War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2106
ตอนที่ 2,106 : ต้วนหลิงเทียนมียอดศาสตราเซียน?
รายนามยอดเซียนนั้น เป็นทำเนียบอันดับยอดฝีมือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า และข้อมูลของยอดฝีมือจะถูกปรับให้ทันสมัยทุกๆเดือน
รายนามยอดเซียนที่ว่าถูกเผยแพร่ออกมาในรูปแบบตำราเล่มหนึ่ง เรียกว่ามันมีวางจำหน่ายดั่งนิตยสารประจำเดือนที่โลกเก่าของต้วนหลิงเทียนก็ว่าได้ เพียงแต่นี่เป็นนิตยสารฉบับคนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเท่านั้น
เมื่อนามลี่เฟิงแพร่กระจายออกมาจากนครแห่งบาปในภาคกลาง ผู้คนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในภูมิภาคเบื้องบนทั้งภาคกลางก็ได้รับทราบการคงอยู่ของตัวตนดังกล่าวก่อนใคร
เป็นยอดฝีมือพเนจรไร้สังกัดอีกคน ที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมพลังฝีมืออันร้ายกาจ!
ยิ่งไปกว่านั้นการเปิดตัวของมัน ก็ทะยานถึงอันดับที่ 266 ของรายนามยอดเซียนทันที!!
ด้วยเหตุนี้นามของลี่เฟิงจึงได้ครองบันทัดแรกในรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุด ทำให้ทุกผู้คนรู้จักได้โดยง่าย เรียกว่าใครก็ตามที่พึ่งติดอันดับในรายนามยอดเซียนเป็นครั้งแรก รายชื่อของมันจะถูกประกาศไว้ในหน้าแรกเช่นนี้เสมอ!
ทำให้นามลี่เฟิง จากที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก กลับกลายเป็นโด่งดังในชั่วข้ามคืน!
เหตุการณ์นี้กระทั่งเจ้าตัวอย่างต้วนหลิงเทียนก็คิดไม่ถึง
หลังจากวันที่ฆ่าเหยาปู่จีได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กลับไปยังนครแห่งบาป และหาโรงเตี๊ยมแห่งใหม่เพื่อปิดด่านบ่มเพาะทันที
ตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของขาได้กลายเป็นสีครามแล้ว
มีคำกล่าวที่ว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เขาจึงคิดทะลวงให้ถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นในบัดดล!
“หากไม่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภาข้าจะไม่ออกจากการปิดด่าน!”
หลังขึ้นมาถึงชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก่อนที่จะสงบจิตบ่มเพาะพลัง ต้วนหลิงเทียนก็กำหนดเป้าหมายอย่างแน่แน่ว!
ส่วนเรื่องราวในโลกภายนอกนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโด่งดังถึงเพียงไหน เมื่อผู้คนรับรู้แล้วมันก็จะค่อยๆซาลง สิ้นความสนใจในที่สุด
นามลี่เฟิงจึงมีผู้ในนครแห่งบาปกล่าวขานถึงกันแค่พักหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงอีก
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะนครแห่งบาปได้รับรู้เรื่องราวของลี่เฟิงก่อนใครอื่น จึงทำให้เรื่องราวมันซาลงอย่างรวดเร็ว
หากทว่าในเมืองอื่นๆที่อยู่ห่างจากนครแห่งบาปไกลๆ ผู้คนยังพึ่งได้รับทราบ ทำให้ยังคงกล่าวขานถึงกันอยู่บ้าง
และเป็นเวลาเกือบเดือนนามลี่เฟิงถึงค่อยกระจายไปทั่วภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
ณ ส่วนตะวันตกของเมืองคงหมิง คฤหาสน์ตระกูลชิว
“คุณหนูมู่ชิงข่าวดี! มีข่าวดีขอรับ!!”
ตอนเช้าตรู่ พลันมีเสียงตื่นเต้นยินดีหนึ่งดังมาแต่ไกล ทำลายความสงบในเรือนส่วนตัวของชิวมู่ชิงหมดสิ้น
แน่นอนว่าผู้มาเพียงกล้าแค่ร้องปาวๆหน้าเขตเรือนส่วนตัวของชิวมู่ชิงเท่านั้น ไม่กล้าล่วงล้ำเข้ามาหากไม่ได้รับอนุญาต
มันเป็นชายชราคนหนึ่ง ในมือถือตำราใหม่เอี่ยมไว้แน่น หน้าปกมีลายพู่กัน ‘รายนามยอดเซียน ทำเนียบสุดยอดฝีมือแห่งแดนดิน’ เขียนไว้อย่างสละสลวยสวยงาม เป็นรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุด!
“อาวุโสเหลียง คุณหนูให้ข้ามาเชิญท่าน”
ครู่ต่อมาก็มีสาวรับใช้หน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งมากล่าวคำกับชายชรา
ได้ยินดังนั้นชายชราก็เดินตามสาวรับใช้ไปต้อยๆ ไม่นานก็ได้แลเห็นชิวมู่ชิงที่นั่งอยู่ในศาลาชมบุปผากลางสวนดอกไม้หลังเรือน
ชิวมู่ชิงยังคงเดิม รูปโฉมยังงดงามไม่เปลี่ยน เพียงนั่งอยู่เฉยๆก็ให้ความรู้สึกเหมือนเทพธิดาอยู่บ้าง
“อาวุโสเหลียงท่านบอกว่ามีข่าวดีมาแต่เช้า…ไม่ทราบว่าเป็นข่าวดีเรื่องใดหรือ?”
ขิวมู่ชิงยิ้มถามชายชราที่เดินขึ้นมาในศาลา
ชายชราที่ถูกเรียกหาว่าอาวุโสเหลียงนี้มันคือตงฟางเหลียงอาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลตงฟาง และเป็นหนึ่งในตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ที่มีอยูเพียงไม่กี่คนในเมืองคงหมิง
หากใครมาเห็นทีท่าเคารพสุภาพของมันต่อหน้าสตรีคุณหนูชิวมู่ชิงแห่งตระกูลชิวเช่นนี้ เกรงว่าคงได้ตกใจจนหัวใจวายกันไปข้าง เพราะเรื่องนี้มันช่างเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อนัก!
ในเมืองคงหมิงแห่งนี้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์เพียงนับได้แค่หยิบมือ ฐานะของพวกมันล้วนแล้วแต่สูงส่งทั้งสิ้น
อีกทั้งอาวุโส 2 ของตระกูลตงฟางอย่าง ตงฟางเหลียงผู้นี้ก็มิใช่ชนชั้นเซียนสวรรค์ธรรมดาๆ กระทั่งประมุขตระกูลชิวยามพบพานยังต้องให้หน้ามันอยู่หลายส่วน
ทว่าตอนนี้ต่อหน้าชิวมู่ชิงลูกสาวประมุขสกุลชิว มันกลับปฏิบัติตัวดั่งข้ารับใช้!
และในความเป็นจริง มันก็คือข้ารับใช้ของชิวมู่ชิงนั่นล่ะ!
ตอนแรกในใจตงฟางเหลียงย่อมรู้สึกต่อต้านไม่น้อย
หากแต่เมื่อพบว่าชิวมู่ชิงไม่ได้เห็นมันเป็นดั่งข้ารับใช้อย่างที่มันจำใจกล่าวคำสาบาน และปฏิบัติต่อมันด้วยดีแถมให้คววามเคารพเหมือนกาลก่อน มันก็ไม่ได้ไม่พอใจและรู้สึกต่อต้านอันใดอีก เริ่มปรับตัวให้เข้ากับบทบาทสุดท้ายก็ยอมลงให้ชิวมู่ชิง
เรียกว่าใช้ ‘ใจและคุณธรรมชิงชัย’ ก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง
“คุณหนูมู่ชิงท่านดูนี่เร็ว”
ตงฟางเหลียงยื่นมือออกไปทันที ส่งรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดให้ชิวมู่ชิง กล่าวออกด้วยความตื่นเต้น “ท่านพลิกดูเถิด บรรทัดที่ 2 หน้าแรกหลังปก!!”
