ตอนที่ 735 ไม่สามารถแก้ตัวได้

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 735 ไม่สามารถแก้ตัวได้

ฟางเหล่ากล่าวขอบคุณจากนั้นลุกขึ้นยืน

ไม่นานไป๋จิ่นซิ่วจึงพาหมอหลวงและหมัวมัวของพระชายาเอกเข้ามาในโถงรับรองหลัก บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งถูกองครักษ์ไป๋สองคนคุมตัวให้เดินตามหลังมาด้วยร่างที่สั่นเทา

“ไป๋จิ่นซิ่วคารวะองค์รัชทายาทเพคะ” ไป๋จิ่นซิ่วทำความเคารพ

หมอหลวงและหมัวมัวต่างพากันทำความเคารพองค์รัชทายาทเช่นเดียวกัน

องค์รัชทายาทกวาดสายตามองบ่าวรับใช้ชายที่ถูกองครักษ์ไป๋คุมตัวมาด้วยแวบหนึ่ง เขาข่มความสงสัยเอาไว้ จากนั้นเอ่ยถามไป๋จิ่นซิ่ว “องค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นเช่นไรบ้าง”

ไป๋จิ่นซิ่วทำความเคารพอีกครั้ง “โชคดีที่พระชายาเอกทรงเมตตาส่งท่านหมอหลวงไปดูอาการพี่หญิงใหญ่เพคะ เมื่อท่านหมอหลวงจ่ายยาให้พี่หญิงใหญ่เสร็จ อาการของพี่หญิงใหญ่จึงคงที่แล้วเพคะ หม่อมฉันมาที่นี่อีกครั้งเพราะได้รับคำสั่งจากพี่หญิงใหญ่ให้มาทูลเรื่องสำคัญกับองค์รัชทายาทเพคะ”

ไป๋จิ่นซิ่วหันไปมองบ่าวรับใช้ชายที่หากไม่ได้องครักษ์ไป๋คอยแบกอยู่เขาคงตัวสั่นจนเดินไม่ได้แล้ว จากนั้นกล่าวขึ้น “หม่อมฉันได้ยินคนในจวนรายงานว่าคนผู้นี้มาขอพบพี่หญิงใหญ่ตอนที่หม่อมฉันมาขอยืมตัวหมอหลวงจากจวนองค์รัชทายาทเพคะ เขากล่าวว่ามีเรื่องสำคัญจะรายงานให้พี่หญิงใหญ่ทราบเพคะ”

กล่าวถึงตรงนี้ไป๋จิ่นซิ่วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาบริเวณหางตาเล็กน้อย “ตอนนั้นอาการของพี่หญิงใหญ่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทว่า นางได้ยินว่าคนผู้นี้กล่าวว่ามีเรื่องสำคัญมารายงานจึงพยายามฝืนร่างกายลุกขึ้นมาพบหน้าคนผู้นี้ ตอนที่หม่อมฉัน ท่านหมอหลวงและหมัวมัวของพระชายาเอกไปถึงจวน พี่หญิงใหญ่ฝืนร่างกายเรียกคนผู้นี้ไปพบที่เรือนชิงฮุยแล้วเพคะ ตอนที่หม่อมฉัน ท่านหมอหลวงและหมัวมัวไปถึงเรือนก็ได้ยินคนผู้นี้กล่าวว่าเหลียงอ๋องและหวังชิวลู่มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาต่อกันเข้าพอดีเพคะ”

“เมื่อพี่หญิงใหญ่ได้ยินว่าหวังชิวลู่ยังมีชีวิตอยู่จึงรีบถามคนผู้นี้ว่าผู้ใดเป็นคนช่วยนักโทษหวังชิวลู่ออกมาจากคุก ถามว่าเจ้านายของเขาคือผู้ใด ถามเขาว่าเจ้านายของเขาเป็นคนช่วยนักโทษที่สมควรตายอย่างหวังชิวลู่ออกมาจากคุกหรือเหลียงอ๋องเป็นคนช่วยออกมากันแน่! ทว่า คนผู้นี้ไม่รู้เรื่องใดทั้งสิ้น กล่าวว่าตนเองเป็นเพียงคนส่งสาร พี่หญิงใหญ่เห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องกบฏจึงให้หม่อมฉันนำคนผู้นี้มายังจวนองค์รัชทายาท ให้องค์รัชทายาทช่วยสืบให้แน่ชัดเพคะ…”

องค์รัชทายาทกำที่วางแขนของเก้าอี้แน่นพลางมองไปทางบ่าวรับใช้ชายผู้นั้น

ดวงตาของฟางเหล่าไหววูบ หลี่หมิงรุ่ยผู้นี้ลอบทำสิ่งใดลับหลังเขาจริงๆ ด้วย ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าหลี่หมิงรุ่ยสั่งให้หวังชิวลู่กล่าวสิ่งใดกับองค์รัชทายาทบ้าง

