บทที่ 740 เสียงที่คุ้นเคย

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 740 เสียงที่คุ้นเคย

บทที่ 740 เสียงที่คุ้นเคย

“…” อิ่นหรูอวิ๋น

เธอกลายเป็นคนไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร? แต่เหมือนจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ นะ เธอไม่เหมาะกับห้องนี้เลย

เสี่ยวเถียนถอนหายใจ แม้จะคาดหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตในห้อง 314 อย่างมีความสุข แต่เหมือนจะกลายเป็นเรื่องยากเสียอย่างนั้น

วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเทอม และยังเป็นวันฝึกทหารด้วย ปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ไม่มากพอให้เป็นเรื่องขบขันคนอื่นหรอกนะ

จ้าวหงเหมยหันกลับมาหลังจากฟังคำไม่เข้าหูจากอิ่นหรูอวิ๋น เธอไม่คิดจะทะเลาะกับอีกฝ่ายต่อหรอกนะ ส่วนต่งเยี่ยนอันเกลี้ยกล่อมเสร็จก็เดินไปดับไฟเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินไปหาเสี่ยวเถียน

“เสี่ยวเถียน ช่วยสอนฉันพันผ้าหน่อยสิ!”

ถึงจะไม่รู้ว่าเพื่อนทำเป็นจริงไหม แต่ตัวเองไม่รู้จึงเลือกที่จะเชื่อในตัวเพื่อนมากกว่า

เสี่ยวเถียนมองคนอื่น ๆ เห็นได้ชัดเลยว่าไม่มีใครรู้วิธีพันผ้าพันขา

“ทุกคนเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ เสร็จแล้วเดี๋ยวสาธิตให้ดูเอง มันง่ายมากเลย”

ตอนนั้นฉีเสี่ยวฟางดึงเข็มออกมาแล้ว

เธอผูกเงื่อนตรงปลาย จากนั้นก็ลูบ ๆ บริเวณรอยเย็บ แล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ โชคดีที่ฝีมือของเธอยังดีอยู่ แถมยังทำออกมาดูดีมาก

“หัวหน้า ฉันทำเสร็จแล้วนะ เธอลองดูนะว่าพอใจหรือเปล่า?” ฉีเสี่ยวฟางยื่นกางเกงไปให้ด้วยความเคอะเขิน

“พอใจมากเลย เธอเก่งจังเลย ขอบคุณนะเสี่ยวฟาง”

เด็กสาวตื้นตันใจมาก ถ้าไม่ได้อีกฝ่ายช่วยไว้วันนี้คงต้องไปฝึกในสภาพน่าเกลียดแน่ ๆ เพราะเธอรู้จักตัวเองดี และรู้ด้วยว่าระดับฝีมือด้านนี้มันเป็นยังไง แต่เป็นฉีเสี่ยวฟางที่ต้องเขินแทน เจ้าตัวก้มหัวลงแสร้งทำเป็นเก็บข้าวของ

“เรื่องแค่นี้เอง ไม่ลำบากเลย!” จากนั้นเธอก็เตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้า

เสี่ยวเถียนรับกางเกงมาและจัดการส่วนของตัวเองบ้าง แม้ว่าชุดจะดูดีขึ้นกว่าสองปีที่ผ่านมา แต่ใครหลาย ๆ คนยังมีความชื่นชอบสีเขียวทหารอยู่ แม้ชุดมันจะหลวมไปหน่อย แต่พวกเธอก็ยังจีบปากจีบคอหยอกเย้า แต่ไม่ได้มีความหมายไม่ชอบอะไร

หลังแต่งตัวเสร็จ เสี่ยวเถียนหยิบแถบผ้ารัดขาขึ้นมาสาธิตให้ทุกคนดู

เสี่ยวเถียนแสดงให้ทุกคนดูฝีมือการพันผ้าอย่างชำนาญของตนเอง แต่ละคนจ้องมองตาไม่กะพริบ รวมถึงอิ่นหรูอวิ๋นด้วย

หลังจากที่ตนพูดจาว่าร้ายและโดนจ้าวหงเหมยตอกกลับ ตอนนี้จึงทำแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าดี ๆ แต่เหลือแค่กางเกงเท่านั้น การเคลื่อนไหวของมือหยุดชะงักแล้วมองการกระทำของเสี่ยวเถียนด้วยความตั้งใจ

ถึงจะไม่รู้ว่าทำยังไง แต่ก็คงไม่มีปัญหาตราบใดที่เรียนรู้ไว้ก่อน เรื่องง่าย ๆ แบบนี้เรียนครู่เดียวก็ทำได้แล้ว

มองแค่สองรอบก็รู้สึกได้ทันทีว่าตนเองทำได้แน่นอน ตอนเห็นจ้าวหงเหมยยังไม่รู้ว่าทำยังไง และขอให้ซูเสี่ยวเถียนสอนอีกรอบตนก็ยิ้มเยาะ คนโง่ก็ยังเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ กะไอ้เรื่องง่าย ๆ ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

อิ่นหรูอวิ๋นไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้มันมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ดูเป็นแต่ทำไม่เป็นอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกผู้หญิงใช้ผ้าพันคอ แถมเราก็รีบมากด้วย ต้องขอบคุณเสี่ยวเถียนที่ช่วยเอาไว้เราถึงได้ทำกันเป็น

ตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงสิบนาทีก่อนรวมตัว

เพื่อไม่ให้โดนลงโทษที่มาสาย พวกเสี่ยวเถียนตะโกนลั่นแล้วรีบไปที่สนาม แต่ก่อนไปเสี่ยวเถียนนึกบางอย่างขึ้นได้ เธอรีบไปเปิดตู้แล้วหยิบขนมออกมา

