ตอนที่ 1507 การแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด (4) ตอนที่ 1508 เปิดตาดู (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1507 การแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด (4) / ตอนที่ 1508 เปิดตาดู (1)
ตอนที่ 1507 การแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด (4)

การสูญเสียผู้อาวุโสสองคนติดต่อกันได้สร้างความเสียหายให้กับจุดยืนของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจอยู่ไม่น้อย ดังนั้นคนจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจจึงมาที่ภูเขาฝูเหยาพร้อมภารกิจอย่างหนึ่ง

แม้ว่าความอดทนของพวกเขาจะลดน้อยลง แต่ทั้งสามคนก็ยังทนเฝ้าดูต่อไป สถานการณ์ของคนจากตำหนักอื่นๆ ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก การแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิดไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ

หลังจากรออยู่นานพอสมควร ในที่สุดจวินอู๋เสียก็ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของนาง นางเดินออกมาจากฝูงชนอย่างช้าๆ

คนที่ยืนอยู่หน้าเวทีตรวจสอบป้ายหมายเลขของจวินอู๋เสีย และยืนยันว่าอายุของนางอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ก่อนจะอนุญาตให้นางเดินขึ้นไปบนเวที

พวกผู้เยาว์ที่กำลังรอให้ถึงรอบขึ้นเวทีของตัวเองก็เงยหน้าขึ้นทีละคนเพื่อมองดูผู้เยาว์ที่ดูผอมบางบนเวที

“ยังเด็กอยู่เลยนี่ ดูไม่เหมือนคนเผ่าแม่มดหมอผีด้วย” บางคนเริ่มบ่นจากด้านข้าง ผู้เยาว์ส่วนใหญ่ที่ยังเด็กเกินไปมักจะยังไม่เข้าใจถึงความสามารถพิเศษของเผ่าตัวเอง ดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะเข้ารอบต่อไปจึงค่อนข้างน้อย

ผู้เยาว์ที่มีอายุใกล้เคียงกับจวินอู๋เสียก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ถูกคัดออกเนื่องจากความสามารถไม่ถึง มีเพียงผู้เยาว์ไม่กี่คนจากเผ่าแม่มดหมอผีเท่านั้นที่สามารถเข้ารอบต่อไปได้โดยไม่คำนึงถึงความสามารถว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ

จวินอู๋เสียยืนอยู่บนเวทีโดยไม่รีบร้อนที่จะทำอะไร เพียงแค่เรียกแมวดำตัวน้อยออกมายืนบนพื้นเวทีเท่านั้น

การกระทำของนางทำให้พวกผู้เยาว์ที่อยู่รอบๆ เวทีพากันสับสนงุนงง

“เจ้าหมอนี่รู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น นี่ไม่ใช่การแข่งภูติวิญญาณเสียหน่อย ทำไมถึงเรียกภูติวิญญาณออกมาเล่า จะแสดงการเต้นรำหรืออย่างไร”

“ล้อเล่นน่า! แมวตัวเล็กๆ แบบนั้น ต่อให้ไปที่การแข่งภูติวิญญาณ มันก็จะถูกบีบให้ตายทันทีนั่นแหละ”

เมื่อกลุ่มผู้เยาว์เห็นแมวดำของจวินอู๋เสีย เสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังขึ้นทันที พวกเขาเห็นว่าจวินอู๋เสียยังเด็กมาก และดูไม่เหมือนคนของเผ่าพิเศษไหนเลย พอขึ้นมาบนเวที เขาก็แค่เรียกภูติวิญญาณของตัวเองออกมาซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกตลกมาก

จวินอู๋เสียที่ตัวผอมบางยืนอยู่บนเวทีขนาดใหญ่พร้อมกับเจ้าแมวดำตัวจิ๋ว ดูโดดเด่นมากจนผู้แข่งขันจากเวทีอื่นสังเกตเห็นสถานการณ์ทางด้านจวินอู๋เสีย สายตาที่ทุกคนมองมาที่นางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและดูถูกเหยียดหยาม

ทุกคนต่างคิดว่าสมองของจวินอู๋เสียต้องมีอะไรผิดปกติแน่

เสียงหัวเราะเยาะที่ไม่ปิดบังและถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามทั้งหมดวนเวียนอยู่ในหูของจวินอู๋เสีย แต่ก็ไม่ได้ทำให้นางเปลี่ยนสีหน้าเลยสักนิด นางยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ท่ามกลางเสียงดูถูก จากนั้นก็ค่อยๆ ก้มลงหยิบถุงน้ำและพู่กันที่นางเตรียมไว้ออกมา

ภายในห้องส่วนตัว บุรุษสามคนจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจก็สังเกตเห็นความวุ่นวายตรงนั้นเช่นกัน

“ฮ่า! ข้าเห็นอะไรเล่านั่น มีคนงี่เง่าเรียกภูติวิญญาณออกมาที่การแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิดด้วย ฮ่าๆ! เจ้าตัวเล็กนั่นหัวทึบขนาดมาผิดสนามแข่งเลยหรือ”

“ข้าว่าเขาไม่ได้แค่หัวทึบหรอก เขาอาจจะเพิ่งตื่นด้วยซ้ำ! หมอนั่นเอาถุงน้ำกับพู่กันขึ้นมาทำอะไรบนเวที จะแสดงให้เราดูว่าภูติวิญญาณของเขาเขียนตัวอักษรได้หรือไง”

ทั้งสามคนอดหัวเราะออกมาเสียงดังไม่ได้ พวกเขาไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเด็กตัวเล็กๆ บนเวทีนั้น นอกจากเป็นเรื่องตลกให้พวกเขาได้หัวเราะ

บนเวที จวินอู๋เสียค่อยๆ เทน้ำจากถุงลงในฝาปิดของมัน น้ำใสปริ่มเล็กน้อย จวินอู๋เสียถือพู่กันและจุ่มลงในน้ำเบาๆ หลังจากนั้น ภายใต้การเยาะเย้ยถากถางมากมาย นางยกมือขึ้นและใช้พู่กันจุ่มน้ำนั้นค่อยๆ เขียนอักษรโบราณที่ดูลึกลับและแปลกประหลาดลงบนพื้นเวที…

ตอนที่ 1508 เปิดตาดู (1)

ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่จวินอู๋เสียเขียน และไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียต้องการทำอะไร

“ถ้าเด็กนั่นไม่ทำอะไร เขาก็ควรออกไปจากที่นี่ อย่าอยู่ให้เสียเวลาคนอื่น”

พวกผู้เยาว์ที่อยู่ด้านล่างเวทีเริ่มเยาะเย้ยและวิ่งไปที่จวินอู๋เสียอย่างหมดความอดทน

ภายใต้เสียงเยาะเย้ยดังลั่น จวินอู๋เสียยกมือขึ้นและวาดผนึกน้ำสองตัวลงบนพื้นเวที แมวดำที่อยู่ด้านข้างก็เดินช้าๆ ไปที่พวกมัน อุ้งเท้าหน้าทั้งสองของมันเหยียบลงบนเครื่องหมายอักษรโบราณข้างละตัว

ทันใดนั้น!

ไฟก็ลุกโชติช่วงขึ้นรอบๆ ขาของเจ้าแมวดำ! จากนั้นร่างของแมวดำก็ลอยขึ้นไปในอากาศต่อหน้าต่อตาทุกคน!

เปลวไฟลุกโชนอยู่ใต้อุ้งเท้าของมัน ขณะที่มันยืนอยู่กลางอากาศ ดูเหมือนคบไฟส่องสว่าง ดึงดูดสายตาของทุกคนให้จับจ้องไปที่มัน

“เป็นไปได้อย่างไร!” ภายในห้องส่วนตัว บุรุษสามคนจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ทันที พวกเขาต่างจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่แมวดำตัวน้อยที่อุ้งเท้ามีไฟลุกโชนสว่างไสวและกำลังลอยอยู่กลางอากาศ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเลย

ภูติวิญญาณเป็นร่างวิญญาณ พวกมันไม่สามารถแปลงร่างได้ตามต้องการ นอกจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยเห็นภูติวิญญาณที่ไม่ใช่ภูติประเภทบินได้จะสามารถเดินบนอากาศได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีไฟลุกติดเท้าเลย!

