บทที่ 618 เศรษฐีตัวพ่อ (2)
อาจารย์ทั้งสองพอได้ยินดังนั้นก็เป็นอันตะลึงไปชั่วขณะ
ถามอะไรของเขาน่ะ เด็กตัวแค่นี้จะไปมีของแบบนั้นได้อย่างไร
ส่วนกู้เจียวได้แต่กระพริบตาปริบๆ
นั่นสินะ เกือบลืมไปเสียสนิทเลยว่าเจ้าตัวเล็กเป็นมหาเศรษฐีขาใหญ่
เขามีแม้กระทั่งโฉนดที่ดินของแคว้นเหลียง!
เสี่ยวจิ้งคงยกนิ้วขึ้นมานวดขมับ พยายามนั่งนึกอยู่นานสองนาน ก่อนจะลงเอยที่ส่ายศีรษะ “ไม่มี”
“ไม่มีจริงๆ รึ เจ้าลองคิดดูอีกที” เซียวเหิงเอ่ยขึ้น
เสี่ยวจิ้งคงง่วงจนเกือบจะหลับในอ้อมอกของกู้เจียว เอ่ยตอบเสียงอู้อี้ “ไม่มีหรอกน่า…ท่านอาจารย์ไม่เคยให้ของแบบนั้นกับข้า”
ทั้งเซียวเหิงและกู้เจียวต่างก็ถอนหายใจพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย
“มีแต่ของสิ่งนั้น” เสี่ยวจิ้งคงเพ้อออกมา
แววตาของกู้เจียวเปล่งประกาย “ของอะไรรึ”
“อันนั้นไง…สิ่งนั้น…” น้ำลายของเจ้าตัวเล็กเริ่มไหลย้อย เขาพยายามลืมตาและตื่นตัว แต่มันก็ยากจริงๆ ที่จะไม่หลับไปในอ้อมแขนของเจียวเจียว “กล่อง… กล่อง…”
“เขาพูดว่าอะไรนะ” เซียวเหิงเอ่ยถาม
หลังจากกู้เจียวพยายามถอดรหัสอย่างตั้งใจ ก็ตอบกลับเซียวเหิง “ดูเหมือนเขาพูดถึงกล่อง… ครั้งล่าสุดที่กู้ฉังชิงมาที่นี่ เขานำกล่องมาให้เสี่ยวจิ้งคง! เป็นกล่องที่มีขนาดใหญ่มากและมีดอกบัวแกะสลักอยู่ในนั้น”
เซียวเหิงเข้าไปในห้องนอนของเขา จากนั้นควานหากล่องที่ว่าจากหีบสมบัติที่แสนจะรกรุงรังของเสี่ยวจิ้งคง
“กล่องนี้ใช่ไหม” กู้เจียวหยิบกล่องนั้นมาแล้วถามเจ้าตัวเล็ก
เปลือกตาของจิ้งคงหนักจนเขาแทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว
“อือ…” เขาพยักหน้าในสภาพสะลึมสะลือ
“ข้าขอเปิดดูข้างในกล่องได้ไหม” กู้เจียวถามเขาอีกครั้ง
“กล่องนี้ ข้ายกให้เจียวเจียว” แม้เจ้าตัวเล็กแทบไม่ได้สติแล้ว แต่จิตใต้สำนึกของเขาบอกว่า ถ้ากู้เจียวอยากได้อะไร เขาก็จะยกให้ทุกอย่าง
กู้เจียวจึงยื่นกล่องให้เซียวเหิงช่วยเปิด
พอกล่องถูกเปิดออก ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับสติหลุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์แม่หนานเซียง เมื่อได้เห็นของที่อยู่ในกล่องก็ถึงกับขวัญผวา สงสัยว่าตัวเองกำลังฝันอยู่แน่ๆ
เณรน้อยผู้นี้เป็นใครมาจากภูเขาลูกไหนกันนะ
เหตุใดจึงมีเอกสารการรับเข้าเรียนจากสำนักบัณฑิตของแคว้นเยี่ยนอยู่ที่เขาล่ะ!
สำนักบัณฑิตเทียนฉง หนึ่งในสถาบันการศึกษาแห่งแคว้นเยี่ยนที่มีอายุสี่ศตวรรษ ได้รับการขนานนามอย่างดีว่าเป็นสำนักบัณฑิตชั้นเยี่ยมของเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ เพราะมีฮองเฮาสามองค์และฮ่องเต้อีกสององค์เคยศึกษาอยู่ที่สำนักบัณฑิตแห่งนี้
ที่น่าบังเอิญคือเอกสารการรับเข้าเรียนมีจำนวนพอดีกับสมาชิกเด็กชายที่เรือนทั้งสี่คน
จนหนานเซียงอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาแอบเปิดธุรกิจรับทำหนังสือเข้าเรียนไว้หรือไม่
แม้วันนี้กู้เจียวจะเจอกับเหตุการณ์น่าสะพรึงหลายครั้ง แต่นางก็สงบลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นถามเด็กน้อยในอ้อมแขน “จิ้งคง ทำไมเจ้าไม่บอกข้าละว่ามีของแบบนี้อยู่กับเจ้า”
จิ้งคงหลับตาตอบ “ข้า…ข้าไม่อยากเรียนหนังสือ…ไม่เรียน ไม่เรียน ไม่เรียน”
ดูเหมือนว่าของกำนัลในครั้งนั้นไม่ได้มาจากเจ้าอาวาส แต่มาจากอาจารย์ของเสี่ยวจิ้งคง
กู้เจียวเริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของตาเฒ่าเคราขาวคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยากจะไปเยี่ยมเขาอีกสักครั้งหากมีโอกาส
เอกสารจากสำนักบัณฑิตเทียนฉงเป็นเครื่องนำทางที่ดีที่สุดในการพาพวกเขาเข้าไปที่แคว้นเยี่ยน
ขณะที่กู้เจียวกำลังเก็บข้าวของของนาง เซียวเหิงก็ผลักประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับเอกสารการรับเข้าเรียนที่มีชื่อของเขาเขียนอยู่บนนั้น “ข้าลองหาแล้ว แต่ไม่เจอชื่อของเจ้า”
กู้เจียวคิดว่าท่านอาจารย์คนนั้นคงมองว่านางเป็นสตรี อีกทั้งไม่เคยเรียนหนังสือ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารไว้ให้
“ดื่มชาก่อนสิ” กู้เจียววางของในมือลง ก่อนจะรินน้ำชาให้เขา
เซียวเหิงจิบชาไปสองจอกจนรู้สึกอุ่นท้อง จากนั้นเอ่ยต่อ “แต่ข้าถามอาจารย์แม่หนานเซียงแล้ว นางบอกว่าบัณฑิตสามารถพาภรรยาไปด้วยได้”
กู้เจียวก้มหน้าพับผ้าพร้อมตอบเขา “ไม่จำเป็นหรอก”
เซียวเหิงตกใจและหยุดดื่มชาในทันที “เจ้าจะไม่ไปรึ”
“ไปสิ ทว่าข้าไม่ต้องพาเจ้าไปหรอก” กู้เจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
เซียวเหิงขมวดคิ้ว “แล้วเจ้าจะไป…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะจนเผลอทำถ้วยหลุดมือ
กู้เจียวรีบเข้ามาคว้าถ้วยอย่างมั่นคงด้วยมือข้างหนึ่ง และกอดเขาด้วยมืออีกข้าง
“เจ้า…” เซียวเหิงเหลือบตามองนาง
“มันอันตรายเกินไปสำหรับเจ้า ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจ…” กู้เจียววางถ้วยชาลง หยิบเอกสารในมือ “ไปด้วยตัวเอง”
เซียวเหิงกัดฟันอย่างอ่อนแรง กู้ เจียว!
