ตอนที่ 752 รอเวลาที่เหมาะสม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 752 รอเวลาที่เหมาะสม

แสงไฟสีเหลืองนวลส่องลงบนทางเดินหินกรวดที่เงียบสงบจนเห็นเด่นชัดท่ามกลางแสงจันทร์

เซียวหรงเหยี่ยนไม่เคยสงสัยในความสามารถและปณิธานของไป๋ชิงเหยียนว่าเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งที่สำคัญเช่นนี้หรือไม่ หากไม่สนใจเรื่องเพศ ในสายตาของเซียวหรงเหยี่ยนไป๋ชิงเหยียนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถกำจัดความโกลาหลในใต้หล้านี้ได้

ตอนที่เขาอยู่ที่ซีเหลียง เขาเคยพบจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเช่นเดียวกัน แม้จักรพรรดินีของซีเหลียงจะเป็นสตรีที่มีสติปัญญาโดดเด่นเหนือสตรีอื่นมากมาย ทว่า ปณิธานของหญิงสาวมีเพียงความร่ำรวยมั่งคั่งของแคว้นตัวเอง ไม่ได้มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่อย่างการครอบครองใต้หล้า

ดวงตาลำลึกของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังดวงตาของเซียวหรงเหยี่ยน ผิวขาวราวกับหยกของหญิงสาวเนียนใสนวลผ่องท่ามกลางแสงจันทร์ เป็นภาพที่งดงามจนแสงแห่งธรรมชาติยังสู้ไม่ได้

“รอเวลาที่เหมาะสม” ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ปิดบังเซียวหรงเหยี่ยน แววตาของหญิงสาวหนักแน่นกว่าทุกครั้งราวกับสิ่งที่พวกนางกำลังสนทนากันอยู่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ทว่า เป็นเพียงบทสนทนาในชีวิตประจำวันเท่านั้น

ไป๋ชิงเหยียนเตรียมการสิ่งที่ควรเตรียมการไว้หมดแล้ว นางมีกองทัพแล้ว!

หลังการสอบชุนเหวยในครั้งนี้จะมีการโยกย้ายตำแหน่งขุนนาง นางจะแทรกคนของตัวเองเข้าไปควบคุมแหล่งเสบียงอาหาร เมื่อทำเรื่องนี้ผ่านรัชทายาท ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างราบรื่น

สิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนต้องทำในตอนนี้ก็คือรอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น…

แสงจันทร์จากดวงจันทร์กลมโตส่องกระทบทางเดินหินกรวดที่อยู่ท่ามกลางป่าไผ่ ต้นไผ่ลู่ลมไปมาจนเกิดขึ้นเล็กน้อย

เปลวไฟในโคมไฟที่อยู่ในมือของเซียวหรงเหยี่ยนสะบัดตามแรงลมเล็กน้อย จากนั้นส่องแสงสว่างเช่นเดิม

เมฆบางลอยบดบังดวงจันทร์บนท้องฟ้า เซียวหรงเหยี่ยนก้าวเข้าไปชิดร่างของไป๋ชิงเหยียนอย่างทนไม่ไหว จากนั้นเอื้อมมือทัดปอยผมของหญิงสาวไปไว้ด้านหลังใบหู ชายหนุ่มจ้องไปที่ใบหูที่แดงก่ำของไป๋ชิงเหยียนนิ่งแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างกลั้นไม่อยู่ มือของเขาเอื้อมไปจับไหล่ที่ผอมบางของหญิงสาว จากนั้นโน้มกายเข้าไปใกล้ใบหูของนางแล้วกระซิบเสียงแผ่วเบา “ไม่ได้เจอกันนานอาเป่าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่”

กลิ่นหอมของไม้กฤษณาที่คุ้นเคยโชยมาปะทะจมูกของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวหายใจติดขัดขึ้นทันที หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มตามเสียงหัวใจปรารถนา สองมือโอบรอบเอวหนาที่มีแต่กล้ามเนื้อแกร่งของเซียวหรงเหยี่ยน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเซียวหรงเหยี่ยน ใบหูของนางแดงก่ำ จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าคิดถึง…”

ลำคอของเซียวหรงเหยี่ยนร้อนผ่าว มือหนาที่โอบไหล่ของไป๋ชิงเหยียนเลื่อนไปสัมผัสที่แผ่นหลังผอมบางของหญิงสาว ลำแขนแข็งแกร่งกระชับร่างของไป๋ชิงเหยียนเข้ามาในอ้อมกอด เขาจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง จากนั้นค่อยๆ ก้มหน้าเข้าไปชิดใบหน้าของนาง “อาเป่า ข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงจนไม่อยากห่างจากเจ้าแม้แต่วินาทีเดียว! ข้าอยากให้ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะได้มีเจ้าในอ้อมกอดทุกวัน!”

ฟังเสียงนุ่มลึกแหบพร่าและสบตากับดวงตาที่ลำลึกของเซียวหรงเหยี่ยน ไป๋ชิงเหยียนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกลึกซึ้งในแววตาของชายหนุ่ม ใจของนางเต้นรัวกว่าเดิม ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกแปลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเกิดขึ้นในใจจนยากจะควบคุม หญิงสาวเขย่งปลายเท้าขึ้น ปลายจมูกสัมผัสกับปลายจมูกของเซียวหรงเหยี่ยน ลมหายใจร้อนของทั้งคู่ผสมผสานกัน

ไป๋ชิงเหยียนหลุบตาลง แตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเซียวหรงเหยี่ยนเบาๆ จากนั้นร่างของนางก็ถูกเซียวหรงเหยี่ยนโอบรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม

ไป๋ชิงเหยียนเซถอยหลังไปสองก้าวอย่างอ่อนระทวย แผ่นหลังชนกับต้นไผ่หนา หญิงสาวกอดเอวของเซียวหรงเหยี่ยนแน่น เงยหน้าตอบรับจุมพิตที่เร่าร้อนของชายหนุ่ม

เมฆบางค่อยๆ ลอยห่างจากดวงจันทร์ที่บดบังไว้เมื่อครู่ แสงจันทร์สาดส่องไปทั่วบริเวณ เงาของต้นไผ่ทอดยาวราวกับเส้นไหมเส้นยาว

ยังไม่ถึงช่วงเวลาตื่นของแมลง ทว่า หิ่งห้อยบางตัวที่สัมผัสได้ถึงความอุ่นของไฟบินมาแสวงหาแสงสว่างจากโคมไฟที่เซียวหรงเหยี่ยนถือไว้ในมือ

“โฮ่งโฮ่ง…โฮ่ง…”

เสียงสุนัขดังขึ้นไม่ไกลจากป่าไผ่ มันดังชัดเจนท่ามกลางป่าไผ่ที่เงียบสงบในยามค่ำคืนยิ่งนัก

ไป๋ชิงเหยียนรีบผลักร่างของเซียวหรงเหยี่ยนออก แสร้งทำทีเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เอามือสองข้างไขว้หลังพลางกระแอมออกมาเล็กน้อย ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อยโดยไม่กล้าสบตาเซียวหรงเหยี่ยน เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เห็นสุนัขสีเหลืองตัวใหญ่กำลังวิ่งไล่จับกระต่ายป่าท่ามกลางหิมะขาวอยู่ไม่ไกลออกไปนัก

“วั่งไฉรีบกลับมาเดี๋ยวนี้! ท่านพ่อบอกไว้ว่าหากเจ้าทิ้งเรือนมาวิ่งไล่จับกระต่ายยามวิกาลเช่นนี้อีก เขาจะจับเจ้าไปต้มกินแล้วนะ!”

เสียงเด็กร้องเรียกสุนัขดังแว่วขึ้นมาแต่ไกล เมื่อสุนัขเหลืองตัวใหญ่ได้ยินเสียงเรียกของเจ้าของ มันจึงหยุดมองกระต่ายป่ากระโจนหายไปในป่าไผ่ท่ามกลางแสงจันทร์นิ่ง จากนั้นหันกลับไปมองเจ้านายของตัวเองแวบหนึ่ง สุดท้ายสุนัขเหลืองตัวนั้นใช้ลิ้นเลียจมูกของตัวเองอย่างเสียดายแล้ววิ่งกลับไปหาเจ้านายของตัวเอง

เซียวหรงเหยี่ยนเดินไปหยุดอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน จับมือของหญิงสาวมากุมไว้ในมือหนาแล้วจูงนางเดินไปด้านหน้า จากนั้นถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย “เมื่อใดถึงจะไม่มีคนมาขัดจังหวะเสียที”

ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากกลั้นหัวเราะ รู้สึกวาบหวามในหัวใจราวกับทานน้ำผึ้งเข้าไป จากนั้นกล่าวขึ้น “หากท่านยินดีแต่งเข้าตระกูลไป๋ก่อน บางทีอาจไม่มีคนขัดจังหวะท่านแล้ว…”

เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ เขาชะงักฝีเท้าลงทันที จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ายินดี!”

