บทที่ 613-2 จบเห่ (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 613-2 จบเห่ (2)

“ดีมาก” กู้เจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ลองปล่อยมือข้างซ้ายดู”

เป้าหมายคือให้เขาไม่ต้องใช้แรงแขน

หวงฝู่เสียนพอได้ยินดังนั้นก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอหนึ่งอึก แล้วค่อยๆ ปล่อยมือข้างซ้าย

กู้เจียวเข้าไปกุมมือเขาช้าๆ พลางเอ่ย “คราวนี้ ลองปล่อยมือข้างขวานะ”

“ข้า…” หวงฝู่เสียนรู้สึกตื่นเต้นและกระวนกระวายเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้แรงทั้งหมดอยู่ที่แขนข้างขวา และนั่นทำให้ขาของเขาเจ็บกว่าเดิม

เขาลังเลอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเขาก็ทำใจยอมปล่อยมือขวาออก

จากนั้นกู้เจียวค่อยๆ ปล่อยมือของเขา

เขากำลังยืนด้วยขาทั้งสองข้างของเขาเอง

หวงฝู่เสียนก้มลงมองขาตัวเองอย่างอดไม่ได้ ก่อนหันมาทางกู้เจียว “ข้า…ข้ายืน…อ๊ะ…”

เขาเสียการทรงตัวกะทันหันจนเซไปข้างหน้า!

กู้เจียวคว้าร่างเขาไว้ได้ทัน

หวงฝู่เสียนถอนหายใจโล่งอก

“ข้าบอกแล้วไงว่าจะไม่ให้เจ้าล้มเป็นอันขาด” กู้เจียวพยุงให้เขากลับขึ้นมายืนเหมือนเดิม จากนั้นวางมือทั้งสองข้างของเขาลงบนราวเหล็ก “แต่ต่อไปคงยากที่จะเลี่ยงนะ”

วันนี้แค่สร้างความมั่นใจให้เจ้าก่อนก็เท่านั้น

“อื้อ!” หวงฝู่เสียนพยักหน้า

หลังก้าวข้ามความกลัวไปได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว แม้จะเจ็บมากก็จริง แต่เขารู้แล้วว่ามันเจ็บแค่ไหน และเตรียมใจไว้ได้

“เจ็บน้อยกว่าตอนเหลากระดูกอีก” เขากล่าว

“ประโยคนี้ไว้รอพูดตอนเดินได้ดีกว่า” กู้เจียวบอกกับเขา

หวงฝู่เสียนรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างบอกไม่ถูก

ขนาดยังไม่ได้เริ่มเดินก็เจ็บมากแล้ว อย่างน้อยตอนเหลากระดูกยังมียาชาคอยช่วยไว้

อย่างน้อยกู้เจียวก็สามารถขจัดความกลัวภายในใจของเขาไปได้แล้วครึ่งหนึ่ง

วันแรกแค่เริ่มต้นเท่านั้น นางต้องการให้เขาคุ้นชินก่อน และใช้เวลาแทบไม่ถึงครึ่งชั่วยาม กู้เจียวก็ให้เขากลับไปนั่งบนรถเข็นเหมือนเดิม

เหงื่อไหลชุ่มไปทั้งตัวหวงฝู่เสียน

“ท่านชาย บ่าวเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้วเจ้าค่ะ” เหลียนเอ๋อร์พอเห็นว่าพวกเขาทำกายภาพเสร็จแล้วจึงเดินออกมา

หวงฝู่เสียนหันไปหากู้เจียว

กู้เจียว “รีบไปอาบน้ำเถิด ประเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”

“อื้อ” หวงฝู่เสียนพยักหน้า

“ขอบคุณมากเลยนะ ท่านหมอกู้” หวงฝู่เสียนเอ่ย

กู้เจียวพยักหน้ารับคำขอบคุณของเขา

พอออกมาจากเรือนของจี้จิ่วเสร็จ ก็เจอกับท่านย่าที่กำลังนั่งอยู่ตรงโถงทางเดิน

กู้เจียวมองตามสายตาของท่านย่าที่มองไปทางลานออกกำลังกาย ก็พอจะรู้แล้วว่าท่าย่ากำลังมองอะไร

“ไม่ไปเล่นไพ่รึ” กู้เจียวยิ้มมุมปาก

“หึ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” จวงไทเฮาเชิดคางขึ้น แล้วเดินออกไป พลางตะโกน “หลิวชุ่ยฮวา! ยังขาดอีกขานะ!”

วันนี้จวงไทเฮาอารมณ์ดีก็เลยหยวนให้ชาวบ้านได้ลืมตาอ้าปากกันบ้าง

กู้เจียวกลับไปที่ห้องของตัวเอง

วันนี้เสี่ยวจิ้งคงไม่ได้ไปเข้าเรียน เขาไปอยู่เล่นกับองค์หญิงซิ่นหยางมาเมื่อครู่นี้ พอได้ยินเสียงฝีเท้าของกู้เจียวก็รีบวิ่งออกมาจากห้องพร้อมกับจุกผมบนหัว “เจียวเจียว เจียวเจียว!”

กู้เจียวหันไปหาเจ้าตัวเล็ก

“เจียวเจียวดูนี่สิ!” เขาชี้นิ้วไปที่ผมจุกของเขา

กู้เจียวยื่นมือจับๆ ผมน้อยๆ ที่ถูกมัดจุกของเขา “น่ารักดีนี่”

อีกไม่กี่เดือนคงยาวพอที่จะมัดผมมวยได้แล้ว

“องค์หญิงมัดให้ข้าด้วยล่ะ!” เสี่ยวจิ้งคงพูดอวดด้วยท่าทีเคอะเขิน

“มัดได้ดูดีมากเลยล่ะ” กู้เจียวเอ่ยปากชม

“เจียวเจียว” เสี่ยวจิ้งคงเรียกนาง

“หืม”

“คือว่า…คือว่า…” เสี่ยวจิ้งคงเบือนหน้าลง แล้วทำท่าเอานิ้วชนกัน “คือว่า ยาน้ำอร่อยๆ อันนั้น ยังมีเหลืออีกไหม”

คราวก่อนที่เขายกให้องค์หญิงซิ่นหยางไปสองขวด พอตอนหลังดันมานึกเสียดาย รู้อย่างนี้ให้ไปแค่ขวดเดียวก็ดี

กู้เจียวเปิดกล่องยา พลางถาม “อะไรอร่อยๆ นะ”

“ที่ขวดสีฟ้าๆ มีรสเปรี้ยวๆ หวานๆ ไง” เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยพลางชะเง้อมองข้างในกล่องยา

“อ๋อ ยาน้ำเสริมแคลเซียมน่ะหรือ ไม่มีแล้วล่ะ” กู้เจียวตอบ

ยานั้น ปรากฏขึ้นเพียงแค่สองครั้ง แล้วก็ไม่มาอีกเลย

เสี่ยวจิ้งคงทำหน้าผิดหวัง เขาพยายามมองหามันในกล่องยา แต่ไม่ว่ายังไงก็หาไม่เจออยู่ดี “เหตุใดคราวนี้ถึงมีแค่สองขวดล่ะ เมื่อก่อนมีตั้งเยอะไม่ใช่รึ”

กู้เจียวเริ่มออกอาการสับสน ปกติยาน้ำจะมาเป็นกล่องมิใช่รึ หนึ่งกล่องมีสิบขวด แล้วสองขวดที่จิ้งคงว่านั้นมาจากไหนกันแน่

“คือว่า…คือว่า…” เสี่ยวจิ้งคงเอามือจับที่หัวจุกของตัวเอง ก่อนตัดสินใจเล่าเรื่องที่เขาเจอขวดสีฟ้าสองขวดที่ใต้เตียงวันนั้นให้กู้เจียวฟัง

กู้เจียวมั่นใจอย่างยิ่งว่าช่วงนี้เจ้ากล่องยาไม่มียาน้ำเสริมแคลเซียมปรากฏขึ้นมาเลย เช่นนั้น ยาน้ำสีฟ้าที่จิ้งคงเจอก็คงจะเป็น…ยาหลอนประสาทอย่างนั้นรึ!

กู้เจียวจึงถามต่อถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ เสี่ยวจิ้งคงเลยตอบไปว่าเขาเก็บมันได้ตอนวันที่ไปส่งเสี่ยวเป่า

กู้เจียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “วันนั้นเจ้าพาเด็กน้อยไปส่งที่องค์หญิงซิ่นหยาง หรือว่าให้พ่อกับแม่ของเขา”

เสี่ยวจิ้งคงตอบ “ส่งที่พ่อแม่ของเขาสิ พวกเขามารับเด็กน้อยที่นี่เองกับมือเลย!”

ซึ่งเป็นวันที่ในกล่องยามียาหลอนประสาทปรากฏขึ้นมาพอดี!

หรือเป็นเพราะวันนั้นนางเก็บยาไม่เรียบร้อย เลยเผลอลืมไว้สองขวดอย่างนั้นรึ

กู้เจียวปิดกล่องยาลง พลางเอ่ยถาม “แล้วเจ้าเอามันไปไว้ไหนแล้ว”

แน่นอนว่าเสี่ยวจิ้งคงไม่ได้กินยานั้นไป ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาอยู่ตรงนี้แน่ๆ

“วันนั้นข้าเห็นองค์หญิงดูไม่สบายใจ ก็เลยให้นางเพื่อเป็นการปลอบโยน”

กู้เจียวรู้สึกใจหวิวขึ้นมาทันที!

แต่ช้าก่อน ดูเหมือนองค์หญิงซิ่นหยางจะยังไม่ทันได้ดื่มมันเข้าไป ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงเกิดเรื่องแล้ว

เจ้าตัวเล็กยังคงทำท่าน้ำลายสอ “เจียวเจียวยังมียาเหลืออีกไหม ข้าอยากดื่มมัน”

กู้เจียวเอามือหยุมหัวเห็ดของเจ้าตัวเล็ก “ไม่มีแล้ว ถ้ามีข้าจะเก็บไว้ให้เจ้านะ”

“อื้อ ได้เลย!” เสี่ยวจิ้งคงเป็นเด็กที่เชื่อฟัง หากกู้เจียวบอกว่าไม่มี เขาก็สามารถรอได้

“อ้อ จริงสิ แล้วองค์หญิงล่ะ”

“องค์หญิงออกไปแล้ว”

“ออกไปแล้วรึ…” กู้เจียวมองไปทางกล่องยาเจ้าปัญหา นางแทบอยากจะเหยียบมันให้แบนแต๋ติดพื้น แต่ก็ต้องห้ามตัวเองไว้ แล้วเอ่ยกับเสี่ยวจิ้งคง “ข้าจะออกไปข้างนอก เดี๋ยวกลับมา”

“ได้เลยเจียวเจียว!” จิ้งคงพยักหน้า

แม้ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดีในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ยานั่นก็คือระเบิดเวลา รีบไปเอากลับคืนมาก่อนทุกอย่างจะสายเกินไปดีกว่า

กู้เจียวตัดสินใจไม่นั่งรถม้า และเลือกใช้วิธีขี่ม้าไปแทน

อวี้จิ่นกำลังรดน้ำดอกไม้อยู่ เมื่อเห็นกู้เจียวลงจากหลังม้าก็รีบเอ่ยทักพร้อมแววตาเปล่งประกาย “อ้าว เจียวเจียวนี่เอง”

“ท่านน้าอวี้จิ่น” กู้เจียวยื่นบังเหียนให้สาวใช้ที่ประตู เดินเข้าไปในลานแล้วเอ่ยถาม “องค์หญิงอยู่ที่นี่หรือไม่”

“องค์หญิงออกไปที่ร้านผ้าแล้วล่ะ” เดิมทีอวี้จิ่นต้องตามไปด้วย แต่นางดันหกล้มที่หน้าประตูเสียก่อน องค์หญิงซิ่นหยางจึงบอกให้นางพักผ่อน

กู้เจียวถามต่อ “ท่านน้าอวี้จิ่น เคยเห็นยาน้ำขวดเล็กๆ สีฟ้าขององค์หญิงบ้างหรือไม่”

อวี้จิ่นเอ่ยตอบพร้อมหันมามองกู้เจียวด้วยท่าทีประหลาดใจ “เคยเห็นสิ ทำไมรึ”

กู้เจียวถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้บอกอวี้จิ่นไปว่ามันคือยาแบบใด “มีบางอย่างผิดปกติกับยานั่น ข้าขอคืนได้ไหม”

“องค์หญิงมอบยานั้นให้ข้าก็จริง…” อวี้จิ่นเล่าพร้อมกับแสดงสีหน้ากังวล “จากนั้นข้าก็ให้ยานั้นแก่ท่านโหวไป”

กู้เจียวอ้าปากค้าง “เซวียนผิงโหวรึ”

“องค์หญิงบอกว่ามันเป็นยาแก้อาการตะคริว ข้าไม่กล้าดื่มมันก็เลยเก็บไว้ คราวก่อนที่ข้าไปที่ตรอกปี้สุ่ย ข้าเผลอไปได้ยินท่านโหวร้องบ่นอุบอิบว่าปวดขา ก็เลยยกยานั้นให้ท่านโหวไป อย่าบอกนะว่าข้า…ก่อเรื่องขึ้นแล้ว”

“ไม่มี ไม่มีอะไรหรอก” กู้เจียวพยายามคุมสติ

ให้เซวียนผิงโหวดื่มยานั้นก็ดีกว่าให้องค์หญิงดื่ม

แม้ว่ายานั้นจะทรงพลังมากก็ตาม แต่ร่างกายของเซวียนผิงโหวก็แข็งแกร่งเช่นกัน น่าจะรับยาได้ไหว

นอกจากนี้ เขาสวมเฝือกทั่วร่างกายและไม่สามารถทำอะไรที่เขาอยากทำได้

คงไม่มีใครมาแบกร่างเขาไปที่หอนางโลมหรอกกระมัง

“เช่นนั้น ข้าขอตัวกลับก่อน” กู้เจียวยิ่มเจื่อน

อวี้จิ่นออกอาการตกใจ “เอ่อ ได้สิ”

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก อวี้จิ่นเองไม่ทันได้ถามกู้เจียวว่ามีอะไรผิดปกติกับยาเหล่านั้น

กู้เจียวรีบควบม้ากลับไปที่ตรอกปี้สุ่ย และพุ่งตรงไปหาเซวียนผิงโหวที่กำลังนั่งอาบแดดอยู่ในสวนหลังเรือน

กู้เจียวเดินไปถามอย่างหอบหายใจ “ท่านโหวได้ดื่มยาที่อวี้จิ่นให้มาหรือไม่”

เซวียนผิงโหวหรี่ตามองเด็กสาวหนึ่งที พลางเอ่ย “ข้าเปล่า”

กู้เจียวถอนหายใจโล่งอก แล้วยื่นมือออกไป “เช่นนั้นข้าขอคืนได้ไหม”

“หมดแล้ว” เซวียนผิงโหวเอ่ย

“หมายความว่าอย่างไร” กู้เจียวเริ่มใจคอไม่ดี

เซวียนผิงโหวกลอกลูกตาไปที่ทางเดิน “นั่นไง นางดื่มมันไปแล้ว”

พอกู้เจียวหันไปมอง ก็เจอกับองค์หญิงซิ่นหยางที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง

***************