ชิวมู่ชิงรับรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดมาจากมือตงฟางเหลียงก่อนที่จะพลิกเปิดตามคำบอก
หลังมองอ่านไปไม่ทันไร สองตาคู่งามปานสารทฤดูก็กลมโตใสกระจ่าง
นั่นเพราะนางได้แลเห็นนาม ลี่เฟิง!
“ลี่เฟิง ผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัด ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมทางตอนเหนือของนครแห่งบาปในภาคกลาง ได้สังหารเหยาปู่จี อันดับที่ 266 ในรายนามยอดเซียนระหว่างการประมือ ช่วงชิงอันดับที่ 266 มาได้อย่างสมศักดิ์ศรี!”
ถัดจากบทความประโยคแรกแล้ว บทความประโยคต่อมาก็รายงานความสำเร็จในอดีตของเหยาปู่จีไว้คร่าวๆ เพื่อให้ผู้คนรับทราบถึงพลังฝีมือของเหยาปู่จี และทราบถึงความไม่ธรรมดาของลี่เฟิงผู้ที่สังหารมันได้
ยิ่งไปกว่านั้นบทความเป็นประโยคสุดท้ายยังกล่าวสรุปเอาไว้อีกด้วยว่า…
พลังฝีมือที่แท้จริงของลี่เฟิง อาจจะติดอยู่ใน 200 อันดับแรกของรายนามยอดเซียน!
นครแห่งบาป ภาคกลาง!
ลี่เฟิง!
นอกจากนั้นยังเป็นชายหนุ่มยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์อันร้ายกาจ!
ทันทีที่ได้รับทราบข้อมูลชิวมู่ชิงก็ยืนยันได้ทันที
ลี่เฟิงผู้นี้ คือบุรุษที่นางเฝ้าฝันถึงอยู่ทุกคืนวัน
แน่นอนว่านางรู้ดีว่านามลี่เฟิงนี้เป็นเพียงนามแฝงเท่านั้น ส่วนชื่อแซ่ที่แท้จริงของชายคนนี้ก็คือ ต้วนหลิงเทียน 1 ใน 8 อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของลัทธิบูชาไฟ ที่ทุกคนรู้จักกันดี!
‘มิอยากเชื่อเลย…ว่ากระทั่งเขาจากไปเป็นเดือนแล้ว แต่ข้ายังคงรู้สึกเหมือนพึ่งพบเขาเมื่อวาน’
ชิวมู่ชิงระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ในแววตาฉายความซับซ้อนไม่น้อย
หากเป็นในอดีตต่อให้ฆ่านางให้ตาย นางก็ไม่มีวันเชื่อว่านางจะชมชอบบุรุษที่พึ่งรู้จักกันไม่ถึงวันเข้าไปได้…
กระทั่งคิดว่าความหลงใหลชั่ววูบนี้จะค่อยๆหมดไปหลังเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดก็ค่อยๆลืมเลือนกันไป…
ทว่าแม้จะผ่านไปเดือนกว่าภาพบุรุษคนนั้นยังชัดเจนในใจ นางไม่อาจลืมได้เลย
ตลอดหลายปีที่ผ่านในใจของนางไม่เคยมีที่ว่างให้ชายใด อนิจจายามนี้กลับมีชายคนหนึ่งบุกรุกเข้ามายึดครองพื้นที่ในใจ ยังเป็นเหมือนกระดูกติดลำคอ จะกลืนก็ไม่ได้จะคายก็ไม่ออก ชวนให้ทุกข์ทรมาณนัก!
