ตอนที่ 756 ป้องกันไว้ก่อน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 756 ป้องกันไว้ก่อน

ไป๋ชิงเหยียนนั่งอ่านจดหมายที่ถูกส่งมาอยู่บนเก้าอี้นุ่มอยู่ริมหน้าต่างในเรือนปัวอวิ๋น เมื่ออ่านจบจึงเผาจดหมายทิ้ง

หญิงสาวหรี่ตามองดูเปลวไฟค่อยๆ ค่อยกลืนกินจดหมายจนเหลือเพียงเถ้าถ่านนิ่ง ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น

การแพร่โรคระบาดไปยังต้าเหลียงคือความคิดของรัชทายาทและฟางเหล่า พวกเขาหวังว่าต้าเหลียงจะยอมจำนนให้ต้าจิ้นเพราะสูตรยารักษาโรคระบาด

ฉินซ่างจื้อเดินทางไปควบคุมดูแลเรื่องใหญ่อย่างการซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอแล้ว รัชทายาทไม่มีฉินซ่างจื้อคอยชี้แนะจึงถูกฟางเหล่ายุยงจนไร้คุณธรรมยิ่งกว่าเดิม ครั้งนี้ถึงกับทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมเช่นนี้เพื่อบีบให้ต้าเหลียงยอมจำนน เขาไม่กลัวว่าทหารของต้าจิ้นจะติดโรคระบาดบ้างหรืออย่างไรกัน

ปลายเดือนเจ็ด สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด ในที่สุดไป๋ชิงเหยียนก็ได้รับจดหมายจากน้องหญิงสามไป๋จิ่นถง หญิงสาวจึงคลายความเป็นห่วงไป๋จิ่นถงลงได้เสียที

ตอนนี้ไป๋จิ่นถงเดินทางอยู่ในซีเหลียงโดยใช้นามแฝงชุยเฟิ่งเหนียน ไป๋จิ่นถงเล่าว่านางเดินทางจากกวนผิงไปจนถึงทางออกทางทะเล เมื่อออกไปสู่ทะเลกว้างนางขายของล้ำค่าหายากของต้าจิ้นให้กับคนชนเผ่าอื่นมากมาย อีกทั้งรับซื้อของจากคนชนเผ่าอื่นเหล่านั้นมาในราคาที่ต่ำมาก ต่อมานางพลัดหลงทางในทะเลจนไปพบแคว้นๆ หนึ่งที่มีนามว่าเทียนเฟิ่ง เมื่อสำรวจดูแล้วจึงพบว่าที่แท้แคว้นเทียนเฟิ่งมีถิ่นฐานอยู่ด้านหลังภูเขาหิมะของแคว้นเป่ยหรงที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยข้ามไปได้มาก่อน

ภูเขาหิมะลูกนั้นยาวสุดลูกหูลูกตา อาณาเขตเริ่มตั้งแต่ป่ารกของต้าเหลียงและเป่ยหรงไปจนถึงขอบชายแดนของซีเหลียง เดิมทีพวกเขาคิดว่าภูเขาหิมะหลังใหญ่ด้านหลังแคว้นเป่ยหรงคืออาณาเขตสิ้นสุดในใต้หล้านี้แล้ว นึกไม่ถึงว่ากลางทะเลทรายหลังหุบเขาซึ่งห่างจากภูเขาหิมะไปประมาณสิบกว่าลี้จะมีดินแดนอีกดินแดนตั้งอยู่ที่นั่น

อาวุธของแคว้นเทียนเฟิ่งแข็งแรงทนทานมาก อาวุธที่ไป๋จิ่นถงเอาไปแทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ต่อมาเมื่อสอบถามจึงรู้ว่าแคว้นเทียนเฟิ่งมีสูตรลับในการหลอมอาวุธ พวกเขาจะเติมสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าผงหมึกลงไปขณะหลอมอาวุธด้วย

ไป๋จิ่นถงให้คนส่งผงหมึกและนักตีเหล็กชาวเทียนเฟิ่งมาพร้อมกับจดหมายด้วย เผื่อไป๋ชิงเหยียนจะใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้และคนเหล่านี้ได้บ้าง ทว่า พวกนางไม่รู้ภาษาของชาวเทียนเฟิ่งจึงไม่สามารถสื่อสารกันได้ ทำได้เพียงใช้ภาษามือและการวาดรูปเท่านั้น

ไป๋จิ่นถงยังกล่าวในจดหมายอีกว่าของที่นางนำไปขายในซีเหลียงได้รับความนิยมมากเพราะคนสูงศักดิ์ของซีเหลียงไม่เคยเห็นของเหล่านี้ โดยเฉพาะตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหกตระกูลของซีเหลียงต่างแย่งกันซื้อของจากนาง ตอนนี้ไป๋จิ่นถงจึงมีโอกาสใกล้ชิดกับคนตระกูลสูงศักดิ์มากมายในซีเหลียง

ไป๋จิ่นถงกล่าวถึงจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงในจดหมายด้วย หญิงสาวเล่าว่าจักรพรรดินี้แห่งซีเหลียงต้องการสนับสนุนบัณฑิตยากจนให้มีโอกาสรับตำแหน่งทั้งขุนนางฝ่ายบัณฑิตและขุนนางฝ่ายนักรบ ไป๋จิ่นถงรู้สึกว่าจักรพรรดินี้แห่งซีเหลียงแอบสั่งให้อวิ๋นพั่วสิงลอบฝึกกองทัพที่เลียนแบบทหารค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋ขึ้นมากลุ่มหนึ่ง ทว่า นางยังไม่ได้สืบอย่างละเอียด นางคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวลือแน่นอน นางจะสืบดูให้แน่ชัดว่ามีทหารค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋ถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ที่ซีเหลียงบ้างหรือไม่

ตั้งแต่ที่ซีเหลียงทำศึกภูเขาเวิ่งกับต้าจิ้นจนทหารยอดฝีมือของซีเหลียงถูกไป๋ชิงเหยียนสังหารนับหมื่นนาย ซีเหลียงที่เคยคานอำนาจกับต้าจิ้นได้ก็สูญเสียอย่างหนัก บัดนี้ซีเหลียงต้องตั้งตัวใหม่อีกครั้ง จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเสนอนโนบายสำหรับฟื้นฟูแคว้นซีเหลียงขึ้นมา

นโยบานใหม่อย่างหนึ่งของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงคือบุรุษที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วต้องแยกจวนจากบิดามารดา เพราะการเกณฑ์ทหารของซีเหลียงยึดตามครัวเรือน การทำเช่นนี้จะทำให้ทหารของซีเหลียงมีเพิ่มมากขึ้น เด็กหนุ่มส่วนใหญ่ที่อายุครบสิบสี่ปีล้วนถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ซีเหลียงอยากถือโอกาสตอนที่ต้าเว่ยกำลังทำสงครามกับต้าเยี่ยน ต้าเหลียงกำลังทำสงครามกับต้าจิ้นและหรงตี๋ที่กำลังขัดแย้งกันเองภายในสร้างกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง

ไป๋จิ่นถงกำชับให้ไป๋ชิงเหยียนเตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้า

ไป่จิ่นถงรู้เรื่องที่ต้าจิ้นกำลังทำสงครามอยู่กับต้าเหลียง หญิงสาวเดาได้ทันทีว่าพี่หญิงใหญ่ของตนต้องการทำลายล้างต้าเหลียง ทว่า ราชวงศ์หลินแห่งต้าจิ้นไม่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้น อีกทั้งต้าจิ้นเกิดโรคระบาดขึ้นในสองเมือง ต้าจิ้นคงไม่มีเวลาไปหยุดยั้งซีเหลียง ในเมื่อไม่มีทางยับยั้งการสร้างความแข็งแกร่งของซีเหลียงได้ ไป๋จิ่นถงจึงตั้งใจจะเลียนแบบก่วนจ้ง[1]ใช้การค้าควบคุมชาวเมืองซีเหลียง ทว่า นางทำได้เพียงลองดูเท่านั้น ไม่กล้ากล่าวว่าจะประสบความสำเร็จ ที่สำคัญต้องใช้เงินจำนวนมากและความร่วมมือจากไป๋ชิงเหยียนด้วย

ไป๋จิ่นถงส่งจดหมายกลับมาในครั้งนี้ เฉินชิ่งเซิงจึงส่งป้ายหยกฝากให้ไป๋ชิงเหยียนมอบให้ชุนเถาด้วยเช่นกัน

เมื่ออ่านจดหมายของไป๋จิ่นถงจบ ไป๋ชิงเหยียนเริ่มแน่ใจมากยิ่งขึ้น

ไป๋จิ่นถงต้องการเลียนแบบวิธีการที่ก่วนจ้งปฏิบัติต่อแคว้นหลู่ในตอนนั้นเพื่อทำให้ซีเหลียงอ่อนแอลงเรื่อยๆ อีกทั้งต้องการจำกัดและควบคุมระบบการปกครองของซีเหลียง

ตอนที่ฉีหวนกงยังอยู่ในตำแหน่ง แคว้นฉีไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเท่าแคว้นหลู่ ก่วนจ้งวางแผนให้ฉีหวนกงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ทำจากแคว้นหลู่ ไม่นานราชวงศ์และคนสูงศักดิ์ของแคว้นฉีต่างพากันแต่งกายเรียนแบบฉีหวนกง คนในแคว้นฉีต่างคิดว่าผ้าไหมแสดงถึงความสูงศักดิ์ ก่วนจ้งจึงออกคำสั่งไม่ให้แคว้นทอผ้าไหมสังเคราะห์และไหมที่ได้จากธรรมชาติอีก เขาส่งพ่อค้าจำนวนมากไปยังแคว้นหลู่เพื่อกว้านซื้อผ้าดิบของที่นั่นมาจนหมดแคว้น แคว้นหลู่จึงทำกำไรได้มหาศาล ต่อมาเขาจึงป่าวประกาศกับชาวบ้านแคว้นหลู่ว่าหากนำผ้าเข้าไปขายในแคว้นฉีจะสร้างรายได้ให้ตัวเองได้

เมื่อชาวบ้านได้ยินเช่นนั้นจึงพากันละทิ้งงานเดิมของตัวเอง ละทิ้งไร่นา หันไปค้าขายผ้าไหมเพื่อกำไรที่สูงกว่า

ต่อมาก่วนจ้งส่งคนแพร่กระจายข่าวนี้ไปทั่วจนชาวบ้านของแคว้นหลู่ละทิ้งไร่นาของตัวเองจนรกร้าง ทว่า ต่อมาแคว้นฉีกลับเลิกซื้อผ้าไหมเหล่านี้อย่างกะทันหัน แคว้นหลู่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ขาดแคลงเสบียง แคว้นหลู่จึงต้องยอมจำนนต่อแคว้นฉี

ไป๋ชิงเหยียนลูบนิ้วของตัวเองอย่างใช้ความคิด…

การที่ไป๋จิ่นถงต้องการเลียนแบบก่วนจ้งก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากต้าเยี่ยนทำลายล้างแคว้นเว่ยได้ ต้าจิ้นทำลายล้างต้าเหลียงได้ หากซีเหลียงต้องการเสบียง…พวกเขาทำได้เพียงขอจากต้าเยี่ยนหรือต้าจิ้นเท่านั้น ต้าเยี่ยนไม่ได้ร่ำรวยเท่าต้าจิ้น พวกเขาเพิ่งตั้วตัวได้หลังจากยึดหนานเยี่ยนกลับคืนไปเป็นของตัวเอง ต่อให้สามารถแบ่งเสบียงให้ซีเหลียงได้ ทว่า ก็คงไม่มากสักเท่าใดนัก

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเงิน!

หากท้องพระคลังของแคว้นมีเงิน รัชทายาทต้องนำไปสร้างหอบูชาเก้าชั้นแน่นอน

ต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน รอให้จิ่นถงคุ้นเคยกับสถานการณ์ในซีเหลียงก่อนค่อยว่ากันอีกที

ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งถงหมัวมัว “หมัวมัวส่งคนไปตามซ่านหรูมาพบข้าที ข้ามีเรื่องจะสั่งให้เขาทำ”

“เจ้าค่ะ” ถงหมัวมัวรับคำแล้วเดินออกไปสั่งให้คนไปตามเฉิงซ่านหรูมา

ไป๋ชิงเหยียนมองดูผงหมึกและวิธีการใช้ผงหมึกหลอมเหล็กที่ไป๋จิ่นถงส่งมาแวบหนึ่ง จากนั้นสั่งให้ชุนเถาเก็บสูตรการหลอมเหล็กให้เรียบร้อย หญิงสาวได้ยินเสียงหลูผิงเดินเข้ามาในเรือนปัวอวิ๋นพลางสั่งให้หญิงชราเฝ้าประตูเข้ามารายงานนาง

“ชุนเถา เจ้าไปเชิญลุงผิงเข้ามาที…” ไป๋ชิงเหยียนจัดเครื่องแต่งกายของตัวเอง จากนั้นมองออกไปนอกหน้าต่าง

ไม่นานชุนเถาก็พาหลูผิงเดินเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว หลูผิงทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนผ่านฉากกั้น

“คุณหนูใหญ่ เยว่สือบ่าวรับใช้ข้างกายของเซียวเซียนเซิงขี่ม้าเร็วมาถึงจวนไป๋ จากนั้นหล่นลงมาจากหลังม้าขอรับ เขาเอาแต่บอกว่าขอพบท่านหมอหง ข้าให้คนพาเยว่สือไปพักและตามท่านหมอหงไปดูอาการของเขาแล้วขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนจับโต๊ะแน่น เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเซียวหรงเหยี่ยนอย่างนั้นหรือ!

“มีทางทำให้เยว่สือตื่นขึ้นมาก่อนหรือไม่…” ไป๋ชิงเหยียนหยุดชะงัก จากนั้นกล่าวขึ้น “ข้าจะไปดูเอง”

หญิงสาวต้องรับรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนปลอดภัยนางถึงจะวางใจ

“ตอนนี้คุณหนูใหญ่ “ป่วยหนัก” อยู่นะขอรับ หากคุณหนูใหญ่ไปที่เรือนหน้าอาจมีคนไปฟ้องรัชทายาทได้ขอรับ คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าฝากให้ท่านหมอหงดูแลแล้ว หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น ข้าจะให้คนมารายงานคุณหนูใหญ่ทันทีขอรับ” หลูผิงรีบกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น ข่าวที่นางได้รับคือจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนรบชนะซีเหลียงที่เมืองหลงอันจนซีเหลียงต้องถอยทัพหนีไป

[1] ก่วนจ้ง นักปรัชญาและนักการเมืองที่มีชีวิตอยู่ในสมัยชุนชิว เขาเป็นคนที่มีความคิดหลายอย่างแตกต่างจากคนสมัยนั้น เขาให้ความสำคัญกับการใช้คนและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มาก ตอนที่เขาได้เป็นอัครมหาเสนาบดีของรัฐฉี รัฐฉีเป็นมหาอำนาจอยู่เป็นเวลานาน