บุรุษทั้งสามรู้สึกตกใจมาก พวกเขาไม่สามารถคิดหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้เลยสำหรับภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา!

ในห้องส่วนตัวห้องอื่นๆ สายตาของคนจากสิบสองตำหนักทุกคนจับจ้องไปที่แมวดำตัวน้อย ไม่มีใครรู้เลยว่าจวินอู๋เสียทำเช่นนั้นได้อย่างไร

บริเวณด้านในสนามแข่ง พวกผู้เยาว์ที่มุงอยู่รอบๆ เวทีต่างเงยหน้ามองด้วยแววตาตกตะลึง พวกเขาจ้องไปที่แมวดำซึ่งกำลังเคลื่อนที่กลางอากาศอยู่เหนือหัวพวกเขาอย่างสบายใจ ราวกับกำลังเหยียบไปบนพื้นดินแทนที่จะเป็นอากาศที่ว่างเปล่าไร้รูปร่าง

คนที่ดูถูกและหัวเราะเยาะจวินอู๋เสียเมื่อครู่ ตอนนี้ต่างพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

สามารถทำให้ภูติวิญญาณธรรมดาๆ มีพลังที่น่าทึ่งเช่นนี้ได้ ความสามารถแบบนี้ไม่เคยมีใครได้ยินได้ฟังมาก่อน อย่าว่าแต่เคยเห็นกับตาตัวเองเลย

“นั่น…นั่นอะไร” เยี่ยกูที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อคอยปกป้องจวินอู๋เสียตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นจนพูดติดอ่าง เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ที่คนสามารถใส่พลังธาตุลงไปบนร่างวิญญาณได้!

“การเสริมวิญญาณ” เสียงของเยี่ยซาดังขึ้น

“การเสริมวิญญาณ มันคืออะไรเล่านั่น” เยี่ยกูถามด้วยความประหลาดใจอย่างมาก

เยี่ยซาส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน การเสริมวิญญาณเป็นของคุณหนูใหญ่เอง ส่วนที่ว่ามันมาจากไหน มันคืออะไร คุณหนูใหญ่เป็นเพียงคนเดียวที่รู้” เยี่ยซายังจำได้ว่าเขาตกใจแค่ไหนตอนที่เห็นผลลัพธ์ของการเสริมวิญญาณ

เยี่ยกูมีสีหน้าตกใจ เขาชื่นชมจวินอู๋เสียอย่างมากมาตลอด และเป็นเพราะคำสั่งของจวินอู๋เย่าด้วยที่ทำให้เขาเต็มใจปกป้องจวินอู๋เสียให้ปลอดภัยเพื่อเจ้านายของเขา แต่จากมุมมองของเยี่ยกู แม้ว่าจวินอู๋เสียจะมีพรสวรรค์สูงและฉลาดมาก แต่ก็ยังมีช่องว่างใหญ่มากระหว่างพลังของนางและจวินอู๋เย่า ส่วนใหญ่แล้วจวินอู๋เย่าจะคอยทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องจวินอู๋เสียแบบเต็มขั้น และไม่ว่าจวินอู๋เสียจะสามารถเพิ่มพลังของตัวเองได้เร็วแค่ไหน นางก็ยังห่างไกลจากพลังของจวินอู๋เย่ามากเกินไป

แต่พอเขาเห็นการเสริมวิญญาณที่แสดงอยู่ตรงหน้า เสียงในใจของเขาก็บอกเขาว่า จวินอู๋เสียเป็นคนที่ยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้

“ตอนที่คุณหนูใหญ่ตัดสินใจมาที่สนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด นางต้องคิดไว้อยู่แล้วว่าจะทำอย่างไร การเสริมวิญญาณสองสามอย่างที่แสดงให้เห็นวันนี้เป็นแค่อันที่ง่ายที่สุดที่นางมี ดูเหมือนว่าพวกเราจะกังวลไปเปล่าๆ เสียแล้ว” เยี่ยซาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก