ตอนที่ 744 อาจารย์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 744 อาจารย์

เสิ่นชิงจู๋รีบผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากห้องพักด้านข้างทันที หญิงสาวเดินกุมแขนตรงไปหาไป๋ชิงเหยียนที่รีบร้อนกลับมายังจวน จากนั้นทำความเคารพด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “คุณหนูใหญ่!”

“ได้รับบาดเจ็บที่แขนหรือ” ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางหมอประจำจวน “ร้ายแรงหรือไม่”

หมอประจำจวนที่เดินตามหลังเสิ่นชิงจู๋ออกมารีบตอบ

“บาดแผลภายนอกเท่านั้น มิได้ร้ายแรงอันใดขอรับ”

“คุณหนูใหญ่ ข้ามีเรื่องสำคัญจะรายงานเจ้าค่ะ” เสิ่นชิงจู๋กล่าวเสียงจริงจัง

“เข้าไปในห้องก่อน…”

เมื่อไป๋ชิงเหยียนประคองเสิ่นชิงจู๋เข้าไปในห้อง นางก็ได้ยินเสิ่นชิงจู๋กล่าวขึ้นทันที “ข้าพบท่านอาจารย์แล้วเจ้าค่ะ! ทว่า ดูเหมือนท่านอาจารย์จะจำข้าไม่ได้ หากตอนนั้นข้าจำเขาไม่ได้ ข้าคงตายไปแล้วเจ้าค่ะ! ท่านอาจารย์…”

น้ำเสียงของเสิ่นชิงจู๋สั่นไหวเล็กน้อย

หลายปีมานี้ทุกคนต่างคิดว่าท่านอาจารย์เสียชีวิตไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าท่านอาจารย์จะยังมีชีวิตอยู่…อีกทั้งอยู่ในเมืองหลวง

หลายปีมานี้เสิ่นชิงจู๋โทษว่าเป็นความผิดของเจียงรั่วไห่ที่ทำให้ท่านอาจารย์ต้องตาย นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะยังมีชีวิตอยู่

หากตอนที่ต่อสู้กันอย่างรุนแรงเมื่อครู่นางไม่ได้เผลอเรียกอาจารย์ออกมาด้วยความตกใจหลังเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนจนอาจารย์หยุดชะงักการต่อสู้…นางคงตายไปนานแล้ว

ทว่า สายตาที่อาจารย์มองมาที่เสิ่นชิงจู๋มีแต่ความว่างเปล่า ดูเหมือนเขาจะจำเสิ่นชิงจู๋ได้ลางๆ จากนั้นเขาทิ้งดาบลงแล้ววิ่งกุมศีรษะหนีไปอย่างเจ็บปวดทันที เสิ่นชิงจู๋ไล่ตามอาจารย์ไปไม่ทัน ทำได้เพียงเก็บดาบสั้นของอาจารย์กลับมา

“เจ้าแน่ใจว่าไม่ได้จำผิดคนใช่หรือไม่ แน่ใจว่าคือท่านลุงเสิ่นไป่จ้งจริงๆ ใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนประคองให้เสิ่นชิงจู๋นั่งลง จากนั้นปลดเสื้อคลุมตัวนอกออก

เสิ่นชิงจู๋หยิบดาบสั้นของอาจารย์ที่อยู่ทางด้านหลังออกมา “คุณหนูใหญ่ดูนี่สิเจ้าคะ นี่คือดาบสั้นของท่านอาจารย์เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนถือดาบสั้นไปส่องแดดที่ริมหน้าต่าง ดาบสั้นเล่มนั้นมีสีทั่วทั้งตัวดาบ หากพิจารณาจากลายของมีดดาบมันคือดาบของเสิ่นไป่จ้งจริงๆ

เสิ่นชิงจู๋เดินไปหยุดอยู่ทางด้านหลังไป๋ชิงเหยียน “ฐานะของท่านอาจารย์ถูกปิดเป็นความลับ นอกจากซื่อจื่อและคุณหนูใหญ่แล้ว ไม่มีผู้ใดในตระกูลไป๋ทราบเรื่องนี้ ทว่า ท่านอาจารย์อยู่เมืองหลวงมานาน อาจมีผู้อื่นล่วงรู้ฐานะของเขาก็ได้ ข้าสงสัยว่าผู้ใดกันที่สามารถสั่งหรือบังคับให้ท่านอาจารย์มาสังหารข้าได้ นอกจากตระกูลหลี่แล้ว ข้าคิดถึงผู้อื่นไม่ออกจริงๆ เจ้าค่ะ”

หากตัดเรื่องอาจารย์ของนางออกไป เสิ่นชิงจู๋เพิ่งพบว่าหลี่หมิงรุ่ยกำลังสร้างความเดือดร้อนให้คุณหนูใหญ่ในคุก ต่อมาก็มีคนตามมาสังหารนางทันที มันชัดเจนอยู่แล้วว่าผู้ใดเป็นคงบงการเรื่องนี้

เสิ่นชิงจู๋สงสัยว่าหลี่หมิงรุ่ยเป็นคนสั่งให้ท่านอาจารย์ของนางมาสังหารนาง ด้วยความสามารถของท่านอาจารย์ เขาสามารถซ่อนตัวอยู่ในคุกโดยไม่โดนจับได้ได้อย่างง่ายดาย ท่านอาจารย์ไม่มีทางมาถึงตัวนางเร็วถึงเพียงนี้ หากไม่ได้ได้รับคำสั่งโดยตรงจากหลี่หมิงรุ่ย

“คุณหนูใหญ่ ท่านอาจารย์อาจถูกหลี่หมิงรุ่ยควบคุมอยู่เจ้าค่ะ ตอนนั้นท่านอาจารย์ต้องอยู่ในคุกศาลต้าหลี่ด้วยแน่นอน มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางมาถึงตัวข้าได้เร็วถึงเพียงนี้แน่เจ้าค่ะ” เสิ่นชิงจู๋กำหมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร “ไม่รู้ว่าตระกูลหลี่ทำสิ่งใดกับท่านอาจารย์ของข้าบ้าง”

“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง หากเขาคือท่านลุงเสิ่นไป่จ้งจริงๆ ข้าจะพาเขากลับมาให้ได้” ไป๋ชิงเหยียนตบไหล่เสิ่นชิงจู๋อย่างปลอบโยน “เตรียมรถม้า ข้าจะไปจวนหลี่”

ไป๋จิ่นซิ่วเพิ่งอุ้มวั่งเกอเข้ามาในเรือนชิงฮุยก็ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าจะไปจวนหลี่ นางหันไปสั่งให้ชุ่ยปี้อุ้มวั่งเกอไปที่เรือนของมารดาหลิวซื่อ

“คุณหนูรอง…” เจินหมิงก้าวเข้าไปทำความเคารพไป๋จิ่นซิ่ว

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้าจากนั้นเดินขึ้นบันไดไปยังระเบียงทางเดิน เจินหมิงรีบแหวกม่านให้ไป๋จิ่นซิ่ว

“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นซิ่วปลดเสื้อคลุมกันลมออก จากนั้นเอ่ยถาม “พี่หญิงใหญ่จะไปจวนหลี่หรือเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนใส่เสื้อคลุมตัวหนาอีกครั้ง จากนั้นพยักหน้า “ท่านอาจารย์เสิ่นไป่จ้งของเสิ่นชิงจู๋อาจตกอยู่ในกำมือของหลี่เม่า พี่จะไปรับคนกลับมา”

“เสิ่นไป่จ้ง ท่านอาจารย์ของชิงจู๋และหรู่ซยงเซียวรั่วไห่ของพี่หญิงใหญ่หรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางเสิ่นชิงจู๋

เสิ่นชิงจู๋พยักหน้า

“ข้าจะไปกับพี่หญิงใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “บางเรื่องเจ้าแสร้งทำเป็นไม่รับรู้จะดีกว่า ให้ชิงจู๋ไปกับพี่ก็พอแล้ว”

เสิ่นชิงจู๋พยักหน้า จากนั้นกล่าวกับไป๋จิ่นซิ่ว “คุณหนูรองไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดีเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนผูกเสื้อคลุมขนจิ้งจอกเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวหันไปกล่าวกับไป๋จิ่นซิ่ว “เจ้าพาเสี่ยวชีและองครักษ์จำนวนหนึ่งของจวนไป๋ไปเยี่ยมพระชายาเอกของรัชทายาทที่จวนรัชทายาทที อย่าลืมนำของกำนัลไปให้มากด้วย”

จวนหลี่

หลี่เม่าเพิ่งกลับมาจากวังหลวง เมื่อได้รับคำรับประกันจากฮ่องเต้เขาจึงคลายกังวลลงไม่น้อย ฮ่องเต้จะไม่เอาชีวิตของหลี่หมิงรุ่ยและไม่สนว่าหลี่หมิงรุ่ยใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วจริงหรือไม่ ครั้งนี้ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้รัชทายาทจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบเชียบเพราะต้องการปกป้องเหลียงอ๋อง

นั่นก็หมายความว่าอีกไม่นานหลี่หมิงรุ่ยก็คงถูกปล่อยตัวออกมา

ตอนที่หลี่เม่าเดินออกมาจากวังหลวง ขาเขาอ่อนจนแทบทรุด ในที่สุดเขาก็หายห่วงได้เสียที

ครั้งนี้ทำให้หลี่เม่าเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอำนาจของราชวงศ์มีอำนาจมากเพียงใด ความปรารถนาบางอย่างที่เขาเคยข่มมันไว้ในก้นลึกของหัวใจเริ่มเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง

ความจริงตอนที่เขายุแยงให้องค์ชายรองก่อกบฏ แม้เรื่องสำเร็จเขาก็เป็นได้เพียงขุนนางอยู่ดี เขาจะได้เป็นขุนนางที่กุมอำนาจใหญ่ด้วยหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฮ่องเต้เพียงคนเดียว

ความจริงเขาเองก็อยากขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์นั้น อยากลิ้มรสการอยู่เหนือทุกคนในแผ่นดินเช่นเดียวกัน แม้เพียงวันเดียวก็ยังดี

ทว่า น่าเสียดาย!

บางครั้งเขาก็เคยคิดอิจฉาไป๋เวยถิงที่มีกองทัพที่เก่งกาจดุดันอย่างกองทัพไป๋อยู่ในมือ ทว่า เขาก็รู้สึกว่าไป๋เวยถิงโง่จนข่าขบขัน มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือแท้ๆ กลับไม่คิดกบฏ ยอมตกอยู่ใต้คำสั่งของจักรพรรดิที่โง่เขลา ช่างน่าเสียดายกองทัพที่อยู่ในมือของเขาจริงๆ

ทันทีที่รถม้าของหลี่เม่าจอดลงที่หน้าประตูจวนหลี่ ผู้ดูแลจวนจึงรีบมารายงานว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาหาเขาถึงที่ หลี่เม่าขนลุกซู่ ไป๋ชิงเหยียนมาหาเขาถึงจวนย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ หลี่เม่าไม่กล้ารอช้ารีบเดินเข้าไปในจวน มุ่งหน้าไปยังโถงรับรองทันที

ความลับอยู่ในมือของผู้อื่น หลี่เม่าจะไม่กลัวไป๋ชิงเหยียนได้อย่างไรกัน

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนนั่งดื่มชาอยู่ในโถงรับรองโดยมีสตรีในชุดคล่องแคล่วยืนกอดดาบอยู่ทางด้านหลัง หลี่เม่ารีบปลดเสื้อคลุมยื่นให้ผู้ดูแล จากนั้นกล่าวทักไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ

“ไม่ทราบว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วเสด็จมาถึงที่นี่มีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาในมือลง จากนั้นมองไปทางหลี่เม่าด้วยแววตาเรียบนิ่ง “วันนี้ข้าส่งคนของข้าไปเยี่ยมคุณชายใหญ่ของจวนหลี่ในคุกของศาลต้าหลี่ นึกไม่ถึงว่าเมื่อออกจากคุกไปได้ไม่นาน คนของข้าจะถูกทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้…”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางเหลือบมองไปทางเสิ่นชิงจู๋

เสิ่นชิงจู๋เงยหน้ามองไปทางหลี่เม่าด้วยท่าทีเย็นชา ไม่ได้หวาดกลัวหลี่เม่าสักนิด

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วเสด็จมาที่จวนเพราะสงสัยว่าเป็นฝีมือของจวนหลี่หรือพ่ะย่ะค่ะ” สีหน้าของหลี่เม่าเคร่งขรึมลงทันที

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเดาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าได้รับบาดเจ็บหนักอยู่ ไม่มีเวลามากล่าวอ้อมค้อมกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย หากก่อนตะวันตกดินวันนี้ข้าไม่เห็นหน้าเหล่าเวิงผู้นั้น อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายถือชีวิตของคนทั้งตระกูลไปอธิบายกับองค์รัชทายาทเองก็แล้วกันว่าสิ่งใดหมายความว่า ฝ่าบาทไม่ทรงเห็นความสามารถขององค์ชายรอง ไม่รู้ว่าผู้ใดคือมังกรที่มีคุณธรรมตัวจริงจนทำลายอนาคตของแคว้นต้าจิ้น กระหม่อมยินดีวางแผนช่วยองค์ชายรองให้ได้ครอบครองแคว้นต้าจิ้น ยินดีทำเพื่อตระกูลฝั่งมารดาของกุ้ยเฟย เชิญฝ่าบาทลงมาจากตำแหน่ง”

หลี่เม่ากำที่วางแขนของเก้าอี้แน่น เขาพยายามอดทนไม่แสดงความกลัวออกมาทางสีหน้าของตัวเอง นี่คือเนื้อหาในจดหมายที่เขาเขียนถึงองค์ชายรองในตอนนั้น ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่ตัวอักษรเดียว!