ตอนที่ 737 เขียนเสือให้วัวกลัว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 737 เขียนเสือให้วัวกลัว

ทว่า เขาไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะยอมละทิ้งขุนนางใหญ่ที่ควบคุมได้ง่ายอย่างอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายแห่งต้าจิ้นอย่างหลี่เม่าไป

ทว่า เขามองไป๋ชิงเหยียนผิดไปจริงๆ

เขาทะนงในตัวเองเกินไป เขาคิดว่าการหักขาของน้องชายเขา การส่งศีรษะของลูกน้องมาที่จวนหลี่เป็นเพียงการข่มขู่ขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเท่านั้น สิ่งที่หญิงสาวต้องการจริงๆ คือการใช้ประโยชน์จากตระกูลหลี่ ไม่ใช่การกำจัดตระกูลหลี่ให้สิ้นซาก

ตอนนี้เมื่อนึกย้อนไป จดหมายปลอมในมือของเหลียงอ๋องในตอนนั้นอาจเป็นหนึ่งในแผนการขององค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย

ครั้งที่สองที่ท่านพ่อลงมือกับองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ศีรษะของลูกน้องและจดหมายที่ทำให้ท่านพ่อของเขาหวาดกลัวล้วนเป็นแผนการเขียนเสือให้วัวกลัวขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว

ทว่า เขากลับคิดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่มีทางทอดทิ้งตระกูลหลี่ เขาคิดว่าตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของท่านพ่อเขาคือสิ่งที่สามารถนำมาต่อรองกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้

ทว่า หากครั้งนี้จดหมายเหล่านั้นมีเนื้อหาสำคัญจริงๆ ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของท่านพ่อเขาคงรักษาไว้ไม่ได้แน่…

หลี่หมิงรุ่ยก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “องค์รัชทายาทได้โปรดวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนั้นท่านพ่อของกระหม่อมแสร้งตีสนิทกับองค์ชายรองเพื่อช่วยเหลือฝ่าบาท…ท่านพ่อเคยทูลเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ หากองค์รัชทายาทไม่เชื่อสามารถเสด็จไปถามฝ่าบาทในวังได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยอมรับว่าครั้งนี้กระหม่อมจงใจใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เหตุผลแรกเป็นเพราะกระหม่อมอยากแก้แค้นให้น้องชายของกระหม่อม อีกเหตุผลเป็นดั่งที่ฮูหยินฉินกล่าวพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องการบั่นทอนความเชื่อใจที่องค์รัชทายาทมีต่อองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทางที่ดีที่สุดคือทำให้องค์รัชทายาททรงหวาดระแวงในตัวองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วรู้สึกผิดหวังจนไม่กล้ามอบจดหมายเหล่านี้ให้พระองค์ กระหม่อมจะได้มีเวลาสับเปลี่ยนจดหมายเหล่านี้พ่ะย่ะค่ะ”

“คนถ่อยอย่างเจ้าไม่มีทางเข้าใจใจที่จงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทของพี่หญิงใหญ่ของข้าหรอก! ตอนที่พี่หญิงใหญ่ของข้าได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส นางยังคงนึกถึงองค์รัชทายาทอยู่ตลอดเวลา สั่งให้ข้ารีบมาทูลองค์รัชทายาทว่าหวังชิวลู่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้องค์รัชทายาทจะเกิดหวาดระแวงพี่หญิงใหญ่ของข้าขึ้นมาจริงๆ ทว่า หากเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของแคว้น ความปลอดภัยขององค์รัชทายาท พี่หญิงใหญ่ของข้าจะไม่มีทางลังเลเด็ดขาด ตระกูลไป๋ของข้ามีแต่ความซื่อสัตย์และจงรักภักดี คนถ่อยอย่างเจ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก!”

เมื่อองค์รัชทายาทได้ยินไป๋จิ่นซิ่วกล่าวเช่นนี้ ขอบตาของเขาร้อนผ่าวทันที เมื่อนึกถึงเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนรับธนูแทนเขา เขาก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจหลี่หมิงรุ่ยมากขึ้น องค์รัชทายาทตบจดหมายลงบนโต๊ะอย่างแรงด้วยแววตาหนักแน่น จากนั้นกล่าวเสียงดังลั่น “ความเชื่อใจที่เรามีให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะถูกบั่นทอนลงเพียงเพราะเจ้าใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วเรื่องหวังชิวลู่ได้อย่างไรกัน เราขอบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลยว่า บนโลกนี้ต่อให้เราไม่เชื่อใจตัวเราเอง เราก็ไม่มีทางไม่เชื่อใจองค์หญิงเจิ้นกั๋ว”

เมื่อฟางเหล่าได้ยินเช่นนี้ นิ้วมือของเขากระตุกเล็กน้อย สีหน้าย่ำแย่ลงกว่าเดิมมาก

ทั้งๆ ที่เขาต้องการให้องค์รัชทายาทหวาดระแวงองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ไม่เชื่อคำกล่าวของนางไปเสียทุกเรื่องแท้ๆ ทว่า เหตุใดกลับกลายเป็นว่าองค์รัชทายาทเชื่อใจองค์หญิงเจิ้นกั๋วมากขึ้นกว่าเดิมได้

ไป๋จิ่นซิ่วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา ซ่อนแววตาคลายกังวลของตัวเองไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ จากนั้นก้มศีรษะคำนับ “หม่อมฉันขอบพระทัยองค์รัชทายาทแทนพี่หญิงใหญ่มากเพคะ พี่หญิงใหญ่บ่นกับหม่อมฉันทุกวันว่าร่างกายของนางไม่แข็งแรง ไม่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระขององค์รัชทายาทได้จึงรู้สึกผิดมากเพคะ”

ฟางเหล่าขบกรามแน่น เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าน้องสาวคนรองขององค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้นี้จะมีวาจาคมคายเช่นนี้ กล่าวเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้องค์รัชทายาทเชื่อใจองค์หญิงเจิ้นกั๋วมากขึ้นกว่าเดิมได้ มิน่าหลังจากที่นางแต่งงานกับฉินหล่างที่เคยหมั้นหมายกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาก่อน นางถึงได้มีชีวิตที่สุขสบายเพียงนี้

เมื่อนึกย้อนดูแล้วการที่ภรรยาใหม่ของจงหย่งโหวฉินเต๋อเจาถูกไล่ออกจากจวนคงหนีไม่พ้นฝีมือของคุณหนูรองของตระกูลไป๋ผู้นี้แน่นอน…

คุณหนูตระกูลไป๋แต่ละคนช่างร้ายกาจเสียจริง!

“องค์รัชทายาท!” จู่ๆ หลี่หมิงรุ่ยก็เอ่ยขึ้น “กระหม่อมยอมรับว่าจงใจใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า ฝ่าบาททรงทราบเรื่องที่ท่านพ่อของกระหม่อมไปมาหาสู่กับองค์ชายรองอยู่ก่อนแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ที่กระหม่อมทำเช่นนี้เพราะไม่ต้องการให้เมืองหลวงเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ หลังเกิดเหตุการณ์กบฏที่ประตูอู่เต๋อ…เมืองหลวงต้องการความสงบเรียบร้อยมากที่สุด จะปล่อยให้เมืองหลวงเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้ากล่าวว่าการที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วทำเช่นนี้จะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง ทว่า ตอนนี้ต้าจิ้นกำลังทำสงครามอยู่กับต้าเหลียง เราจะปล่อยให้ขุนนางใหญ่ในราชสำนักเกิดเรื่องขึ้นเพียงเพราะจดหมายไม่กี่ฉบับไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

“องค์รัชทายาทกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วอาจไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างละเอียด ทว่า ฝ่าบาททรงทราบดี กระหม่อมทูลขอร้องให้องค์รัชทายาทเข้าไปทูลถามความจริงจากฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ถึงเวลานั้นองค์รัชทายาทค่อยลงโทษตระกูลของกระหม่อมก็ยังไม่สายพ่ะย่ะค่ะ” หลี่หมิงรุ่ยก้มศีรษะคำนับอีกครั้ง

“เช่นนั้นหมายความว่าเหลียงอ๋องเป็นคนช่วยหวังชิวลู่ออกมาจากคุกใช่หรือไม่” องค์รัชทายาทถามต่อ

หลี่หมิงรุ่ยรู้ดีว่าองค์รัชทายาทต้องการใช้โอกาสนี้ลงโทษเหลียงอ๋องให้เด็ดขาด

เหลียงอ๋องสูญสิ้นอำนาจ กลายเป็นคนไม่มีประโยชน์ อีกทั้งเคยก่อกบฏล้มเหลวมาแล้ว ฮ่องเต้คงไม่เชื่อใจเขาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

หลี่หมิงรุ่ยเคยกังวลว่าวันหนึ่งเหลียงอ๋องอาจจะฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง ทว่า สถานการณ์ในตอนนี้การปกป้องตัวเองคือสิ่งสำคัญที่สุด มิเช่นนั้นจะมีวันข้างหน้าอีกได้อย่างไรกัน

หลี่หมิงรุ่ยก้มศีรษะแนบพื้น “พ่ะย่ะค่ะ!”

องค์รัชทายาทเลิกคิ้วสูง เอนกายพิงหมอนอิงอย่างผ่อนคลาย “ดี ใต้เท้าหลู่ได้ยินชัดแล้วหรือไม่”

หลู่จิ้นรีบโค้งกายคำนับองค์รัชทายาท “ได้ยินชัดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าจงพาหลี่หมิงรุ่ย บ่าวรับใช้ชาย หวังชิวลู่ ผู้คุมคุกและนักพนันกลับไปให้หมด! พรุ่งนี้เช้าเราจะเข้าวังไปทูลเรื่องนี้กับเสด็จพ่อด้วยตัวเอง”

“ในเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว หม่อมฉันขอตัวกลับไปดูพี่หญิงใหญ่ก่อนนะเพคะ…” ไป๋จิ่นซิ่วทำความเคารพองค์รัชทายาท

องค์รัชทายาทพยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อนึกได้ว่าฉินหล่างจะเข้าร่วมสอบชุนเหวยในวันมะรืนจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ “คะแนนสอบของฉินหล่างเมื่อปีที่แล้วดีมาก ปีนี้สอบใหม่…บอกให้เขาตั้งใจให้มาก”

“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ทรงนึกถึงเพคะ หม่อมฉันจะกลับไปบอกฉินหล่าง ฉินหล่างจะไม่ทำให้องค์รัชทายาทผิดหวังแน่นอนเพคะ” ไป๋จิ่นซิ่วทำความเคารพอีกครั้งแล้วเดินออกไปจากโถงรับรอง

หลี่หมิงรุ่ยและคนอื่นๆ ถูกหลู่จิ้นพาตัวออกไปเช่นเดียวกัน

อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าอยากสืบข่าว ทว่า เขาสืบรู้เพียงว่าบุตรชายของตนถูกหลู่จิ้นคุมตัวออกมาจากจวนองค์รัชทายาท เขาร้อนใจมาก ส่งคนไปสืบกี่ครั้งก็ไม่ได้เรื่องสักนิด

ที่ปรึกษาชุดขาวยืนมองหลี่เม่าเดินวนไปมาอยู่ในห้องตำรา สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเล่าเรื่องของหวังชิวลู่ให้หลี่เม่าฟัง

“เหลวไหลสิ้นดี! ข้าบอกไปกี่รอบแล้วว่าอย่าไปหาเรื่ององค์หญิงเจิ้นกั๋ว อย่าหาเรื่องนาง! ชีวิตของพวกเราทุกคนในตระกูลอยู่ในกำมือของนาง องค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้นี้น่ากลัวว่าไป๋เวยถิงมากนัก นางไม่กลัวผู้ใดทั้งสิ้น เหตุใดเจ้ากับหมิงรุ่ยถึงทำอันใดลับหลังข้าเช่นนี้กัน!”

หลี่เม่าเดือดดาลมาก เขาทั้งร้อนใจทั้งโมโหจึงตบมือลงบนโต๊ะอย่างแรง

สีหน้าของที่ปรึกษาชุดขาวย่ำแย่พอกัน “ข้าผิดเองขอรับ ข้าไม่เพียงห้ามคุณชายไม่ได้ กลับคิดว่าการที่คุณชายทำเช่นนี้จะส่งผลดีต่อตระกูลหลี่ของเราขอรับ”

หลี่เม่ามองดูที่ปรึกษาชุดขาวนิ่ง เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวออกมาอย่างตำหนิ “หากไช่จื่อหยวนอยู่ เขาไม่มีทางปล่อยให้หมิงรุ่ยทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้แน่นอน!”

ที่ปรึกษาชุดขาวรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว เขารีบก้มหน้าคารวะหลี่เม่า “ข้าไม่ฉลาดเท่าไช่จื่อหยวน ทำให้คุณชายเดือดร้อนแล้ว ท่านมหาเสนาบดีลงโทษข้าเถิดขอรับ”