ตอนที่ 742 สมควร

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 742 สมควร

“นำอาหารเข้ามาได้” ไป๋จิ่นซิ่วสั่งชุ่ยปี้

ชุ่ยปี้รับคำแล้วเดินออกไปด้านนอก

วันนี้ไป๋จิ่นซิ่วลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นโจ๊กเกียรติยศหรือซาลาเปาสอบติดขุนนางล้วนเป็นอาหารที่ไป๋จิ่นซิ่วตั้งชื่อมงคลและตื่นมาทำเองตั้งแต่เช้า

ฉินหล่างรู้ดีว่าไป๋จิ่นซิ่วตั้งใจทำให้เขา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือที่เตรียมอาหารให้เขาของไป๋จิ่นซิ่วโดยไม่สนสายตาของสาวใช้ จากนั้นกล่าวขึ้น “ครั้งนี้ข้าจะตั้งใจสอบให้ดี จะนำคะแนนดีๆ กลับมาฝากเจ้า”

ไป๋จิ่นซิ่วบีบมือฉินหล่างเป็นการตอบ แววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของหญิงสาวมีแต่ความอ่อนโยน

“ข้าเชื่อสามีเจ้าค่ะ”

ฉินหล่างบีบมือไป๋จิ่นซิ่วแน่น จากนั้นจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหาร

องค์หญิงใหญ่บอกฉินหล่างไว้นานแล้วว่าขอเพียงเขามีชื่อสอบติดไม่เกินจิ้นซื่อระดับที่สอง องค์หญิงใหญ่จะทูลขอให้ฮ่องเต้คืนตำแหน่งจงหย่งโหวให้ฉินหล่าง

บิดาของเขาเคยเสียตำแหน่งจงหย่งโหวไป ฉินหล่างจะนำมันคืนกลับมาให้ได้!

ไป๋ชิงเหยียนพัก “รักษาตัว” อยู่ในจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า ข่าวสารมากมายถูกส่งมาที่เรือนชิงฮุยและถูกส่งกลับออกไปไม่มีหยุดหย่อน

พ่อบ้านเหา ผู้ดูแลหลิวและหลูผิงซึ่งอยู่ที่ซั่วหยางเริ่มวุ่นวายกันอีกครั้ง ไป๋ชิงเหยียนต้องการให้ผู้ดูแลจวนไป๋หาซื้อเสบียงจำนวนมาก จากนั้นทำเป็นส่งไปให้ชาวบ้านผู้ประสบภัยที่เยี่ยนว่อ ทว่า แท้จริงแล้วเสบียงครึ่งหนึ่งจะถูกแบ่งไปให้จี้ถิงอวี๋ที่หุบเขาหู่เวย

มีข้ออ้างในการส่งเสบียงไปยังเยี่ยนว่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย เสบียงเหล่านี้จึงสามารถลำเลียงส่งไปโดยใช้เส้นทางของทางการได้อย่างเปิดเผย ที่สำคัญไป๋ชิงเหยียนบอกเรื่องนี้ให้รัชทายาททราบแล้ว ระหว่างทางไม่มีทางโดนกีดขวางแน่นอน ไป๋ชิงเหยียนจึงวางใจมาก

เมื่อองค์หญิงใหญ่ซึ่งอยู่ที่วัดชิงอันได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนกลับมายังเมืองหลวงแล้ว นางจึงส่งไป๋จิ่นเซ่อและเว่ยจงกลับไปที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว

เว่ยจงกลับมาได้จังหวะพอดี ไป๋ชิงเหยียนกำลังต้องการให้เขาช่วยสืบเรื่องของหวังชิวลู่อยู่พอดี

ไป๋ชิงเหยียนรู้แล้วว่าหวังชิวลู่ไม่ได้เปิดโปงนางต่อหน้ารัชทายาท เขาเอาแต่ตอบว่าไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนช่วยเขาออกมา ทว่า ก็พอทำให้หลี่หมิงรุ่ยเดือดร้อนได้แล้ว

ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้เว่ยจงไปสืบว่าหลังจากหลู่จิ้นพาตัวหวังชิวลู่กับไปที่คุกของศาลต้าหลี่แล้ว หวังชิวลู่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีกหรือไม่

เว่ยจงรับคำสั่งโดยไม่ถามสิ่งใดทั้งสิ้น

หากหวังชิวลู่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดที่ไม่ควรกล่าวออกไป เขายังรู้ว่าผู้ใดคือเจ้านายของตัวเองกันแน่ ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนจะทำให้หวังชิวลู่ได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง ทำให้เขากลับไปเป็นแม่ทัพเหมือนเดิมอย่างเปิดเผย ให้เขาไปนำทัพที่ชายแดนซีเหลียง ได้ทำในสิ่งที่เขาถนัดที่สุด

