บทที่ 761 สิบยอดปราชญ์บรรพกาล

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 761 สิบยอดปราชญ์บรรพกาล

นอกมรรคาสวรรค์ บนเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาล เงาร่างหนึ่งลอยอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ก้มมองเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาล

คนผู้นี้สวมชุดนักพรตเต๋าสีเขียว ถือแส้ปัดธุลีด้ามหนึ่งไว้ในมือ เครายาวพลิ้วไสว สง่างามดั่งเซียน

“ท่านผู้สูงศักดิ์มีธุระใดกับมรรคาสวรรค์ของข้าหรือ”

เสียงของหานเจวี๋ยพลันแว่วเข้าสู่หูเขา

ถึงแม้อริยะมหามรรคคนนี้จะยืนอยู่เหนือเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาล แต่กลิ่นอายกลับเลื่อนลอยยิ่ง ปิดกั้นตัวตน เหล่าอริยะมรรคาสวรรค์ล้วนไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเขา

ปกปิดซ่อนเร้นเช่นนี้ เกรงว่าคงมิมีเจตนาดี

หานเจวี๋ยตรวจสอบข้อมูลของเขา

[มนุษย์ถ้ำชิงเฟิง: ระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะต้น สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้า ศิษย์บรรพชนเต๋า มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต]

มนุษย์ถ้ำชิงเฟิงอย่างนั้นหรือ

ช่างเป็นนามที่แปลกพิลึกนัก!

มนุษย์ถ้ำชิงเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นเพียงนักพรตเต๋าที่พเนจรอยู่ในฟ้าบุพกาล วันนี้ได้กลับมาเยือนถิ่นเก่า เพียงอยากเห็นว่าถิ่นเก่าพัฒนาไปอย่างไรบ้าง คาดว่าสหายเต๋าคงเป็นอริยะสวรรค์เกรียงไกรแห่งมรรคาสวรรค์ เลิศล้ำนัก มรรคาสวรรค์ในการดูแลของสหายเต๋าพัฒนาไปได้ดียิ่ง นับว่ารุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน”

หานเจวี๋ยถาม “หลังจากท่านดูเสร็จแล้วเล่า”

อริยะมหามรรคคนหนึ่งอันตรายสำหรับมรรคาสวรรค์อย่างยิ่ง หานเจวี๋ยจำเป็นต้องระแวง

หากว่าคนผู้นี้กล้าเกิดความเกลียดชังในตัวเขา ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก สังหารในเสี้ยววินาทีซะ!

“ย่อมจากไป สหายเต๋าระมัดระวังอย่างยิ่ง บางที่นี่อาจเป็นปัจจัยหลักที่มรรคาสวรรค์พัฒนามาถึงปัจจุบันนี้ได้”

มนุษย์ถ้ำชิงเฟิงเอ่ยอย่างสะท้อนใจ วางท่าเป็นผู้ทรงคุณธรรมอย่างยิ่ง

ถึงแม้จะเรียกเขาว่าสหายเต๋าอยู่ทุกคำ แต่หานเจวี๋ยกลับสัมผัสได้ว่าเขาพูดจาเหมือนคุยกับชนรุ่นหลังอยู่

ในแง่ของอายุ หานเจวี๋ยนับเป็นชนรุ่นหลัง

แต่ในแง่ของตบะกลับมิใช่เลย!

ในฟ้าบุพกาล ต่างใช้ตบะในการแบ่งแยกลำดับอาวุโส!