องครักษ์ไป๋ปล่อยมือออกจากร่างของบ่าวรับใช้ชาย บ่าวรับใช้ชายคุกเข่าลงบนพื้นทันที “องค์รัชทายาท กระหม่อมไม่รู้เรื่องจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแค่นำสารไปส่งให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วแทนคุณชายของกระหม่อมเท่านั้น คุณชายของกระหม่อมสั่งให้กระหม่อมไปพบองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ”

“คุณชายของเจ้าสั่งให้เจ้ากล่าวสิ่งใดกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วบ้าง” องค์รัชทายาทถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“คุณชายสั่งให้กระหม่อมทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋วว่าหวังชิวลู่ลอบไปมาหาสู่กับจวนเหลียงอ๋อง ให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงระวังตัวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากไปกว่านี้เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่รู้เรื่องอื่นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทได้โปรดวินิจฉัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” บ่าวรับใช้ชายกล่าวถึงตอนสุดท้ายแล้วร้องไห้ออกมา

สีหน้าขององค์รัชทายาทเคร่งขรึมลงกว่าเดิม เขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าหลี่หมิงรุ่ยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้

หลี่หมิงรุ่ยส่งสารให้เริ่นซื่อเจี๋ยและฟางเหล่าก่อน จากนั้นมอบตัวหวังชิวลู่ให้พวกเขา ต่อมาก็ส่งคนไปส่งสารให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทราบเรื่องที่หวังชิวลู่ไปมาหาสู่กับเหลียงอ๋อง หลี่หมิงรุ่ยต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่!

“ตอนนี้เจ้าไม่รู้ อีกเดี๋ยวพอหลี่หมิงรุ่ยมาเจ้าก็จะได้รู้แล้ว…” แววตาขององค์รัชทายาทเยือกเย็นถึงขีดสุด เขาเกลียดการมีคนมาเล่นลูกไม้ต่อหน้าเขาเป็นที่สุด หลี่หมิงรุ่ยคิดว่าแผนการของตัวเองสูงส่งจนองค์รัชทายาทอย่างเขาจะมองไม่ออกเลยหรืออย่างไร!

ไม่นานหลู่จิ้นก็มาถึงจวนองค์รัชทายาทก่อน เมื่อเขาเข้าไปเห็นเหตุการณ์ในโถงรับรองของจวนองค์รัชทายาทก็ยิ่งรู้สึกมึนงง เมื่อทำความเคารพแล้วนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย เริ่นซื่อเจี๋ยจึงอธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างละเอียด

องค์รัชทายาทเพิ่งสั่งให้คนไปนำตัวหวังชิวลู่และผู้คุมคุกศาลต้าหลี่เข้ามา หลี่หมิงรุ่ยก็มาถึงพอดี

หลี่หมิงรุ่ยไม่แน่ใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น คนที่ไปเชิญเขามาที่จวนองค์รัชทายาทคือองครักษ์ของจวนองค์รัชทายาท ไม่ว่าเขาจะถามสิ่งใดองครักษ์ล้วนตอบว่าไม่รู้ทั้งสิ้น รู้เพียงว่าองค์รัชทายาทสั่งให้ตนไปเชิญเขามาเท่านั้น

หลี่หมิงรุ่ยเดาว่าฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยอาจบอกเรื่องของเขากับองค์รัชทายาท เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จากที่เขาสืบประวัติของฟางเหล่าในช่วงหลายปีมานี้อย่างละเอียด เขาพบว่าฟางเหล่าผู้นี้เป็นคนชอบสร้างผลงานมาก เหตุใดจะยอมยกความดีความชอบให้เขากัน

เช่นนั้นการที่องค์รัชทายาทเรียกเขามาพบตอนนี้ก็เป็นไปได้อย่างเดียวคือมีปัญหาเกิดขึ้น ฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยจึงคิดจะปัดความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่เขาแต่เพียงผู้เดียว

ทว่า เกิดข้อผิดพลาดอันใดขึ้นกันแน่

หรือว่า…หวังชิวลู่อย่างนั้นหรือ

เมื่อเห็นหวังชิวลู่เดินเข้ามาในโถงรับรอง ไป๋จิ่นซิ่วที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวเราะเสียงเย็นออกมา จากนั้นหันไปสบตาหลี่หมิงรุ่ยพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย

“คุณชาย คุณชายช่วยข้าด้วยขอรับ!” เมื่อบ่าวรับใช้ชายเห็นหลี่หมิงรุ่ยก็รีบร้องตะโกนออกมาทันที “ข้าแค่ไปส่งสารเท่านั้นขอรับ!”

ใจของหลี่หมิงรุ่ยกระตุกวูบ เมื่อเห็นไป๋จิ่นซิ่วและบ่าวรับใช้ชาย หลี่หมิงรุ่ยก็รู้ทันทีว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วนำเรื่องนี้มาฟ้ององค์รัชทายาทแล้ว เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก้าวเข้าไปทำความเคารพองค์รัชทายาทด้านหน้าอย่างนอบน้อม “กระหม่อมคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

“หลี่หมิงรุ่ยเจ้ายอมรับผิดหรือไม่!” องค์รัชทายาทมองไปทางหลี่หมิงรุ่ยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยแววตาเยือกเย็น

หลี่หมิงรุ่ยยังคงอยู่ในท่าทีนอบน้อมเช่นเดิม เขาก้มหน้าต่ำ “องค์รัชทายาท กระหม่อมถูกองค์รัชทายาทเรียกตัวมาพบยามวิกาล บัดนี้ยังคงไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ไม่ทราบว่ากระหม่อมทำสิ่งใดผิดไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หลี่หมิงรุ่ยประมวลเรื่องทุกอย่างอยู่ในใจ บัดนี้ฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยล้วนอยู่ที่นี่ แสดงว่าพวกเขาเล่าเรื่องที่เขาต้องการสืบหาความลับขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเพื่อแก้แค้นแทนน้องชายให้องค์รัชทายาทฟังหมดแล้ว ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วกลับพาบ่าวรับใช้ชายที่เขาสั่งให้ไปส่งสารมาที่นี่เช่นเดียวกัน

เมื่อฟังคำกล่าวของทั้งสองฝ่าย เขาไม่สามารถแก้ตัวใดๆ ได้ทั้งสิ้น เขาต้องรีบหาเหตุผลที่น่าเชื่อถือให้ได้เร็วที่สุด

หลี่หมิงรุ่ยมองไปทางฟางเหล่าที่มีสีหน้าเคร่งขรึมแวบหนึ่ง “หรือจะเป็นเรื่องของหวังชิวลู่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เรากำลังถามเจ้าว่าเหตุใดเจ้าต้องใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” องค์รัชทายาทตวาดลั่น

เขาไม่สามารถกล่าวได้ว่าเขาทำไปเพื่อแก้แค้นให้น้องชาย มิเช่นนั้นองค์รัชทายาทจะถามเขาต่อว่าในเมื่อต้องการแก้แค้นให้น้องชาย เหตุใดต้องบอกองค์หญิงเจิ้นกั๋วว่าหวังชิวลู่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงตอนนั้นเขาจะตอบพระองค์เช่นไรกัน

หลี่หมิงรุ่ยเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มศีรษะแนบพื้น “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมทำไปเพราะไม่มีทางเลือกพ่ะย่ะค่ะ เหลียงอ๋องก่อกบฏล้มเหลวจนถูกกักบริเวณอยู่แต่ในจวน กระหม่อมเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่าจึงเข้าวังไปทูลขอให้ฝ่าบาทอนุญาตให้กระหม่อมส่งคนไปดูแลเหลียงอ๋องบ้างในบางคราพ่ะย่ะค่ะ ผู้ใดจะคิดว่าเหลียงอ๋องจะทรงบังคับให้กระหม่อมช่วยหวังชิวลู่ออกมาพ่ะย่ะค่ะ”

หลี่หมิงรุ่ยเงยหน้ามองใบหน้าที่เคร่งขรึมขององค์รัชทายาทแวบหนึ่ง เขาแสร้งมองสบตาองค์รัชทายาทด้วยแววตาเปิดเผยจริงใจ “เหลียงอ๋องตรัสว่าหากกระหม่อมไม่ช่วยเขา เหลียงอ๋องจะทูลฝ่าบาทและองค์รัชทายาทว่ากระหม่อมเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเสียนอ๋อง กระหม่อมกลัวว่าเหลียงอ๋องจะทำเช่นนั้นจึงส่งคนไปดูแลเขาเป็นอย่างดี กระหม่อมตายคนเดียวมิเป็นอันใด ทว่า กระหม่อมไม่อยากให้ตระกูลของกระหม่อมพลอยเดือดร้อนไปด้วย ที่สำคัญท่านพ่อของกระหม่อมมีตำแหน่งสูงในราชสำนัก หากโดนเหลียงอ๋องใส่ร้าย ถึงแม้องค์รัชทายาทจะเชื่อท่านพ่อของกระหม่อม ทว่า ฝ่าบาทไม่มีทางเชื่อแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทขบกราม กำหมัดแน่นพลางกล่าวเสียงรอดไรฟัน “เหลียงอ๋อง…”