็งแกร่ง มีจิตใจที่หยิ่งทนงในศักดิ์ศรี มีจิตใจที่เข้มแข็ง

—————————————-