จู่ๆ มนุษย์ถ้ำชิงเฟิงก็เอ่ยถาม “สหายเต๋าคิดเห็นอย่างไรกับบรรพชนเต๋า”

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “บรรพชนเต๋ามีคุณูปการต่อมรรคาสวรรค์อย่างไร้สิ้นสุด ผู้บำเพ็ญในมรรคาสวรรค์ต่างนับถือบรรพชนเต๋าเป็นอาจารย์ ข้าย่อมให้ความเคารพอย่างสูงสุด”

[มนุษย์ถ้ำชิงเฟิงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]

หานเจวี๋ยหรี่ตาลง

หมายความว่าอย่างไร

เจ้ามิใช่ศิษย์บรรพชนเต๋าหรอกหรือ

เจ้าคิดจะเป็นศิษย์ล้างครูหวังทำลายบรรพชนเต๋าหรือ

ทันทีที่แจ้งเตือนความเกลียดชังปรากฏขึ้นหานเจวี๋ยแทบจะลงมือทันที แต่โชคดีที่มีค่าความเกลียดชังแค่หนึ่งดาว มิเช่นนั้นเถ้ากระดูกของมนุษย์ถ้ำชิงเฟิงคงกระจัดกระจายไปทั่วเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลแล้ว

“ดูเหมือนความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของบรรพชนเต๋าจะประสบความสำเร็จแล้ว”

มนุษย์ถ้ำชิงเฟิงเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ จากนั้นก็หันหลังจากไป

หานเจวี๋ยมองเขาจากไปไกล อดทนข่มใจไว้

ค่าความเกลียดชังหนึ่งดาวเป็นเพียงความไม่พอใจเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสาปแช่งหรือสังหารตรงๆ

หานเจวี๋ยไม่อยากบ่มเพาะจนเกิดนิสัยกระหายเลือด สังหารคนส่งเดช

หลังจากกลิ่นอายของมนุษย์ถ้ำชิงเฟิงเลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง หานเจวี๋ยก็พลันขมวดคิ้ว

คนผู้นี้เพียงกลับมาดูเท่านั้นจริงหรือ

เช่นนั้นเหตุใดไม่สอดส่องมรรคาสวรรค์ แต่กลับมาจดจ้องเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลเล่า

ทำไมถึงดูเหมือนกำลังสืบข่าวอยู่กันนะ

จุดสำคัญคือคนผู้นี้แม้กระทั่งฉายาธรรมก็ยังไม่กล้าทิ้งไว้ เกรงว่าจะถูกสาปแช่งเช่นนั้นหรือ

หานเจวี๋ยจำเป็นต้องใช้งานความสามารถวิวัฒนาการ ‘ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดมนุษย์ถ้ำชิงเฟิงถึงมาที่มรรคาสวรรค์’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนหกหมื่นปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

หานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็มาปรากฏตัวในโลกมืดสลัวแห่งหนึ่ง รอบทิศปกคลุมด้วยผืนดินกันดารแห้งแล้ง มองเห็นเพียงวัชพืชหรอมแหรมยิ่งนัก รวมถึงควันไฟสีต่างๆ ล่องลอยอยู่ในอากาศ มองไม่เห็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิต

สายตาเขาเคลื่อนไปหยุดที่หลักศิลาจารึกก้อนหนึ่ง

ศิลาจารึกนี้สูงนับร้อยจั้ง พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว เมื่อตั้งอยู่ในโลกอันกว้างใหญ่แล้วดูไม่สะดุดตาเลยแม้แต่น้อย

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าบนศิลาจารึกมีตัวอักษร ทว่าเขามองเห็นไม่ชัด

น่าแปลก

ยังมีสิ่งที่อริยะมหามรรคมองเห็นไม่ชัดเจนอีกหรือ

คาดว่าบนศิลาจารึกคงมีผนึกพิเศษบางอย่าง

ในเวลานี้เอง เงาร่างสายแล้วสายเล่าปรากฏตัวขึ้นหน้าศิลาจารึก มีทั้งหมดเก้าร่าง ทั้งหมดล้วนเป็นนักพรตเต๋า มนุษย์ถ้ำชิงเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

นักพรตเต๋ารูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเป็นผู้นำกลุ่ม ไม้เท้าหยกด้ามหนึ่งขัดอยู่ตรงช่วงเอว สะท้อนแสงเรืองรางอ่อนจาง

นักพรตเต๋าร่างสูงใหญ่เอ่ยขึ้นว่า “ท่านเรียกรวมตัวพวกเราด้วยเรื่องใดหรือ”