ไป๋ชิงเหยียนตะลึง นางแค่กล่าวหยอกเล่นเท่านั้น เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนมีท่าทีจริงจังถึงเพียงนี้ทำเอาหญิงสาวไปต่อไม่เป็น

สองสายตาประสานกัน ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกเหมือนมีสิ่งใดจุกอยู่ในลำคอ หญิงสาวเม้มปากแน่น

“หากอาเป่าเต็มใจ ข้าพร้อมเสมอ” แววตาของเซียวหรงเหยี่ยนไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย “เหยี่ยนยินดีแต่งเข้าตระกูลไป๋ เพียงแค่ไม่รู้ว่าหากใต้หล้ายังไม่สงบอาเป่าจะยินดีรับเหยี่ยนเป็นสามีหรือไม่ หากอาเป่าตกลง เมื่อเสร็จเรื่องที่เมืองหลวง เหยี่ยนจะไปสู่ขออาเป่าที่ซั่วหยางด้วยตัวเอง!”

มืออ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกของไป๋ชิงเหยียนถูกเซียวหรงเหยี่ยนกุมไว้ในมือหนาแน่น หญิงสาวสับสนวุ่นวายใจมาก

เซียวหรงเหยี่ยนกุมมือไป๋ชิงเหยียน จากนั้นรั้งตัวหญิงสาวเข้ามาใกล้แล้วก้มมองหน้านางนิ่ง “อาเป่ายินยอมหรือไม่”

หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนอย่างตัดสินใจได้ “เมื่อต้าเยี่ยนทำลายต้าเว่ย ต้าจิ้นทำลายต้าเหลียงได้สำเร็จ หากท่านยังไม่เปลี่ยนใจสามารถมาสู่ขอข้าที่ซั่วหยางได้”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนกว้างขึ้นกว่าเดิม เขารู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนเด็ดเดี่ยวในความคิดของตัวเอง ตอนนั้นหญิงสาวกล่าวว่าเมื่อใต้หล้ารวบรวมเป็นหนึ่งเมื่อใด…พวกเขาค่อยอยู่ด้วยกัน เขาคิดว่าคงไม่มีสิ่งใดสามารถเปลี่ยนใจหญิงสาวได้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะสามารถเลื่อนวันให้เร็วขึ้นได้เช่นนี้

“คำไหนคำนั้น ถึงเวลานั้นรบกวนอาเป่าช่วยเกลี้ยกล่อมท่านแม่ยายให้ข้าด้วย!” เซียวหรงเหยี่ยนโค้งกายให้ไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้เล็กน้อย “เซียวเซียนเซิงไม่ต้องเป็นห่วง”

เซียวหรงเหยี่ยนมองไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ เขารวบตัวหญิงสาวเข้ามากอดไว้อีกครั้งอย่างห้ามใจไม่อยู่ท่ามกลางดวงจันทร์กลมโต

เจ้านายทั้งสองคนไม่อยู่ เยว่สือถูกองครักษ์ลับไป๋เชิญไปดื่มชาและทานของว่างที่ห้องรับรอง ขณะปฏิบัติหน้าที่ไม่ดื่มสุราคือกฎของตระกูลไป๋

เยว่สือนั่งรวมอยู่กับกลุ่มขององครักษ์ลับของไป๋ชิงเหยียนด้วยความรู้สึกประหม่า

ทุกครั้งที่เจ้านายของเขาบุกไปในห้องนอนของไป๋ชิงเหยียนยามวิกาล เยว่สือเป็นคนทำหน้าที่ล่อองครักษ์ลับเหล่านี้ไปที่อื่น เยว่สือจึงกลัวว่าจะโดนคนเหล่านี้จับได้แล้วทำให้ชื่อเสียงของไป๋ชิงเหยียนเสียหาย อีกทั้งทำให้องครักษ์ลับเหล่านี้คิดว่าเจ้านายของคืออันธพาล

เยว่สือนั่งหลังงออยู่หน้าโต๊ะแปดเหลี่ยมอย่างสงบเสงี่ยมท่ามกลางแสงเทียนเพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอแสดงพิรุธออกมา