ท่ามกลางสายตาหวั่นวิตกของฮองเฮา จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้แต่กระแอมไอแผ่วเบา เขายืดหลังขึ้นพลางเอ่ย “ของนั่นมันแน่อยู่แล้ว ข้าอยู่ที่นี่ด้วยทั้งคน จะมีผีสางมาปรากฏอยู่ในที่แห่งนี้ได้อย่างไร อีกอย่างสิบสี่ก็เป็นลูกของข้า”
ครั้นเสียนเฟยและหนิงเฟยได้ยินจิ่งหมิงฮ่องเต้กล่าวเช่นนั้นก็รู้สึกเบาใจ
ฝ่าบาทคือมังกรผู้เป็นโอรสสวรรค์โดยแท้จริง นางไม่จำเป็นต้องกลัว
แม้สมองจะคิดเช่นนั้น แต่สายตาของพระสนมทั้งสองกลับชำเลืองมองไปที่องค์หญิงสิบสี่อย่างอดไม่ได้
ดวงตาขององค์หญิงสิบสี่ยังคงจ้องตรงราวกับยังมีเรื่องติดค้างในใจ
หนิงเฟยที่หวาดกลัวในตอนแรกรู้สึกเวทนาเด็กสาวเป็นที่สุด เด็กน้อยตายไปอย่างไม่เป็นธรรมถึงได้ตายตาไม่หลับสินะ
“พี่เสียนเฟย พี่ว่าองค์หญิงสิบสี่ตายตาไม่หลับเพราะรอให้หาตัวคนบงการเสี่ยวเติ้งจื่อให้พบก่อนใช่หรือไม่” หนิงเฟยเอ่ยถามเสียงเย็น
ในเมื่อนางและเสียนเฟยตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่นางรู้ดีว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจ ฉะนั้นแล้วคนที่ทำร้ายองค์หญิงสิบสี่ก็คือเสียนเฟย
เสียนเฟยนี่เก่งเหลือเกิน ทั้งที่นางเป็นต้นเหตุให้องค์หญิงสิบสี่ต้องตาย และขนาดยืนอยู่ข้างๆ ร่างของเด็กสาว นางยังแสร้งบีบน้ำตาได้ลงคอ มิน่าล่ะ โอรสในไส้ถึงได้ชิงชังนางนัก
เสียนเฟยดึงมุมปากพลางกล่าวอย่างเศร้าสร้อย “องค์หญิงสิบสี่จากไปทั้งที่อายุยังน้อย ไม่แปลกที่นางตายตาไม่หลับ ฝ่าบาทผู้ทรงปรีชา ขอพระองค์ทรงหาตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วด้วยเถิดเพคะ…”
คิดว่านางตามไม่ทันงั้นรึ น่าขันสิ้นดี!
จู่ๆ องค์หญิงสิบสี่ก็เบิกตาโพลงกะทันหัน ใครบ้างจะไม่ตกใจ ขนาดนางในตอนนี้ยังใจเต้นรัวอยู่เลย แต่ต่อให้นางกลัวเพียงใด นางก็จะไม่ทำตัวส่อพิรุธเด็ดขาด
เรื่องคนตายตาไม่หลับมีอยู่ให้เห็นดาษดื่น พอคิดเช่นนี้ก็พอเข้าใจได้
เสียนเฟยพยายามปลอบใจตัวเองสุดฤทธิ์ เมื่อคิดว่ามีราชามังกรอยู่ในที่นั้นด้วย นางก็กลัวน้อยลง
ฮองเฮาฟังพระสนมทั้งสองต่อปากต่อคำแล้วแอบร้อนใจ
สรุปแล้วพระชายาเยี่ยนอ๋องมีแผนรับมือจริงๆ หรือเปล่า หากไม่มี การทำเช่นนี้คงไม่ช่วยให้เจอตัวคนบงการ
ในตอนนั้น พานไห่เดินเข้ามากระซิบแผ่วเบาข้างหูจิ่งหมิงฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ไทเฮาเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้ยินก็กังวลว่าไทเฮาจะตกใจกลัวไปด้วยอีกคน เขากระแอมกระไอพลางกล่าว “เอาเถิด ในเมื่อส่งสิบสี่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ออกไปกันได้แล้ว”
“แต่ว่าสิบสี่…” ฮองเฮาชำเลืองไปทางเจียงซื่อ แต่ในหัวยังคิดหาเหตุผลดีๆ ไม่ได้ เสียงถึงได้ขาดห้วง
จิ่งหมิงฮ่องเต้ดึงมุมปาก
เดิมทีจิ่งหมิงฮ่องเต้หลงคิดว่าฮองเฮาจะมีวิธี แต่นี่นางกลับไม่ทำอะไรเลย
จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่คิดว่าเรื่องที่องค์หญิงสิบสี่ลืมตาเมื่อครู่เกี่ยวข้องกับฮองเฮา
เจ้าสิบสี่คงมีเรื่องค้างคาเป็นแน่
จิ่งหมิงฮ่องเต้มองไปที่องค์หญิงสิบสี่ด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เขายื่นมือออกไป “สิบสี่ เจ้าวางใจสงบเสียเถิด ข้าจะเรียกร้องความยุติธรรมกลับคืนมาให้เจ้าเอง…”
สิ้นประโยคนั้น ดวงตาขององค์หญิงสิบสี่ก็ปิดลงทันใด
มือของจิ่งหมิงฮ่องเต้ที่ยื่นออกไปสั่นระริก
เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะช่วยปิดตาให้สิบสี่ แต่เขาช้าไปหรือนี่!