มีเสียงกังวานทับซ้อนแว่วออกมาจากศิลาจารึก “มรรคาสวรรค์เปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจทำนายดวงชะตาได้ ข้าต้องให้พวกเจ้าไปตรวจสอบว่าเปลี่ยนแปลงไปเพราะเหตุใด”

นักพรตเต๋าทั้งเก้าคนมองหน้ากัน

นักพรตเต๋าคนหนึ่งอดถามไม่ได้ “แค่ตรวจสอบเท่านั้น จำเป็นต้องให้พวกเราไปกันหมดเลยหรือ”

นักพรตเต๋าที่เหลืออดพยักหน้าอย่างคล้อยตามไม่ได้

มรรคาสวรรค์อยู่ห่างไกล พวกเขายังต้องฝึกบำเพ็ญกันด้วย

“ไปเถอะ คิดหาทางแทรกซึมเข้าไปในมรรคาสวรรค์ให้ได้จะดีที่สุด เรื่องนี้อาจเกี่ยวพันถึงมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ เทพมารอนธการลึกลับไม่ทราบตัวตนคนนั้นมีโอกาสที่อนาคตจะถือกำเนิดขึ้นในมรรคาสวรรค์ หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเจ้าต้องจับตามองไว้ให้ดีแต่แรก”

เสียงซ้อนกังวานยิ่งพูดยิ่งแผ่วหวิวลงไปเรื่อยๆ

นักพรตเต๋าร่างสูงใหญ่ขมวดคิ้ว นักพรตเต๋าที่เหลือเมื่อได้ยินว่ามหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ สีหน้าล้วนเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

ภาพลวงตาวิวัฒนาการสิ้นสุดลงตรงนี้

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ไม่ได้มาด้วยจุดประสงค์ดีจริงๆ

เขาสอบถามในใจ ‘อริยะมหามรรคเก้ารายนี้แทรกซึมเข้าสู่มรรคาสวรรค์หรือยัง’

สิ่งที่อริยะมหามรรคมีก็คือวิธีการมากมาย แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องแทรกซึมเข้ามาด้วยตนเองก็ได้

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ขณะนี้ยังไม่พบ]

หานเจวี๋ยซักถามต่อ ‘เช่นนั้นเสียงที่แว่วออกมาจากศิลาจารึกคือผู้ใด’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ดวงจิตปฐมภพ: ระดับยอดมหามรรคระยะปลาย ดวงจิตมหามรรครายแรกแห่งฟ้าบุพกาล เคยต่อสู้กับบรรพชนเต๋า ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกจองจำไว้ในแดนบรรพกาล]

ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังมีตบะระดับยอดมหามรรคระยะปลายอยู่!

บรรพชนเต๋าร้ายกาจนัก!

หานเจวี๋ยพลันนึกขึ้นมาว่าระบบจะสามารถวิวัฒนาการถึงบรรพชนเต๋าได้หรือไม่

‘ข้าอยากรู้ว่าบรรพชนเต๋าอยู่ที่ไหน’

[บ่วงกรรมของอีกฝ่ายกระจัดกระจายเกินไป ไม่สามารถวิวัฒนาการอย่างแม่นยำได้]

แบบนี้หมายความว่าอย่างไร

หรือว่าบรรพชนเต๋าจำแลงเป็นสรรพสิ่ง กระจายตัวอยู่ทั่วฟ้าบุพกาลอย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว สำหรับบรรพชนเต๋า เขานั้นหวาดหวั่นมาโดยตลอด

ดูเหมือนบรรพชนเต๋าจะหนีพ้นจากการสืบหาร่องรอยของระบบ

ประเด็นสำคัญคือบรรพชนเต๋าหายตัวไปเพราะเหตุใด สรุปแล้วกำลังหลบซ่อนตัวจากผู้ใดอยู่กันแน่

ไม่น่าจะหลบซ่อนตัวจากเทพมารอนธการอย่างเขากระมัง!

