บทที่ 743 แปดกิโลเมตรแห่งความสุขี

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 743 แปดกิโลเมตรแห่งความสุขี

บทที่ 743 แปดกิโลเมตรแห่งความสุขี

ทุกคนในบริเวณแทบเป็นลม

นักศึกษาที่แสนเปราะบางและอ่อนแอต้องมาวิ่งสี่กิโลเมตรและยืนท่าทหารหนึ่งชั่วโมงเนี่ยนะ?

“ผมจะเริ่มจับเวลาตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าสายไปสามนาทีเพิ่มหนึ่งรอบ คนสุดท้ายมาสายต้องวิ่งห้ารอบ และถ้าสายถึงหกนาทีวิ่งเป็นหกรอบ นับแบบนี้ไปเรื่อย ๆ!”

เป็นการลงโทษที่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะ

หกรอบหกกิโลเมตรเลยนะ ถ้าต้องวิ่งรวดเดียวได้ตายกันแน่ อีกอย่างถ้ามาก่อนหกนาทียังพอว่า แต่ถ้ามาเกินสิบนาทีก็ต้องวิ่งเป็นสิบกิโลเลยน่ะสิ

จู่ ๆ ก็มีคนร้องโอดครวญขึ้น

ซูอู่ร่างกวาดสายตาหาแล้วเอ่ยด้วยวาจาดังลั่น “ถ้าพวกคุณอยากพูดจะต้องรายงานก่อน หากไม่ได้รับอนุญาตจะไม่สามารถพูดได้ และถ้าใครฝ่าฝืนวินัย นักศึกษาทุกคนต้องยืนในท่าทหารเพิ่มอีกห้านาที!”

ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าการฝึกทหารไม่ใช่เรื่องตลก

พี่ทหารหน้าตาดีคนนี้ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดจริง ๆ!

ทุกคนยอมเชื่อในที่สุดว่าพวกเราทุกคนต้องวิ่งรอบสนาม ตอนนี้จึงพาลเกลียดพวกคนที่ไม่ยอมมาร่วมการฝึกอยู่ พลางนึกบ่นในใจ พวกนี้งานการก็ไม่ทำ เรื่องสายมาเป็นอันดับหนึ่งเลยนะ

เมื่อเช้าก็ฟังประกาศแล้วไม่ใช่หรือ แล้วทำไมยังไม่มาอีก?

มีบางคนพูดกับตัวเองว่า ถ้าส่งเจ้าพวกนั้นเข้าสู่สนามรบ คงโดนศัตรูกวาดล้างไปหมดแล้ว

เสี่ยวเถียนรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ต้องทำตัวให้ดีเท่านั้น เลยรักษาท่าทางมาตรฐานของทหารเอาไว้ และยืนท่ามกลางแสงอาทิตย์

วันนี้แดดแรงมาก แผดเผาจนทนแทบไม่ไหวอยู่แล้ว ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็สัมผัสได้ว่าเหงื่อท่วมกายไปหมด

แต่ก็ยังทำมันต่อไป

กลุ่มคนข้างหลังไม่ได้จริงจังในคราแรก แต่พอเห็นเด็กสาว หัวหน้าของพวกเรายืนนิ่งแบบนั้น ตนจึงเริ่มทำตัวดีขึ้น

พวกผู้หญิงทยอยกันมาถึง

หลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

มาเร็วหน่อยก็ดีจะได้วิ่งให้น้อยลง

ทว่าผ่านมาหกนาทีแล้ว ยังขาดไปอีกหนึ่งคน!

ทุกคนรอกันต่อไป!

ภายใต้ดวงอาทิตย์ดวงโต ทำให้หลายคนเหงื่อโซมกาย ไม่ว่าจะแค้นเคืองแค่ไหน แต่เสี่ยวเถียนกลับยังยืนตัวตรงเหมือนเดิม พวกเราจึงทำได้แค่นั้น

คนสุดท้ายในชั้นเรียนที่มาถึงคืออิ่นหรูอวิ๋น

ช้าเหลือเกินนะ!