นอกจากฮองเฮาที่เตรียมใจไว้แล้ว พระสนมอีกสองคนก็หน้าซีดเผือด
เสียนเฟยหวาดผวาเสียจนหัวใจของนางแทบกระโดดหนีออกจากห้อง
การที่องค์หญิงสิบสี่ลืมตาขึ้นมากะทันหันยังพอบอกได้ว่าเป็นเหตุบังเอิญ แต่ทันทีที่จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสประโยคเมื่อครู่ จู่ๆ ดวงตาของนางก็ปิดลงอีกครั้ง มันดูน่ากลัวเกินไป
เป็นไปได้ไหมว่าดวงวิญญาณขององค์หญิงสิบสี่ยังคงอยู่ และตอนนี้กำลังตามมาคิดบัญชีกับนาง
ความหวาดกลัวทำให้เสียนเฟยหันกลับไปมองที่แท่นอีกครั้ง
ร่างไร้วิญญาณภายใต้ใบหน้าขาดเลือด ประกอบกับไอเย็นยะเยือกที่ไม่เข้ากับฤดูร้อนเป็นส่วนผสมที่ทำให้กายของเสียนเฟยสั่นสะท้าน
นางเผลอก้าวถอย
จิ่งหมิงฮ่องเต้กระแอมกระไออีกครั้ง “เอาเถอะ สิบสี่ได้ยินแล้ว พวกเราก็ไปกันเถิด”
เสียนเฟย “…” นี่ฝ่าบาทจงใจทำให้นางกลัวอย่างนั้นรึ
ใจร่มๆ เข้าไว้ต้องใจร่มๆ เข้าไว้
จิ่งหมิงฮ่องเต้เดินไปเพียงสองก้าวก็หันมาสั่งคนที่เหลือ “เรื่องสิบสี่เมื่อครู่ไม่จำเป็นต้องบอกให้ไทเฮารับทราบ พระนางจะได้ไม่กังวล”
ทั้งหมดเดินออกมาจากห้องเป็นจังหวะเดียวกันกับไทเฮาที่เดินเข้ามาในตำหนัก
“เหตุใดเสด็จแม่ถึงเสด็จมาที่นี่”
ไทเฮามองหน้าจิ่งหมิงฮ่องเต้แล้วส่งยิ้มจืดเจื่อน “เกิดเรื่องใหญ่โตปานนี้ ฝ่าบาททรงคิดว่าข้าจะพักได้ลงหรือ ว่าแต่มีความคืบหน้าบ้างหรือไม่”
จิ่งหมิงฮ่องเต้เงียบงัน “ลูกสั่งให้พานไห่ไปสืบอย่างละเอียดแล้วว่าช่วงที่ผ่านมาเสี่ยวเติ้งจื่อใกล้ชิดกับผู้ใดเป็นพิเศษ รวมไปถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวของเขาและคนอื่นๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยของล้ำค่าเพียงใดก็ต้องหาตัวคนบงการมาให้จงได้!”
เขากล่าวพลางกวาดสายตาไปทางพระสนมทั้งสอง
ไทเฮาพยักหน้า “จริงอยู่ที่มิควรปล่อยเรื่องนี้ไปเฉยๆ แต่แม้ฝ่าบาททรงมีภาระหน้าที่ที่ต้องจัดการอีกมาก ฉะนั้นแล้วมิควรปล่อยให้เรื่องนี้ทำร้ายพระวรกายของพระองค์”
“ลูกทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ เชิญเสด็จกลับไปที่ตำหนักฉือหนิงก่อนจะดีกว่า หากเสด็จแม่ทรงเป็นอะไรไปอีกคน ลูกคงทุกข์ใจเป็นแน่”
ไทเฮาได้ยินจิ่งหมิงฮ่องเต้กล่าวดังนั้นจำต้องพยักหน้ารับแต่โดยดี
ครั้นส่งไทเฮากลับไปแล้ว จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางกล่าวเสียงเย็นกับพระสนมทั้งสอง “พวกเจ้ากลับไปรอคำสั่งของข้าที่ตำหนักของตัวเองก็แล้วกัน”
หนิงเฟยโกรธขึ้ง
นี่ฝ่าบาทคงยังคิดว่านางเป็นคนร้าย รอเรื่องนี้กระจ่างเมื่อไหร่ คอยดูเถอะ นางจะแสดงอภินิหารให้ชมเป็นขวัญตา
เสียนเฟยย่อเข่าอย่างนอบน้อม “เพคะ”
แค่นางอ้าปากพูด ใบหน้าก็เริ่มซีด และลมหายใจเริ่มขาดห้วง
จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้แต่เฝ้าเตือนตัวเองมิให้ใจอ่อนก่อนจะหันไปกล่าวแก่ฮองเฮา “ข้าจะทานมื้อเที่ยงที่ตำหนักคุนหนิง เจ้าเจ็ด พวกเจ้าก็อยู่ทานที่นี่ด้วย จะได้ช่วยพานไห่หาเบาะแสเพิ่มเติม”
จิ่งหมิงฮ่องเต้จัดแจง ฮองเฮาเกือบหลงคิดว่า ฮ่องเต้รู้ว่าเจียงซื่อมีแผน ถึงได้จัดแจงตรงเป๊ะตามแผนเช่นนี้
มื้อกลางวันผ่านไปไวว่อง ฮองเฮาสั่งให้ข้ารับใช้ทั้งหมดออกไป และรีบถามความจากเจียงซื่อ “สะใภ้เจ็ด เจ้ามิได้บอกว่าเจ้ามีวิธีหาตัวคนบงการจากหนึ่งในพระสนมทั้งสองหรอกหรือ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้มองไปที่ฮองเฮาด้วยแววตาฉงนสนเท่ห์ ก่อนจะมองไปที่เจียงซื่อ “เรื่องอะไรกัน”
เจียงซื่อวางถ้วยชาก่อนจะเอ่ยตามตรง “การขอให้เสียนเฟยและหนิงเฟยไปพบหน้าองค์หญิงสิบสี่เป็นความคิดของลูกเองเพคะ”
“ทำเพียงเท่านี้เจ้าก็ดูออกแล้วหรือว่าใครคือคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง” จิ่งหมิงฮ่องเต้หวนนึกถึงปฏิกิริยาของพระสนมทั้งสองแต่กลับไม่พบความผิดปกติใด
หรือว่าเขาจะตาไม่ดีเท่าสะใภ้เจ็ด
เจียงซื่อหัวเราะ “แน่นอนว่าดูไม่ออกเพคะ เพียงแต่เป็นการสร้างความหวาดกลัวให้คนร้ายตัวจริงเท่านั้นเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ตาเป็นประกายพลางถามอย่างร้อนใจ “แล้วเจ้ามีแผนอย่างไรต่อ”
“แผนของลูกอาจฟังดูอุกอาจไปเสียหน่อยเพคะ”
“ว่ามา ข้าจะเว้นความผิดให้!”
“และหากใช้วิธีนี้ อาจทำให้เหนียงเหนียงทั้งสองพระองค์หวาดผวาเพคะ…”
ภาพของเสียนเฟยที่ใกล้จะสิ้นลมลอยเข้ามาในหัวของจิ่งหมิงฮ่องเต้ เขาลังเลชั่วอึดใจเดียวก่อนจะกลั้นใจกล่าว “ไม่เห็นเป็นไร!”
ต่อให้หนิงเฟยจะกำเริบเสิบสานกว่าเก่าก็ช่าง หรือต่อให้เสียนเฟยขวัญกระเจิงจนมีอันเป็นไป เขาคงทำได้เพียงชดใช้ให้พวกนางในภายหลัง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องหาตัวคนทำให้ได้ ต่อให้ต้องแลกมาด้วยราคาสูงก็ตาม
ครั้นเจียงซื่อได้รับอนุญาตจากจิ่งหมิงฮ่องเต้แล้ว นางก็ไม่รอช้า เปล่งวาจาชัดถ้อยชัดคำ “วันนี้มีคำหนึ่งที่หนิงเฟยเหนียงเหนียงตรัสไว้ได้น่าฟังคือ หากมิได้ทำผิด ก็ไม่ต้องกลัวว่าผีจะมาเคาะประตู แต่หากคืนนี้มีผีมาเคาะที่ประตูจริงๆ ล่ะเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลูบหน้าพลางส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่ฮองเฮา
นี่สมองเขาประมวลผลช้าไปหรือ ทั้งที่เขารู้ความหมายทุกคำที่สะใภ้เจ็ดพูด แต่เหตุใดถึงฟังไม่เข้าใจ
ฮองเฮารีบตอบ “สะใภ้เจ็ด เจ้าอธิบายมาชัดๆ ซิ”
“เรื่องนี้คงต้องรบกวนน้องสิบสี่หน่อยเพคะ…”
ครั้นเจียงซื่อกล่าวจบ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็นิ่งเงียบเนิ่นนานกว่าจะตัดสินใจ “เอาตามนั้นก็แล้วกัน หาตัวคนบงการได้ สิบสี่จะได้ตายตาหลับ ข้าว่านางคงเข้าใจ”
ไม่นานท้องฟ้าก็มืดสนิท เสียงเพรียกแห่งวันจางหาย อณูความเงียบแผ่ซ่านปกคลุมทั่ววังหลวง