หากว่าบรรพชนเต๋ายังอยู่ ยังคงต้องการสังหารเทพมารอนธการ หานเจวี๋ยคงตายไปไม่รู้กี่ร้อยกี่พันรอบแล้ว

เพราะสุดท้ายแล้วหานเจวี๋ยก็ถูกบรรพชนเต๋ากำหนดไว้ว่าเขาคือตัวแปร อีกฝ่ายต้องมองเห็นความพิเศษของเขาแน่ เป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับระบบ

หานเจวี๋ยในตอนแรกเริ่มมิได้มีจุดพิเศษเลย

ผู้ข้ามภพเช่นนั้นหรือ

ก่อนหน้านี้ตอนที่หานเจวี๋ยสอดส่องปวงสวรรค์หมื่นโลกา มักจะได้เห็นผู้ข้ามภพที่วิญญาณข้ามไปสู่โลกอื่นๆ อยู่เสมอ

อันสิ่งที่เรียกว่าผู้ข้ามภพ เป็นเพียงวิญญาณที่โชคดีเล็ดรอดจากระเบียบวัฏสงสารมาได้ ถูกกวาดม้วนเข้าสู่โลกที่ไม่รู้จัก

จะว่าไป ผู้ทรงพลังมากมายก็ชมชอบเดินทางข้ามภพเช่นกัน

หานเจวี๋ยคิดไม่ออก ดังนั้นจึงไม่คิดต่ออีก

ฝึกบำเพ็ญต่อดีกว่า

ต่อให้อริยะมหามรรคทั้งเก้ารายแทรกซึมเข้าสู่มรรคาสวรรค์ เขาก็มีวิธีจัดการ

ถ้าไม่ได้การจริงๆ ก็ทำได้เพียงใช้ฐานะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการออกโรง

….

ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ภายในตำหนักเอกภพ

จอมอริยะเสวียนตู เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย ฉิวซีไหล ฟางเหลียงและจั้งกูซิงรวมตัวกันอยู่ที่นี่

จอมอริยะเสวียนตูกวาดตามองอริยะทั้งสี่ เปิดปากเอ่ย “วันนี้ที่เรียกสหายเต๋าทั้งสี่มา ต้องการจะมอบหมายภารกิจอย่างหนึ่งให้ทุกท่าน”

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยตอบสนอง “เชิญว่ามาเถิด”

จอมอริยะเสวียนตูกล่าวว่า “ช่วงนี้ในฟ้าบุพกาลมีข่าวลือเล่าอ้างว่าเทพมารอนธการผู้ปลุกปั่นก่อให้เกิดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จะถือกำเนิดในมรรคาสวรรค์ เรื่องนี้เกรงว่าจะเป็นแผนการร้าย สำนักพุทธ สำนักวิถีสวรรค์ วังเทพและนิกายเจี๋ยต่างเป็นสำนักดวงชะตาที่รวบรวมบุตรแห่งสวรรค์ของมรรคาสวรรค์ไว้ และข้าได้แจ้งเรื่องต่อหลี่เสวียนเอ้าแล้ว ให้ทุกคนร่วมออกความคิดเห็น หากผลักดันเรื่องนี้ไปสู่ฟ้าบุพกาลได้จะดีที่สุด

“ข้อคิดเห็นที่ว่าคือ มรรคาสวรรค์จะมีบุตรแห่งสวรรค์สิบคนถือกำเนิดขึ้นเพื่อต่อกรกับเทพมารอนธการ เป็นยอดปราชญ์บรรพกาลสิบคนที่ได้รับการกำหนดตัวจากบรรพชนเต๋า”

สี่อริยะตะลึงงัน

ฟางเหลียงเบิกตากว้างพลางเอ่ยถาม “เป็นความจริงหรือ”

วิญญาณเขาข้ามสู่บรรพกาลหลายครั้ง เหตุใดจึงไม่เคยได้ยินเรื่องสิบยอดปราชญ์บรรพกาลเลยเล่า

………………………………………………………………