แล้วเซียวเหิงก็เป็นลมหมดสติในอ้อมแขนของนาง
…
ยาสลบของกู้เจียวออกฤทธิ์ได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว กว่าเซียวเหิงจะฟื้นก็ปาเข้าไปวันที่สามแล้ว เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็เห็นเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในชุดเครื่องแบบของกั๋วจื่อเจียนกำลังนั่งย่อตัวลงและวาดวงกลมบนกระดาษ
“เอ่อ…” เซียวเหิงลุกขึ้นนั่ง
“กว่าจะฟื้นได้” เสี่ยวจิ้งคงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองเขาด้วยท่าทีไม่พอใจ
“เจียวเจียวล่ะ” เซียวเหิงเอ่ยถามเสี่ยวจิ้งคงพลางมองไปที่ประตู
เสี่ยวจิ้งคงกระทืบเท้าพร้อมกับถอนหายใจ “ออกไปแล้ว! เป็นความผิดของเจ้าที่รั้งเจียวเจียวไว้ไม่ได้! แถมเจียวเจียวยังฝากให้ข้าดูแลเจ้า เลยอดไปด้วยเลย!”
เจียวเจียวไม่คิดจะพาเจ้าไปแต่แรกอยู่แล้วต่างหากล่ะ
กู้เจียวต้องดูแลกู้เหยี่ยน เจ้าตัวเล็กไปด้วยก็มีแต่จะเพิ่มภาระให้กับนาง
กระนั้น เขาก็ไม่พูดออกไป
อีกอย่าง กู้เจียวคงวางแผนที่จะล้างแค้นคนที่ทำร้ายกู้เหยี่ยน เลยไม่ให้เขาไปด้วย
“นางพากู้เหยี่ยนไปคนเดียวรึ” เซียวเหิงถามเพราะอยากรู้ว่าพวกอาจารย์แม่หนานเซียงเดินทางไปกับพวกเขาด้วยหรือไม่
เจ้าตัวเล็กไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรและตอบอย่างบูดบึ้งตามความเข้าใจของเขาเอง “ท่านพี่เสี่ยวซุ่นก็ไปด้วย!”
ว่าไงนะ!
พาเสี่ยวซุ่นไป แต่ไม่พาเขาไปเนี่ยนะ!
ชักโมโหแล้วสิ!
“เจ้า อยากไปหาเจียวเจียวหรือเปล่า” เสี่ยวจิ้งคงเบะปากถามลองเชิงเขา
“เจ้าหมายความว่าอะไร หรือว่า เจ้ามีเอกสารการรับเข้าเรียนอีกอย่างนั้นรึ แต่คนที่ติดตามไปด้วยได้จะต้องเป็นคู่ชีวิตหรือไม่ก็ครอบครัวทางสายเลือดเท่านั้นนี่นา”
จิ้งคงยืดอกขึ้นอย่างมั่นใจพร้อมกับอธิบายต่อ “ตราบใดที่เจ้าสัญญาว่าจะพาข้าไปด้วย ข้าย่อมมีวิธี”
เซียวเหิงไม่เชื่อ
“สัญญาก่อนสิ”
เซียวเหิงยังคงมองเสี่ยวจิ้งคงด้วยความสงสัย “ก็ได้ ข้าสัญญา”
เสี่ยวจิ้งคงไม่ใช่เด็กที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ “เจ้าต้องสาบานก่อนว่า ถ้าเจ้าโกหก ขอให้เจียวเจียวมีสามีใหม่!”
เจ้าเด็กบ้า นี่มันแรงเกินไปไหม!
แต่ด้วยความปรารถนาที่จะตามกู้เจียวไปนั้นรุนแรงยิ่งกว่า เซียวเหิงจึงยอมสาบาน
จากนั้นจิ้งคงก็ไปคุ้ยอะไรบางอย่างในหีบสมบัติของเขา แล้ววิ่งกลับมาพร้อมกับกล่องเล็กๆ ที่ฝังด้วยทองคำ “อะ นี่”
เซียวเหิงเปิดกล่อง พบว่าข้างในมีเอกสารการรับเข้าเรียนอีกฉบับ
เขาผู้เจอกับเรื่องโชคร้ายมานาน ในที่สุดก็มีวันที่ชะตาพลิกผันกับเขาสักที!
ดวงตาของเขาเปล่งประกาย แต่หลังจากอ่านข้อความบนเอกสาร สีหน้าของเขาก็พลันขรึมลงทันที
ข้อความบนเอกสารเขียนไว้ว่า โรงเรียนสตรีชังหลัน
เซียวเหิง “…”
*********************************