เสี่ยวเถียนพูดออกมาตอนเห็นคนมาใหม่

ยัยคนนี้ทำตัวให้มันน่าพึ่งพาได้หน่อยไม่ได้บ้างหรือไง?

ไอ้ผ้าพันคอที่ทำจนเละเสี่ยงสะดุดนั่นไม่เท่าไรนะ แต่แป้งหนา ๆ บนหน้ามันคืออะไร?

รู้ไหมว่าวันนี้เรามาฝึกทหาร ไม่ได้มาประกวดนางงาม? ปล่อยให้คนอื่นต้องรอนานกว่าสิบนาทีและโดนลงโทษ แต่ตัวเองกลับแต่งหน้าเนี่ยนะ?

ตอนมาถึงมันผ่านมาแล้วสิบนาที และคนอื่นก็ยืนรออยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้า

ยิ่งนึกถึงบทลงโทษที่จะต้องโดน พวกเราก็มองไปยังคนมาใหม่ด้วยสายตาขุ่นเคือง ยิ่งเห็นใบหน้าที่พอกไปด้วยแป้งหน้าหลายชั้นก็แทบโกรธตาย

“ขอรายงานครูฝึกค่ะ สมาชิกคนสุดท้ายมาถึงแล้วค่ะ!”

เสี่ยวเถียนทำความเคารพท่าทหารเพื่อแจ้งให้ซูอู่ร่างทราบ

“นักศึกษาคนนี้มาสายสิบนาทีหลังจากเวลานัดรวมพล ตามกฎข้อบังคับจะต้องบวกจำนวนรอบในการวิ่งเพิ่มเป็นสี่รอบ รวมเป็นแปดรอบทั้งหมดแปดกิโลเมตร!” ชายหนุ่มมองนาฬิกา

“อะไรนะ” อิ่นหรูอวิ๋นที่เพิ่งมาถึงเสียงหายไปจากลำคอ “แปดกิโลเมตรเลยหรือ คิดจะฆ่าแกงกันหรือไง?”

ครูฝึกคนนี้เสียสติไปแล้วหรือ?

รู้ไหมว่าแปดกิโลเมตรมันรู้สึกยังไงน่ะ?

แค่สองกิโลก็ถึงแก่ความตายได้แล้วนะ!

“คุณไม่ได้รับอนุญาตให้พูด ก่อนพูดต้องรายงานครูฝึกก่อน เมื่อได้รับอนุญาตถึงจะพูดได้เท่านั้น!”

อิ่นหรูอวิ๋นในตอนนี้เหมือนคนโง่ ซูอู่ร่างไม่ชอบสักนิด

ได้แต่สงสัยว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยผ่านได้ยังไง!

“ทั้งหมดขยับฝีเท้า!” ซูอู่ร่างตะโกนลั่น ไม่นึกสนใจคนมาสายเลย

ท่ามกลางความสับสน อิ่นหรูอวิ๋นกลับมามีสติในตอนที่คนอื่น ๆ เริ่มออกตัววิ่งกันแล้ว ถึงจะไม่วิ่งโง่ ๆ รอบสนามแต่มันช่วยอะไรไม่ได้นอกเสียจากไล่ตามให้ทัน

ซูเสี่ยวเถียนผู้เป็นผู้บังคับกองร้อย 13 ออกตัวเป็นคนแรก

เพราะรู้อยู่แล้วว่าตอนเริ่มวิ่ง ข้อต่อทุก ๆ คนจะยังไม่ขยับ เธอจึงชะลอตัวและใช้เวลาเตือนคนอื่น ๆ ให้ระวังการขยับด้วย

เสี่ยวเถียนทำก็เพื่อให้พวกเขาได้ชิน

ซูอู่ร่างพึงพอใจกับภาพที่เห็นมาก เหมือนว่าน้องจะไม่ได้เสียทักษะความสามารถหลังจากผ่านมาหลายปีนะ

แต่บางคนคิดว่าเสี่ยวเถียนเรื่องเยอะ มันก็แค่วิ่งไม่ใช่หรือไง จะสนใจไปทำไม?

ทำอย่างกับเราไม่เคยวิ่ง?

คนแบบนี้เสี่ยวเถียนไม่สนใจหรอก

คนเราต้องดูแลตัวเองอยู่แล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่น!

พวกเราไม่ใช่กลุ่มแรกที่วิ่ง

กองอื่น ๆ ได้เริ่มฝึกไปก่อนแล้ว คงเพราะเตรียมตัวเสร็จก่อน ในสนามจึงมีประมาณครึ่งกองที่วิ่ง ส่วนอีกครึ่งกำลังยืนท่าทหาร

ในฐานะผู้บังคับกองร้อย เสี่ยวเถียนวิ่งนำหน้า

ข้างหลังเป็นหมู่ของผู้ชาย

พวกเขาตัวสูงกว่าเสี่ยวเถียนอยู่แล้ว พอมาวิ่งเทียบกันเลยทำให้เสี่ยวเถียนดูตัวเล็กและสง่างามมาก

ตอนนี้เธอเป็นที่จับตามองทั้งมหาวิทยาลัย ขนาดเด็กจากคณะอื่นยังจดจ้องเธอด้วยความสนอกสนใจ

คนวงนอกดูเพื่อสนุก คนวงในดูช่องทาง*[1] พวกครูฝึกแค่มองก็รู้เลยว่าถึงเสี่ยวเถียนจะตัวเล็กแต่จับจังหวะได้ดีมาก

คนพวกนั้นกลับไม่เข้าใจสักนิดว่าเด็กสาวหมายถึงอะไร ได้แต่วิ่งต่อไปอย่างเอื่อย ๆ ช้า ๆ วิ่งกันกระจัดกระจาย

ในวันแรกของการฝึก เด็กพวกนี้ยังมีความอดทนอยู่ ไม่ได้กำหนดว่าต้องอยู่ในท่วงท่าที่เป็นระเบียบ

แค่วิ่งไปเรื่อย ๆ

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าตัวเองวิ่งช้ามาก เธอพยายามดูแลคนอ่อนแอในกองเพราะยังมีคนที่วิ่งตามไม่ทันอยู่

และในกลุ่มเราคนที่ตามไม่ทันคืออิ่นหรูอวิ๋น

เจ้าตัวคิดเสมอว่าเธอทั้งอ่อนแอและร่างกายบอบบาง ควรได้รับการดูแลอย่างดี แต่ตอนนี้กลับถูกให้มาวิ่งรวมกับคนในกลุ่ม โดยเฉพาะที่ต้องรั้งท้าย ผู้คนที่วิ่งด้านหน้าทำให้ฝุ่นตลบและพัดมาทางใบหน้าของเธอ

อิ่นหรูอวิ๋นขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง

เธอเหงื่อออกขนาดนี้แล้วนะ ทำไมยังไม่หยุดอีก?

แล้วทำไมเสี่ยวเถียนไม่วิ่งให้มันช้าลงหน่อย? อากาศแบบนี้เดินช้า ๆ ไม่ได้หรือไง?

ทำไมวิ่งเร็วขนาดนั้น?

หยาบช้าจริง ๆ!

หลังจากบ่นเสี่ยวเถียน เธอก็เริ่มบ่นซูอู่ร่างที่ไม่แสดงท่าทีอะไรด้วย

[1] ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หากเป็นคนที่อยู่ในวงการหรือมีอาชีพที่เกี่ยวข้องมองดูก็จะสามารถเข้าใจ ได้ประโยชน์ หรือคิดหาวิธีได้ แต่หากเป็นคนที่อยู่นอกวงการหรือมีอาชีพที่ไม่มีความเกี่ยวข้องมองดูก็จะไม่สามารถเข้าใจ ทำได้แค่มามุงดูเท่านั้น