บทที่ 647 สหายเต๋าตี้จั้งไม่ได้หลอกลวงข้า (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 647 สหายเต๋าตี้จั้งไม่ได้หลอกลวงข้า (3)

เจียงจิ่งซานรีบร้องตะโกน แต่นางก็ถูกท่าทางโบกมือยับยั้งของจี้อู๋โหย่วหยุดเอาไว้

“ไม่ต้องห่วง นางอยู่ที่นี่น่าจะปลอดภัยมากกว่าที่จะติดตามพวกเราไป”

เหล่าผู้เป็นเซียนรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุใด

บัดนี้ ทั่วทั้งร่างของโหย่วฉินเสวียนหย่าถูกพลังเซียนของนางห่อหุ้มเอาไว้ แล้วนางก็เข้าไปในรอยแยกของหินที่ขึ้นไปบนเส้นทางด้านบนและขี่กระบี่อมตะของนางขึ้นสู่ผิวน้ำ

และหลังจากนั้นไม่นาน นางก็มาปรากฏตัวขึ้นในหุบเขาที่ใต้ยอดเขาพิชิตสวรรค์

ขณะที่นางกำลังจะรีบพุ่งไปยังทิศทางของยอดเขาหยกน้อย นางก็เห็นร่างสองสามร่างบินอยู่เหนือศีรษะของนาง

โหย่วฉินเสวียนหย่าตกตะลึง เล็กน้อย เมื่อแผ่สัมผัสเซียนรับรู้กระจายออกไป

มีร่างมากกว่าสิบร่างยืนอยู่บนท้องฟ้าและพวกเขาก็โปรยถั่วเซียนบนยอดเขา จากนั้นถั่วเซียนเหล่านี้ก็แตกระเบิดออกและกลายเป็นทหารสวรรค์อย่างรวดเร็ว

บัดนั้น ยอดเขาหลายแห่งต่างก็เต็มไปด้วยทหารสวมชุดเกราะสว่างสดใส และในขณะนั้น ค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขาก็ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ และท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยลำแสงหลากสีสัน

“มาถึงยอดเขาแล้ว” เสียงของหลี่ฉางโซ่วดังขึ้นอยู่ในใจของนาง

ดวงตาของโหย่วฉินเสวียนหย่าเต็มไปด้วยความสับสน แต่นางก็พยักหน้ารับ

“เจ้าค่ะ ศิษย์พี่”

นางถือกระบี่ของนาง และรีบพุ่งไปที่ยอดเขาหยกน้อย หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เข้าสู่ค่ายกลใหญ่ของยอดเขาหยกน้อย แล้วถูกลำแสงเซียนพานางไปยังหอโอสถ

ทันทีที่นางก้าวเข้าไปในหอโอสถ โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง

มีร่างที่คุ้นเคยสองสามร่าง กระจายตัวอย่างไร้ระเบียบอยู่ภายในนั้น พวกเขาล้วนหลับใหลกันหมด

นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนนอนอยู่ที่มุมห้อง จิ่วจิ่วกำลังกรนขณะนอนหลับสนิทโดยกอดไหสุราเอาไว้ในอ้อมแขนอยู่บนเก้าอี้ จิ๋วอวี่ซือกำลังฟุบอยู่บนเบาะทำสมาธิ และสงหลิงลี่ก็กำลังกรนออกมาเสียงดังสนั่นปานฟ้าร้อง…

ในยามนั้น หลี่ฉางโซ่วกำลังนั่งอยู่หน้าเตาหลอมโอสถด้วยสีหน้าท่าทางครุ่นคิด และทันใดนั้น เขาก็กล่าวว่า “เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก โหย่วฉิน”

โหย่วฉินเสวียนหย่ายังไม่ทันหายจากอาการตกตะลึง นางก็ต้องตกใจเล็กน้อยอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ที่คุ้นเคยทางด้านหลังของนาง

ทว่าสัมผัสเซียนรับรู้ของนางกลับตรวจไม่พบอะไรเลยเมื่อหลิงเอ๋อร์เข้ามาหานางจากทางด้านหลัง!

“ฮิฮิ” จากนั้น หลิงเอ๋อร์ก็ถอนมือเล็กๆ ของนางออกมา และใส่ขวดกระเบื้องกลับเข้าไปในแขนเสื้อของนาง จากนั้น นางก็รีบก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าวและกอดโหย่วฉินเสวียนหย่าจากทางด้านหลัง

“ศิษย์พี่หญิงอย่าโกรธไปเลย ศิษย์พี่เป็นคนขอให้ข้าทำทั้งหมดนี้นะเจ้าคะ!”

หลี่ฉางโซ่วแค่นเสียงโดยไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด

โหย่วฉินเสวียนหย่ากระตุกมุมปากเล็กน้อย นางถอนหายใจเบาๆ และถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ท่านประสงค์ให้ข้าทำอันใดหรือเจ้าคะ?”

“ทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว”

หลี่ฉางโซ่วหลับตาและกล่าวตอบว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนสามารถเดินหมากเพื่อคลายความเบื่อหน่ายกันได้ หลังจากนี้ เมื่อได้ยินอะไร จงอย่าได้ตกใจ”

โหย่วฉินเสวียนหย่าหันศีรษะไปมองหลิงเอ๋อร์ ทั้งคู่ต่างเห็นความอับจนหนทางในดวงตาของกันและกัน

“พวกเราจะเล่นเดินหมากกันจริงๆ หรือ?” โหย่วฉินเสวียนหย่าถามเบาๆ

หลิงเอ๋อร์กะพริบตาและกล่าวว่า “เพียงทำตามที่ศิษย์พี่บอกก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็ตั้งกระดานเดินหมากกันจริงๆ พวกนางนั่งตรงข้ามกันและเริ่มเดินหมากขาวดำกันอย่างจริงจัง

ทั่วทั้งสำนักตู้เซียนล้วนเงียบงัน ยอดเขามากกว่าสิบแห่งถูก”ทหารสวรรค์” ยึดครอง ทหารถั่วเซียนนับหมื่นเริ่มดำเนินการตามคำสั่ง “ป้องกัน” ที่เรียบง่าย

ลำดับการโจมตีนั้น ควรเริ่มต้นจากสำนักเทพทะเล ตามด้วยสำนักจื้อไจ้และจากนั้นก็เป็นสำนักตู้เซียน

นอกจากนี้ยังมีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ขอบเขตเซียนจินสองตัวรวมอยู่ด้วย ซึ่งทางเจ้าสำนักสามารถให้การสนับสนุนได้ตลอดเวลา

ขอบเขตอิทธิพลของสำนักเทพทะเลในขณะนั้น กว้างใหญ่เกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงป้องกันแบบตั้งรับเท่านั้น และอาจได้รับความเสียหายร้ายแรงยิ่ง

หลี่ฉางโซ่วทำได้เพียงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อลดการบาดเจ็บล้มตายของเหล่ามนุษย์และทูตเทวะ และบันทึกบัญชีลงในสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ของเขา

สำนักเซียนเซียวเหยาได้เตรียมการเอาไว้แล้ว ในตอนแรกพวกเขาต้องกัดฟันและอดทนในขณะที่กองกำลังเสริมกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้

ทว่ามันก็ไม่ใช่รูปแบบของศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่จะยอมให้ถูกทำร้ายทุบตีโดยที่เป็นฝ่ายตั้งรับอยู่เฉยๆ แล้วส่งเสริมสิ่งดีๆ ให้สำนักบำเพ็ญประจิมและตี้จั้ง…

หลี่ฉางโซ่วยิ้มเล็กน้อย

“เฮ้ ศิษย์พี่หญิงโหย่วฉิน ดูศิษย์พี่ของข้าสิ…”

“มีอันใดผิดไปหรือ?”

“ด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ของศิษย์พี่ นั่นย่อมแสดงว่า จะต้องมีคนถูกจัดการอย่างแน่นอน”

โหย่วฉินเสวียนหย่าเอียงศีรษะเล็กน้อยในขณะที่หลิงเอ๋อร์ดูมีท่าทีจริงจังยิ่ง

ในเวลานั้น ทหารถั่วเซียนที่หลี่ฉางโซ่วสร้างขึ้นในส่วนต่างๆ ทั่วทั้งยอดเขาหยกน้อยนั้น ล้วนนอนลงและปกปิดตัวเอง …

ไม่นานหลังจากนั้น

ในชายฝั่งทางใต้และตะวันออกของดินแดนเทวะทักษิณ ก็มีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นพร้อมๆ กันตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองที่ห่างไกลหลายร้อยแห่งของสำนักเทพทะเล

ขณะนั้น จู่ๆ มนุษย์มากกว่าสิบคนที่ดูเหมือนจะ ไม่ได้รับอันตรายใดๆ และสบายดี ก็ถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิงปีศาจ พวกเขากรีดร้องออกมาสองสามครั้ง และบรรดาสัตว์ปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวก็โผล่ออกมาจากร่าง!

ทันใดนั้นสัตว์ปีศาจเหล่านี้ ก็ร้องคำรามสองสามครั้ง และพุ่งกระโจน ตรงเข้าหาวิหารเทพทะเลที่ว่างเปล่าแล้ว ก่อให้เกิดความพินาศไปตลอดระหว่างทาง

ทว่าในชั่วพริบตา ก็มีแสงสีทองสาดประกาย พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า และมีเสียงร้องคำรามของมังกรในน้ำทะเลขณะที่เสาแสง[1]สีทองตกลงไปบนเมืองหลายร้อยแห่งเหล่านี้ และร่างในชุดเกราะสีเงินก็บินออกมาจากภายในเมืองเหล่านั้น

บัดนี้ ภาพการปฏิบัติการของบรรดาทหารสวรรค์ที่ต่อสู้กับสัตว์ปีศาจกำลังเกิดขึ้นไปในสถานที่ต่างๆ พร้อมๆ กันทั่วทุกที่

ในเวลาเดียวกันนั้น ที่สำนักเซียนเซียวเหยาในดินแดนเทวะมัชฌิมา…

ขณะนั้น มีเมฆดำทะมึนปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้า ทั้งยังบดบังดวงสุริยา และท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยไอปีศาจที่พุ่งพล่านออกมา!

ปรมาจารย์เผ่าปีศาจมากมายนับไม่ถ้วน ได้นำกองทัพของเหล่าปีศาจนับแสนเข้ามา พวกมันร่อนลงมาหยุดอยู่ใกล้ๆ กับสำนักเซียนเซียวเหยา และเริ่มเปิดการโจมตีใส่สำนักเซียนเซียวเหยาอย่างดุเดือดรุนแรง

ศิษย์ส่วนใหญ่ในสำนักเซียนเซียวเหยา ต่างก็มีใบหน้าซีดเซียว เหล่าปรมาจารย์ในสำนักหลายสิบคนก็รีบพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือยอดเขาต่างๆ และร้องตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน พวกเขาปล่อยพลังเซียนของพวกเขาออกมาทั้งหมดเพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งให้ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ขุนเขาอย่างเต็มที่!

และในสามทิศทาง ทั้งทางตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ และทางตะวันออกของสำนักเซียนเซียวเหยา กระแสแสงทั้งหลายเริ่มไหลมารวมบรรจบกัน พวกมันเป็นเหมือนแม่น้ำสามสายที่ไหลเชี่ยวกราก พุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งนี้!

แต่ไม่เพียงเท่านั้น ยังมียันต์หยกได้พุ่งขึ้นมาและกระจายออกไปตามสถานที่ต่างๆ ในดินแดนเทวะมัชฌิมา บรรดาสำนักเซียนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ล้วนตื่นตระหนกไปทั่วทุกที่…

ไม่นานหลังจากนั้น

มีรูขนาดใหญ่หลายสิบรูปรากฏขึ้นมาที่บริเวณรอบนอกของสำนักตู้เซียน และลมปีศาจที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุดก็พัดออกมาจากรูเหล่านั้น และในทำนองเดียวกัน ยังมีเหล่าปรมาจารย์เผ่าปีศาจได้นำทหารปีศาจมาพร้อมกันด้วย

ในชั่วพริบตา กองทัพปีศาจก็ปิดล้อมสำนักตู้เซียนจากทุกทิศทาง ทั้งสี่ด้าน! และพวกมันทั้งหมดก็ทำลายสำนักตู้เซียน!

ทว่าเมื่อปีศาจกำลังจะโจมตีค่ายกลใหญ่พิทักษ์ขุนเขา ปีศาจเฒ่าสองสามตนก็พบว่า สถานการณ์นั้น มีบางอย่าง… ผิดไปเล็กน้อย

พวกมันแต่ละตน ต่างพากันออกคำสั่ง เหล่าปีศาจหยุดพุ่งออกไปข้างหน้าชั่วคราวในขณะที่ปรมาจารย์เผ่าปีศาจได้มองเข้าไปในค่ายกลและพบว่า ทั่วทั้งสำนักตู้เซียนล้วนว่างเปล่า

ปีศาจชราดมกลิ่นและกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่มีกลิ่นอายของมนุษย์มากนัก พวกเขาหนีไปกันหมดแล้ว”

ตึ๊ง…

จู่ๆ ก็มีเสียงบรรเลงพิณดังขึ้นบนท้องฟ้า และเมฆขาวก็ค่อยๆ ลอยลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ มีเหล่าเซียนชราที่มีเส้นผมสีขาวและเคราสีขาว กำลังนั่งอยู่บนนั้น พวกเขากำลังก้มศีรษะและดีดพิณอยู่

“เทพวารี!”

“เทพวารีอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ!”

“ฆ่า…

ช้าก่อน! ระวังการระเบิดวิญญาณ! ทุกคน หนีไป!”

“ฮ่า” หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ และหยุดบรรเลงพิณ เขาลอยอยู่เหนือค่ายกลใหญ่พิทักษ์ขุนเขาและมองไปรอบๆ เหล่าปีศาจทั่วท้องฟ้า

ทันใดนั้น ก็มีเปลวไฟเล็กๆ ปรากฏขึ้นรอบกายเขา และในชั่วพริบตา ร่างจำแลงนี้ของเขาก็ถูกเปลวเพลิงกลืนกินหายไป แต่เสียงที่สงบและสบายใจของเขายังคงดังกึกก้องไปทั่วทั้งสวรรค์ยันปฐพี

“แสนปีศาจ บุญปานกลาง สหายเต๋าผู้นั้นไม่ได้หลอกลวงข้าจริงๆ

ทุกคนโปรดเข้ามาเถิด”

ขณะกล่าว ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ขุนเขาของสำนักตู้เซียนก็สั่นไหวเบาๆ และพร้อมกับเสียงดังโครมคราม มันก็แตกระเบิดออกมาราวกับฟองสบู่แตก

………………………………………………………………..

[1] ลำแสงขนาดใหญ่มาก