“บางที…คงถึงเวลาที่ข้าจะต้องออกจากเมืองคงหมิงแล้ว”
ชิวมู่ชิงกล่าวพึมพำ สองตาทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง
“แม่นางมู่ชิง…ท่านคิดว่าบุรุษผู้นี้ใช่ใต้เท้าลี่เฟิงหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าชิวมู่ชิงเหม่อลอยไปพักหนึ่งพอคืนสติแล้ว ตงฟางเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา
ถึงแม้มันจะเดาได้ว่าลี่เฟิงผู้นี้สมควรเป็นใต้เท้าลี่เฟิงที่เคยสำแดงพลังอันร้ายกาจในโถงหลักตระกูลชิว แต่มันก็ยังไม่แน่ใจ
“เป็นเขานั่นล่ะ”
ชิวมู่ชิงพยักหน้ารับค่อยกล่าวเสริม “ก่อนที่เขาจะจากไป…ได้กล่าวบอกข้าเอาไว้แต่แรกแล้วว่าจะไปนครแห่งบาป”
ชิวมู่ชิงกล่าวยืนยันให้ตงฟางเหลียงฟังจบ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
เป็นเขาจริงๆ…
ขณะเดียวกันทางภาคตะวันตก 1 ใน 3 ลัทธิที่เป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างลัทธิบูชาไฟ ก็ได้รับรู้เรื่องราวจากรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดเช่นกัน ทำให้เป็นประเด็นในการสนทนาไม่น้อย
จะสูงหรือต่ำในลัทธิบูชาไฟ ได้รับทราบนามลี่เฟิงทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ต่อให้หลับพวกมันก็ไม่อาจฝันถึง
ว่าลี่เฟิงคนนี้ที่แท้ก็คือศิษย์ที่แท้จริงนามต้วนหลิงเทียนของลัทธิบูชาไฟพวกมันนี่เอง!
ณ แท่นบูชามังกรคราม 1 ใน 4 แท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟ
ช่วงนี้ปู้หง ศิษย์ส่วนตัวของจ้าวแท่นบูชามังกรครามก็ได้มาพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของจ้าวแท่นบูชามังกรคราม
และไม่กี่วันตอนที่ได้รับข่าวสารหนึ่งจากนครแห่งบาป ก็ทำให้มันมีโมโหนัก
ด้วยอารามที่อารมไม่ดีอยู่เป็นทุน ปู้หงยังหงุดหงิดจนแทบกระอักเลือด…ตัวมันไปเยือนนครแห่งบาปตั้งแต่เมื่อใดยังไปฆ่าใครก็ไม่ทราบ!? นองชายคนเล็กของรองผู้นำกองกำลังอีกาทมิฬบัดซบอันใดมันรู้จักที่ไหน?! ใยอีกฝ่ายถึงมาประกาศว่ามันเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้!?
ด้วยความที่มันมีลัทธิบูชาไฟโดยเฉพาะมีอาจารย์อย่างหลูเถี่ย ไหนเลยมันจะหวาดกลัวคำขู่ของกองกำลังอีกาทมิฬ?
หากแต่อยู่ดีๆถูกใส่ความเช่นนี้ย่อมทำให้มันมีโมโหนัก!
“ลี่เฟิง ยอดฝีมือพเนจรไร้สังกัดดั่งพยัคฆ์ซุ่ม เพียงเปิดตัวครั้งแรกก็สามารถฆ่าเหยาปู่จี อันดับที่ 266 ในรายนามยอดเซียน ชิงอันดับมาครองได้อย่างสมศักดิ์ศรี”
ตอนนี้ในมือปู้หงก็กำลังถือรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดเอาไว้เช่นกัน
และในรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดนี้ ตัวมันก็หล่นจากอันดับที่ 421 ไปอยู่ในอันดับที่ 537 ของรายนามยอดเซียน เรื่องนี้ก็ทำให้มันหดหู่ใจมากขึ้นไปอีก
“หากข้าเป็นอย่างลี่เฟิง ที่เพียงเปิดตัวก็เข้าไปอยู่ใน 300 รายชื่อแรกของรายนามยอดเซียน มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ไม่ทราบจักทำให้ท่านอาจารย์ภาคภูมิใจถึงขนาดไหนกัน…”
ครู่ต่อมาปู้หงก็กำหมัดแน่น รายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดก็พลอยยับย่นไปด้วย
“ด้วยพรสวรรค์ของข้าในกาลก่อนหากให้เวลาข้ามากพอ ต่อให้จะเป็น 100 อันดับแรก 50 อันดับแรกหรือแม้แต่กระทั่ง 30 อันดับแรกก็มิใช่เรื่องที่ข้าจะทำไม่ได้!”!!”
“นั่นเพราะพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าคือสีคราม! ด้วยรากวิญญาณสีครามกระทั่งให้กวาดตามองไปทั่วแดนดินเทพยุทธ์เซียนเต๋า ตัวข้าก็นับเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าของแดนดิน!!”
“ทว่าตอนนี้…จบสิ้นแล้ว…ทั้งหมดล้วนจบสิ้นกันแล้ว! ข้าไม่มีโอกาสอันใดหลงเหลือ!!”
ยิ่งพึมพำกับตัวนานเข้าสองตาปู้หงก็ยิ่งแดงฉาน ทั่วร่างสั่นสะท้านไปด้วยความคับแค้นไม่ยินยอม ยังเจ็บปวดรวดร้าวไปด้วยความสิ้นหวังกับอนาคตเบื้องหน้าที่เป็นดั่งเหวลึกไร้ทางไป ใจรู้สึกเสมือนร่วงตกจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงสู่ขุมนรกอเวจีในชั่วข้ามคืน
“ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะสารเลวชั่วชาติต้วนหลิงเทียนนั่น!”
“หากมิใช่มัน ข้าตอนนี้ไหนเลยจะจมอยู่ในหุบเหวไร้หนทาง! ข้ายังจะเสียรากวิญญาณสีครามไปได้อย่างไร!!”
ยิ่งพึมพำกับตัวเองมากเท่าไหร่ ปู้หงก็ยิ่งเจียนบ้ามากขึ้นเท่านั้น หากแต่สุดท้ายจากคุ้มคลั่งก็กลายเป็นเงียบงันสงบลงอย่างประหลาด
เพราะในหัวของมันพลันมีฉากเรื่องราวที่ประมือกับต้วนหลิงเทียนวันนั้นฉายวนซ้ำขึ้นอีกครั้ง…และฉากเรื่องราวก็ชัดเจนเหมือนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
วินาทีนี้ปู้หงส์กลับอยู่ในความสงบ จิตนิ่งอย่างถึงที่สุดในรอบหลายวัน
แม้ความสงบนี้จะคงอยู่เพียงชั่วคราว หากแต่ก็ได้ย้ำเตือนถึงเรื่องราวที่สำคัญอย่างยิ่งยวดกับมัน
และนั่นก็คือ…
“วันนั้นตอนต้วนหลิงเทียนประมือกับข้า ก่อนที่มันจะเอาชนะข้าได้…พลังฝึกปรือของมันที่เผยให้เห็นหลังใช้เวทย์พลังสนับสนุนนั่น…แม้ด่านพลังของมันจะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ ทว่ากลิ่นอายพลังของมันยังคงอ่อนด้อยกว่าข้าแน่ๆ! แล้วไฉน กระบี่ของมันถึงได้รวดเร็วฉับไวจนน่าขันถึงขั้นที่ข้าไม่อาจตอบโต้อันใดได้?”
“ด้วยกลิ่นอายพลังฝึกปรือและความเร็วของมันที่เผยออกมาก่อนหน้า ไม่มีทางที่มันจักบรรลุกระบี่ไวดังกล่าวด้วยพลังฝีมือส่วนตัวของมัน! ต่อให้กระบี่ของมันจะเป็นกระบี่พันอาคมเซียนแต่ก็ไม่มีทางว่องไวได้ถึงขนาดนั้น!!”
“ดูเหมือนว่ากระบี่เล่มนั้นของมันจักเป็นกระบี่หมื่นอาคมเซียน! เป็นยอดศาสตราเซียนที่ติด 1 ใน 10 ของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่!!”