ไป๋ชิงเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหันไปมองเจินหมิงที่กำลังรินน้ำชาให้ไป๋จิ่นเซ่อ

“เจินหมิง เจ้าไปดูทีว่าแม่นางเสิ่นตื่นแล้วหรือไม่ หากตื่นแล้วจงเชิญนางมาที่นี่ ข้ามีเรื่องจะสั่งให้นางทำ”

เจินหมิงวางกาน้ำชาร้อนลงบนโต๊ะข้างหน้าต่าง จากนั้นเดินออกไปตามเสิ่นชิงจู๋

เมื่อวานเสิ่นชิงจู๋นอนหลับยาวทั้งคืนหลังจากที่ผล็อยหลับไป วันนี้นางตื่นตั้งแต่ตอนที่คุณหนูใหญ่ฝึกหอกเงินหงอิงแล้ว ต่อมาเมื่อรับประทานอาหารเสร็จ คุณหนูใหญ่จึงไล่นางกลับมาพักผ่อนอีกครั้ง

“พี่หญิงใหญ่ ครั้งนี้ข้าช่วยพี่หญิงใหญ่ทำสิ่งใดได้บ้างเจ้าคะ” ไป๋จิ่นเซ่อเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน

ไอจากน้ำชาร้อนลอยขึ้นสู่อากาศ ไป๋ชิงเหยียนยื่นมือไปอังเตาผิงที่อยู่ตรงปลายเท้า “สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือการอยู่เฉยๆ ห้ามเปิดเผยความสามารถของตัวเอง อย่าให้ผู้อื่นรับรู้ความฉลาดของเจ้า ไม่แน่วันหน้าเจ้าอาจจะกลายเป็นกองทัพพิเศษของตระกูลไป๋ก็ได้”

ไป๋จิ่นเซ่อเข้าใจความหมายที่พี่หญิงใหญ่ต้องการสื่อ บัดนี้พี่หญิงใหญ่ยังไม่มีงานมอบหมายให้นางทำ สาวน้อยกำหมัดแน่น เงยหน้าแล้วกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนอย่างจริงจัง “จิ่นเซ่อคิดว่าพี่หญิงใหญ่กล่าวมีเหตุผลเจ้าค่ะ จิ่นเซ่อฟังคำของพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ”

ที่ไป๋จิ่นเซ่อฉลาดเกินวัยอาจเป็นเพราะสาวน้อยติดตามอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียนมาตั้งแต่เล็ก

เมื่อเสิ่นชิงจู๋มาถึง ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กันไป๋จิ่นเซ่อออกไป หญิงสาวกล่าวกับเสิ่นชิงจู๋ต่อหน้าไป๋จิ่นเซ่อ

“ชิงจู๋ เจ้าช่วยไปหาหลี่หมิงรุ่ยที่คุกศาลต้าหลี่ให้ข้าที จงบอกเขาว่าข้ามีทางให้เขาสองทาง หนึ่งคือใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปอย่างสงบเสงี่ยม ไม่เช่นนั้นข้าจะส่งคนทั้งตระกูลหลี่ไปปรโลกพร้อมกับเขา มีคนไปอยู่เป็นเพื่อนเขาเยอะๆ เขาจะได้ไม่เหงา”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน เสิ่นชิงจู๋เหลือบมองไป๋จิ่นเซ่อแวบหนึ่งราวกับกลัวว่าเด็กน้อยจะตกใจ ทว่า เสิ่นชิงจู๋กลับเห็นไป๋จิ่นเซ่อยกชาขึ้นจิบด้วยท่าปกติ กลายเป็นว่านางกังวลมากไปเอง เสิ่นชิงจู๋รับคำแล้วเดินจากไปทันที

ภายในคุก หลี่หมิงรุ่ยนั่งขัดสมาธิอยู่บนกองฟอง หลังผ่านไปคืนหนึ่งหลี่หมิงรุ่ยเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว หวังชิวลู่คงสวามิภักดิ์กับองค์หญิงเจิ้นกั๋วนานแล้ว ดังนั้นจึงแว้งกัดเขาในเวลาสำคัญเช่นนั้น

บางทีการที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วส่งหวังชิวลู่มาอยู่กับเขาอาจเป็นเพราะนางต้องการหยั่งเชิงเขา

ทว่า อาจไม่ใช่ทั้งหมด องค์หญิงเจิ้นกั๋วอาจอยากให้เขาช่วยทดสอบหวังชิวลู่ด้วย

บัดนี้เขาช่วยองค์หญิงเจิ้นกั๋วทดสอบแล้วว่าหวังชิวลู่งรักภักดีต่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วจริงๆ กลับกลายเป็นเขาที่ต้องยอมรับผิดเรื่องทุกอย่างไว้เองเพราะกลัวจดหมายลายมือของบิดาที่เคยถึงองค์ชายรองในปีนั้นที่อยู่ในมือของไป๋ชิงเหยียน

องค์หญิงเจิ้นกั๋วแผนสูงกว่าเขา เขายอมแพ้

เขาทระนงตัวมากเกินไป คิดว่าตัวเองมองการกระทำขององค์หญิงเจิ้นกั๋วออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ทว่า เขาไม่คิดเลยว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะไม่ทำตามแผนที่วางไว้

ครั้งนี้หลี่หมิงรุ่ยสมควรแพ้จริงๆ

หลี่หมิงรุ่ยมองไปทางหวังชิวลู่ที่นั่งหลับตานั่งอยู่ในคุกฝั่งตรงข้าม เขาลุกขึ้นยืนปัดเศษฟางที่ติดตามกางเกงออก จากนั้นเดินไปหยุดอยู่หน้ากรงขัง เอ่ยถามหวังชิวลู่ “หวังชิวลู่ เจ้ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าข้าไม่ได้จงรักภักดีกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วจริงๆ ดั้นนั้นเจ้าจึงคอยระแวงข้าใช่หรือไม่”

หวังชิวลู่ลืมตามองไปทางหลี่หมิงรุ่ย “ข้าไม่เข้าใจว่าใต้เท้ากำลังกล่าวสิ่งใด”

ใต้เท้ากล่าวสิ่งใดหัวเราะออกมาเบาๆ กางแขนกว้างพลางมองไปรอบตัว “เหตุใดเจ้าต้องหวาดระแวงถึงเพียงนี้ด้วย นอกจากพวกเราแล้วที่นี่ไม่มีผู้อื่นอีก”

“ข้าไม่ได้ระแวง ทว่า ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านกล่าวขอรับ” หวังชิวลู่กล่าวจบก็หลับตาลงอีกครั้ง แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่อยากสนทนากับหลี่หมิงรุ่ยอีก

“เจ้าทูลรัชทายาทว่าหนานตูจวิ้นจู่ที่อยู่ในจวนเหลียงอ๋องคือตัวปลอมเพราะต้องการปกป้องหลิ่วรั่วฟูอย่างนั้นหรือ” หลี่หมิงรุ่ยหลอกถามหวังชิวลู่

หวังชิวลู่นั่งหลับตาพิงกำแพงที่ขึ้นรา ครู่ใหญ่จึงกล่าวขึ้น “ข้าหลงรักหนานตูจวิ้นจู่มานาน ต่อให้คนผู้นั้นจะเหมือนนางมากเท่าใด ทว่า เมื่อข้าพบนางก็รู้แล้วว่านางไม่ใช่หนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีของข้า”

“น่าเสียดาย รู้เช่นนี้ตอนนั้นข้าควรไว้ชีวิตหลิ่วรั่วฟูเพื่อนำมาใช้บีบบังคับเจ้า” หลี่หมิงรุ่ยยิ้มออกมา พยายามยั่วโมโหหวังชิวลู่

หวังชิวลู่กำหมัดทั้งสองข้างนิ่ง หลับตาไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

หลี่หมิงรุ่ยมองออกว่าหวังชิวลู่เป็นคนหลงงมงายในความรัก ดูเหมือนว่าเขาจะรักหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูมากจริงๆ

“ยังมีอีกเรื่องที่เจ้าคงยังไม่รู้…” หลี่หมิงรุ่ยเดินไปมาในคุกพลางสำรวจปฏิกิริยาของหวังชิวลู่ไปด้วย

“เด็กในท้องของหลิ่วรั่วฟูไม่ใช่ลูกของเหลียงอ๋อง นางถูกองครักษ์ข่มขืน เหลียงอ๋องแค่ถูกรัชทายาทโยนเข้าไปในจวนของใต้เท้าหวังเสนาบดีกรมพิธีการเพื่อเป็นแพะรับบาปเท่านั้น!”

หวังชิวลู่ขบกรามแน่น ทว่า ยังคงไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเช่นเดิม