“เสี่ยวเถียน ไม่มีเวลาแล้วนะ ทำไมยังห่วงเรื่องกินอยู่เนี่ย” ฉู่เยว่ตะโกน

แต่ก็นึกว่าคงเพราะเป็นเด็กด้วยล่ะ เลยยังนึกเรื่องของกินอยู่

เสี่ยวเถียนฉีกถุงแล้วหยิบเนื้อตากแห้งออกมา ก่อนจะยัดใส่มือเพื่อนแต่ละคน รวมถึงฉีเสี่ยวฟางด้วย

แน่นอนว่าไม่รวมอิ่นหรูอวิ๋น

ฉีเสี่ยวฟางถือมันไว้ด้วยท่าทางงุนงง ในใจเต็มไปด้วยความสับสน จำได้ว่าวันก่อนพวกเสี่ยวเถียนกินกันโดยไม่เรียกตนเข้าไปร่วมด้วย

ตอนนั้นก็คิดว่าซูเสี่ยวเถียนคนนี้นิสัยเหลือทนจริง ๆ ไม่แบ่งให้เธอกินบ้างเลย แต่ผ่านไปแค่วันเดียว กลับเป็นฝ่ายเอามาแบ่งให้เธอด้วยตัวเอง แต่ฉีเสี่ยวฟางก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เพราะซูเสี่ยวเถียนเห็นเธอเป็นเพื่อน แต่เพราะเธอเป็นคนใจกว้างต่างหาก

กลับกันเป็นคนที่บอกว่าใจกว้างต่างหากที่ใจร้ายที่สุด

“เร็วเข้าเสี่ยวเถียน!” จ้าวหงเหมยตะโกนเร่ง

“เดินกินไปนะ!” เด็กสาวไม่รอให้เสียเวลาแล้วเดินออกไปพร้อมกับเอ่ยบอก

“ฉันว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีนะ ตอนเที่ยงเราก็กินเนื้อไปแล้วไง!” หลี่เจี้ยนหงลังเล

ตอนเที่ยงก็กินแล้ว ถ้าจะให้กินตอนนี้อีกก็รู้สึกผิดขึ้นมา อีกอย่างจากจิตใต้สำนึกบอกว่าเนื้อตากแห้งที่ได้มามีราคาแพงแน่นอน

“เชื่อฉันเถอะน่า”

เสี่ยวเถียนตอบเสียงดังฟังชัด แล้วแทะเนื้อเหมือนแฮมสเตอร์ตัวน้อย

ถึงตอนเที่ยงจะกินไปแล้ว แต่ตอนบ่ายคาดว่าต้องออกแรงอีก และเพราะมันเป็นการฝึกเลยต้องใช้พลังงานทางกายสูง การกินเนื้อตากแห้งจะต้องมีประโยชน์แน่นอน

ตอนนี้ทุกคนมีเนื้ออยู่ในมือ และไม่สามารถถือไปได้ตลอดทาง พวกเราจึงกินขณะลงบันได

อิ่นหรูอวิ๋นไม่พอใจที่ทุกคนไปโดยไม่เรียกตน และตอนนี้เองที่เพิ่งรู้ว่าเหมือนจะไม่มีเวลาแล้ว ได้แต่ขอบคุณตัวเองที่เรียนวิธีพันผ้ามาจากเสี่ยวเถียน ไม่งั้นตนเองคงตื่นตระหนกแย่ หลังจากเปลี่ยนขนาดชุดมาตอนใส่เสร็จก็พบว่าดูดีกว่าพวกซูเสี่ยวเถียนเยอะ วันนี้จะต้องทำได้ดีแน่นอน

ฝั่งพวกเสี่ยวเถียนมาถึงสถานที่ฝึกทหารของเอกภาษาจีนก่อนเวลา มันอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงเหนือของสนาม

คนอื่น ๆ ในคณะเรายังไม่มีใครมาเลยสักคน เด็กหญิงเหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้เหลือเวลาอีกสามนาที

เชื่อเลยว่าคนอื่น ๆ จะต้องมาสายแน่ แต่พอมองไปรอบ ๆ ดูเหมือนว่าคณะอื่นเองก็ยังมาไม่ถึงจึงรู้สึกสบายใจมากกว่าเดิม เห็นบอกว่าจะมีบทลงโทษสำหรับการมาฝึกทหารสายด้วย แต่กฎหมายไม่ลงโทษประชาชนนี่นา ไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่นะ?

ขณะที่กำลังขบคิดก็เห็นทหารกลุ่มหนึ่งเดินมาที่สนามอย่างเป็นระเบียบ พวกเขามีประมาณยี่สิบสามสิบคน แถมยังก้าวเดินเหมือนกันเป๊ะไม่มีแตกแถวเลยแม้แต่คนเดียว

กลุ่มทหารในชุดสีเขียวเดินท่องคำขวัญเสียงดังกังวานน่าตื่นเต้น!

เสี่ยวเถียนรู้สึกเลือดในกายเดือดพล่านเมื่อได้ยินเสียงนั้น

“เสี่ยวเถียน ฉันตื่นเต้นจัง!” จ้าวหงเหมยเอ่ยพูดขณะดึงแขนของเพื่อน

เสี่ยวเถียนก็เหมือนกัน จากนั้นก็กะพริบตาแรง ๆ อยู่หลายรอบ

เหมือนจะมองผิดแต่คิดว่าไม่นะ

เธอเห็นคนคุ้น ๆ อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย